Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Slow But Sure ที่ มิถุนายน 27, 2022, 15:35:08
-
สิ่งนึงที่อ่านเจอเลยคือปัญหาการจองหัวชาจ ที่ทีเกินเวลาบ้าง มาสายบ้าง มีคนมาปลดออกไปเสียบของตัวเอง
อีกเรื่องคืออัตราเร่งที่มันแรงขึ้นกว่าน้ำมันเยอะ รถน้ำมัน 0-100 10-12 วิเป็นเรื่องปกติ พอมา EV มีต่ำแปด พวกที่ขยี้คันเร่งอย่างเดียวมันจะทำให้บรรยากาศบนถนนแย่ลงมั้ยครับ
-
มันก็คงมีแหล่ะครับ คนขับไม่ดี มารยาทแย่อาจจะมีเท่าเดิม แต่อุปกรณ์มันดีขึ้น
-
มั่นใจว่าในอนาคตจะมีข่าวฆ่ากันตายเพราะแย่งหัวชาร์จ
-
บรรยากาศเปลี่ยน แต่คงมีทั้งดีและแย่ครับ
- คุณภาพอากาศคงดีขึ้น มลภาวะทางเสียงลดลง
- คนทะเลาะกันแย่งแท่นชาร์จ / เต็มแล้วไม่ย้ายออก / รถน้ำมันจอดทับช่องชาร์จ
- คนเดินเท้าถูก BEV ชน เพราะรถไม่มีเสียงเครื่อง
- รถติดเพราะ BEV แบตหมดกลางถนน
- ไฟไหม้อาคาร บ้าน จากการชาร์จรถ (อุปกรณ์เสื่อม, ดัดแปลงเอง, ใช้ของมั่วซั่ว)
- ช่างเถอะ ช่างบ้านๆ โดนไฟดูดตาย จากการแกะ ซ่อม ดัดแปลงรถไปเรื่อย
- อุบัติเหตุจากมือใหม่สร้างตัว อัตราเร่งกระฉูด เอารถไม่อยู่
- รถชนตามจุดกลับรถ แยกวัดใจ เพราะกะอัตราเร่งรถไม่ถูก ต่างจากรถน้ำมัน
etc.
-
มันดึงออกได้ง่ายๆด้วยหรอครับถ้าไม่ใช่เจ้าของรถต้องปลดล๊อคไรงี้ก่อน สอบถามเป็นความรู้ครับ
-
ของแบบนี้ถ้ามันจะมีปํญหาก็มีปัญหาทุกอย่างแหละครับ
สุดท้ายอยู่ที่มารยาท
-
ผมว่าเรื่องปัญหาจราจรไม่หรอกครับ รถ ev แรงจริงนะแต่พอไปขับไปได้ซักพัก คนขับevส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนขับรถช้า
เพราะอะไร? เพราะยิ่งขับช้ามันยิ่งวิ่งได้ไกล มันจะรู้สึก challenge ตัวเองวว่ารอบนี้จะขับได้ไกลกว่าเดิมมั้ย เหมือนขับhybridอะครับ บ้านมีรถคันอื่นตีนผีซิ่งแรงแ-กน้ำมันขนาดไหนพอมาจับhybridก็ขับแบบแคร์อัตราสิ้นเปลืองซะงั้น
จากประสบการณ์ขับกทม-หัวหิน ที่คนชอบขับevมาเที่ยวกันไม่ค่อยเจอevซิ่งเลนขวา120 ตามรถน้ำมันกันนะส่วนใหญ่จะวิ่ง100อยู่กลางกัน ทั้ง leaf cat zs เคย model 3 ซัดๆมุดแซงไปรอบเดียว
-
มันไม่จำเป็นต้องกดเต็มตลอดเวลานิครับ ถึงจะกดเต็มก็ไม่เป็นไรสำหรับผมนะ ยังดีกว่าพวกแต่งเสียงดังกับพวกควันดำเป็นไหนๆ
-
ถามเพิ่ม แบบนี้จะมีอันตรายมากขึ้นไหมครับ หากเจอสายมุดขับไวๆปาดไปมา เพราะรถมันเงียบมาก เช่นมา 160 ไรงี้ ถ้ารถแต่งทั่วไปหรือ supercar อย่างน้อยเสียงก็นำมาก่อน คนรอบข้างจะได้ระวังมากขึ้น แต่แบบนี้เราขับดีๆ ตั้งใจเปลี่ยนเลน เจอพวก EV วิ่งมา 160+ เปรี้ยงเลยแบบเงียบๆ
-
เรื่องแย่งที่ชาร์จ อาจจะมีตามถนนระหว่างจังหวัด ถ้าตอนนั้นสถานีนี้ชาร์จยังมีไม่เพียงพอ
ในตัวเมือง คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนั้นๆ น่าจะชาร์จบ้านตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว
จริงๆ ปัญหาพวกนี้เราดูตัวอย่างประเทศที่ใช้ BEV เยอะๆ ก็ได้ เช่น นอร์เวย์ จีน
-
ไม่มีปัญหาถ้ารถมันแรงมากคนขับเองนั่นละจะแพ้ภัยตัวเอง ยิ่งขยี้คันเร่ง ยิ่งต้องโฟกัสการขับมากขึ้น สุดท้าย กดดันเครียดเองเปล่าๆ
อีกอย่างคนจะซิ่งมันอยู่ที่คนไม่ใช่อยู่ที่รถ ทุกวันนี้เจอ Eco car ไม่ก็ กระบะตลาดล่างควันดำซิ่งประจำ ส่วนพวกรถแรงๆเห็นขับมีมารยาทกว่าเยอะ
เรื่องจุดชาร์จมีตีกันแน่นอน ดึงปลั๊ก จอดกั๊ก จอดแช่ บลาๆ ปัญหาโคตเยอะ 55555
-
มันดึงออกได้ง่ายๆด้วยหรอครับถ้าไม่ใช่เจ้าของรถต้องปลดล๊อคไรงี้ก่อน สอบถามเป็นความรู้ครับ
ปกติจะต้องกดเปิดรถก่อนนะครับ ถึงจะดึงออกได้ ถ้าล็อคดึงไม่ได้ครับ อันนี้ของ MG นะ ยี่ห้ออื่นน่าจะคล้ายๆกัน
-
มอเตอร์ไซค์ไทยกะจังหวะ BEV สปินตัวไม่ถูกมีกลิ้งเพิ่มแน่
จังหวะกึ่งไหลกึ่งติดในเมือง เข้าออกซอย เปลี่ยนเลน ตีคู่หรือแทรกยังไงก็พ้น จะชินว่ารถน้ำมันสปินตัวช้ากว่าไซค์เยอะ
พวกสปินตัวไวๆอย่าง BigBike ที่รอดกันได้เพราะท่อดัง เสียงมาก่อนตัว (เกลียดเสียงท่อดังๆ แต่มันกลายเป็นเสียงเตือนบนถนนได้ดี)
-
มองข้ามเรื่องความคุ้มค่าไปก่อน
ผมว่าการมาของ EV มีข้อดี มากกว่าข้อเสียมากๆ เรื่องความรู้สึก ความเคยชินของคนขับ มองข้ามไปเถอะครับ ผมว่าบรรยากาศของคนเดินเท้า เช่น มลพิษทางอากาศ ทางเสียง น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากกว่ามาก
และข้อเสียที่ว่ามาคิดว่าน่าจะมีทางแก้ได้ไม่ยาก
- เรื่องจุดชาร์จที่กลัวว่า กินเวลาบ้าง มาสายบ้าง --> น่าจะเก็บเงินค่าชาร์จตามเวลาเอาครับ แล้วอาจจะเป็นโมเดลขั้นบันไดเหมือนที่จอดรถในห้าง เช่น 2 ชม. แรก เก็บราคาปกติ แล้ว ชม.ที่ 3 ขึ้นไปเก็บในอัตราก้าวหน้า
- มีคนมาปลดออกไปเสียบของตัวเอง --> น่าจะต้องปลดลอครถก่อนถึงจะเอาออกได้ อันนี้ไม่น่ามีปัญหา
เรื่องอื่นๆ วงจรปิดตรงสถานีชาร์จก็น่าจะช่วยได้ครับ
-
มอเตอร์ไซค์ไทยกะจังหวะ BEV สปินตัวไม่ถูกมีกลิ้งเพิ่มแน่
จังหวะกึ่งไหลกึ่งติดในเมือง เข้าออกซอย เปลี่ยนเลน ตีคู่หรือแทรกยังไงก็พ้น จะชินว่ารถน้ำมันสปินตัวช้ากว่าไซค์เยอะ
พวกสปินตัวไวๆอย่าง BigBike ที่รอดกันได้เพราะท่อดัง เสียงมาก่อนตัว (เกลียดเสียงท่อดังๆ แต่มันกลายเป็นเสียงเตือนบนถนนได้ดี)
เอาแค่รถหกสูบหรือ phev ทุกวันนี้ยังออกตัวเต็มคันเร่งไม่ได้เลยครับ ถ้าเต็มคันเร่งชนมอไซด์คว่ำแน่นอน
รถ EV ไม่ต้องพูดถึงครับ ออกตัวหรือเร่งแซงแบบประมาท อุบัติเหตุเพิ่มแน่นอนครับ
-
ถ้าทุกคนหวังพึ่งพาหัวจ่ายที่ชาร์จไฟสาธารณะนอกบ้าน ยังไงก็วุ่นวายครับ
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
-
อากาศในเมืองดีขึ้น เสียงท่อด้งๆ ลดลง แค่นี้ผมว่า ได้ มากกว่า เสีย ครับ
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
-
เรื่องไม่พอ ต่อคิวชาร์จไม่เท่าไหร่
แต่เรื่องระบบจองชาร์จ แล้วมาช้า มันไม่ควรวทำเลย
มันควรรันคิวหน้าตู้ มาถึงยิงQR รันคิวต่อๆ กัน
ใครมาก่อนได้ก่อน ตามลำดับ
-
เรื่องไม่พอ ต่อคิวชาร์จไม่เท่าไหร่
แต่เรื่องระบบจองชาร์จ แล้วมาช้า มันไม่ควรวทำเลย
มันควรรันคิวหน้าตู้ มาถึงยิงQR รันคิวต่อๆ กัน
ใครมาก่อนได้ก่อน ตามลำดับ
ถูกครับมันไม่ควรมีระบบคิวมาตั้งแต่แรก ตู้ชาร์จสาธารณะไม่ใช่นัดคิวหมอนวดไม่เข้าใจปตท.คิดอะไร
ตู้พวกนี้ใช้สำหรับคนเดินทางไกลแล้วเดินทางไกลมันfixเวลาไม่ได้ แล้วต้อวไปถึงตู้ทุกๆต้นชั่วโมง เจอรถติดหน่อยนึงก็เลทเกินแล้ว ความจริงมันใช้ได้ที่ไหน ทุกวันนี้เห็นจองคิวเต็มวันแต่หน้างานจริงคันจองมาไม่ทันอยู่ดี รอเวลาครบก็ชาร์จแทนได้เลย
เมื่อก่อน pea ก็มีระบบคิวแต่พักหลังก็ยกเลิกไปแล้ว
-
รถปกติรอรอบ ก็มีตีนต้นจัดๆ ทำให้เสียหายมาเยอะ ถ้า ev ก็อย่าเหยียบสุดกันนะครับอันตราย
อีกอย่างที่น่ากลัวคือเรื่องเสียงที่เงียบมาก เข้าซอย ขับในหมู่บ้าน ที่ชุมชน ต้องระวังขับช้าเข้าไว้
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
โอ้ว อะไรกันครับเนี่ย ขับตามหลัง ถ้าคันหน้าไม่ถึงกับเบรคกระทันหัน หัวทิ่มหัวตำ โดยไม่มีเหตุอันควร เราต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอครับ
ตอนผมขับเกียร์ธรรมดา ใช้เปลี่ยนเกียร์ต่ำ engine brake ช่วย ก็ไม่ค่อยได้เหยียบเบรคเหมือนกัน สภาพจะเป็นยังไงกันล่ะครับเนี่ย 555
-
คนแย่ๆมีอยู่ทุกที่ครับ ขนาดที่เติมลมฟรี ตามปั๊มยังมีปัญหาได้เลย >:(
-
มันดึงออกได้ง่ายๆด้วยหรอครับถ้าไม่ใช่เจ้าของรถต้องปลดล๊อคไรงี้ก่อน สอบถามเป็นความรู้ครับ
หัวเสียบมันมีรูสี่เหลี่ยมอยู่ครับ เวลาชาร์จตัวรถมันจะมีเดีอยมาล็อคหัวชาร์จไว้ดึงไม่ออกครับ ต้องปลดล็อครถหัวชาร์จก็จะถูกปลดล็อคด้วย
มันเหมือนกันหมดทุกยี่ห้อครับ เป็นมาตรฐาน
อีกอย่าง... ถ้าดึงออกสุมสี่สุ่มห้าได้ขณะที่กำลังชาร์จอยู่อาจมีความเสี่ยงถูกไฟดูดหรือเกิดความเสียหายกับวงจรในตัวรถ
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
อ้าว...จะไปด่าเขาได้เหรอครับ เขาไม่ได้เบรคอย่างไม่มีสาเหตุนะครับ แค่ถอนเท้าจากคันเร่งมอเตอร์มันก็หน่วงความเร็วรถแล้ว เราอาจขับใกล้เกินไปมากกว่า
ผมขับ PHEV แฟนขับตามหลังผมยังสังเกตเห็นว่าเวลาที่ถอนคันเร่งเขาจะเข้ามาใกล้ ตอนหลังเขารู้ก็เว้นระยะมากขึ้น
-
แต่ที่แน่ ๆ เขม่าจากคาร์บอนน้อยลงคับ
เรื่องแย่งที่ชาร์จคงมีแน่ อย่างเมกาเอง ขนาดสถานี Fast charge เยอะ ๆ คนเกือบ 15% ที่ซื้อ Tesla มาก็ขายทิ้ง เพราะที่พักไม่สามารถชาร์จได้ ต้องไปรอชาร์จตามสถานี แม้จะมีร้านกาแฟ เบเกอรี่แถวนั้น แต่การต้องไปเสียตังกินกาแฟ ไปนั่งรอในทุก ๆ ครั้งที่ต้องชาร์จไฟ มันก็ไม่สะดวก สุดท้ายก็เลยต้องขายกลับไปใช้ ICE แทน แต่ 85% ที่สามารถชาร์จข้ามคืนที่บ้านได้ ก็ Happy ดี
-
เรื่องการชาร์จ ยังไงก็คงมีปัญหาครับ
1 นาทีของเราไม่เท่ากัน คนรอชาร์จก็หวังว่าคนชาร์จอยู่จะมารอเอาหัวชาร์จออก คนชาร์จอยู่ก็คิดว่าแปปเดียวไม่เป็นไร น่าจะมี charger ที่แยกเป็นหลายหัวนะ แต่ชาร์จได้ทีละหัว จะได้กันปัญหาพวกนี้ได้บ้าง
เรื่องสมรรถนะของรถ ไม่ค่อยกังวล ปัจจุบันพวก phev หรือ civic turbo ยุโรปแรงๆ วิ่งกันเยอะ น้อยคันที่ตะกดมิดตลอด เรื่องเสียงเครื่องเสียงท่อ ไม่ค่อยได้ยินมาหลายปีแล้วนอกจากเร่งหนักๆ
สุดท้ายอยู่ที่คนขับ กับผู้บังคับใช้กฏหมายนั้นแหละ ว่าจะจัดการให้เข้าที่เข้าทางยังไงวันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
โอ้ว อะไรกันครับเนี่ย ขับตามหลัง ถ้าคันหน้าไม่ถึงกับเบรคกระทันหัน หัวทิ่มหัวตำ โดยไม่มีเหตุอันควร เราต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอครับ
ตอนผมขับเกียร์ธรรมดา ใช้เปลี่ยนเกียร์ต่ำ engine brake ช่วย ก็ไม่ค่อยได้เหยียบเบรคเหมือนกัน สภาพจะเป็นยังไงกันล่ะครับเนี่ย 555
-
มันดึงออกได้ง่ายๆด้วยหรอครับถ้าไม่ใช่เจ้าของรถต้องปลดล๊อคไรงี้ก่อน สอบถามเป็นความรู้ครับ
หัวเสียบมันมีรูสี่เหลี่ยมอยู่ครับ เวลาชาร์จตัวรถมันจะมีเดีอยมาล็อคหัวชาร์จไว้ดึงไม่ออกครับ ต้องปลดล็อครถหัวชาร์จก็จะถูกปลดล็อคด้วย
มันเหมือนกันหมดทุกยี่ห้อครับ เป็นมาตรฐาน
อีกอย่าง... ถ้าดึงออกสุมสี่สุ่มห้าได้ขณะที่กำลังชาร์จอยู่อาจมีความเสี่ยงถูกไฟดูดหรือเกิดความเสียหายกับวงจรในตัวรถ
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
อ้าว...จะไปด่าเขาได้เหรอครับ เขาไม่ได้เบรคอย่างไม่มีสาเหตุนะครับ แค่ถอนเท้าจากคันเร่งมอเตอร์มันก็หน่วงความเร็วรถแล้ว เราอาจขับใกล้เกินไปมากกว่า
ผมขับ PHEV แฟนขับตามหลังผมยังสังเกตเห็นว่าเวลาที่ถอนคันเร่งเขาจะเข้ามาใกล้ ตอนหลังเขารู้ก็เว้นระยะมากขึ้น
ลองตามดูบ้างยังครับ รถที่ไม่มีไฟเบรค มันทำให้คนขับตามหลังจิตตกมากเลยนะครับ
มันไม่ใช่แค่ชะลอนะครับ ถึงขันหยัดสนิทโดยที่ไฟไม่ขึ้นเลย
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
โอ้ว อะไรกันครับเนี่ย ขับตามหลัง ถ้าคันหน้าไม่ถึงกับเบรคกระทันหัน หัวทิ่มหัวตำ โดยไม่มีเหตุอันควร เราต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอครับ
ตอนผมขับเกียร์ธรรมดา ใช้เปลี่ยนเกียร์ต่ำ engine brake ช่วย ก็ไม่ค่อยได้เหยียบเบรคเหมือนกัน สภาพจะเป็นยังไงกันล่ะครับเนี่ย 555
ผมเกิดมาในยุคที่ใช้เกียร์ธรรมดาเป็นหลัก พวกคนขับรถยุคนั้นมักจะขิงกันขนาด หยุดไฟแดงสนิทโดยที่ไม่ต้องใช้เบรค
ไม่เข้าใจ จะทำไปเพื่ออะไร
ผมเข้าใจครับการใช้เอ็นจิ้นเบรคเพื่อชะลอความเร็วน่ะ ยุคนั้นใครๆก็ทำกัน
แต่จะให้หยุดสนิทโดยไฟเบรคไม่ขึ้นแบบรถไฟฟ้ายุคใหม่ มันก็ไม่ต่างกับการหยุดสนิทโดยไฟเบรคไม่ขึ้นของก.ธรรมดาสมัยก่อน
-
เรื่องหัวชาร์จ ทุกวันนี้ที่ชาร์จมือถือตามที่สาธารณะ ไม่ค่อยเจอใครแย่งกันใช้เท่าไหร่นะครับ
แต่ก็อาจจะเพราะระยะเวลาในการใช้และชาร์จด้วย
ที่ชาร์จรถถ้าจะเจอเหตุการณ์แย่งกันเกิดขึ้นก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลก สังคมคนเราถูกอบรมบ่มนิสัยมาต่างกันครับ
เรื่องไฟเบรก Kicks
ในคลับเคยทดสอบกันใหม่ๆ แล้วครับว่าถ้าแรงหน่วงไม่ถึง 0.1G ยังไงไฟเบรกก็ไม่ติด
ซึ่งเคสนี้มีโอกาสเกิดได้ตั้งแต่คลานแค่ไม่เกิน 5 km/h ก็ไม่ติดได้เลย
ซึ่ง MY22 จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยการใช้ e-Pedal step และมีสถานะไฟเบรกโชว์บนไมล์แทน
ซึ่งจะหน่วงได้เหมือน One Pedal แต่จะไม่หน่วงจนหยุดสนิท หยุดรถต้องเหยียบเบรกเอง
ซึ่งคนที่ออกไปแล้วก็บ่นนะว่าแบบเดิมคันเร่งแป้นเดียวสะดวกกว่า แต่ในเมื่อมันมีปัญหาเรื่องไฟเบรกแบบนี้ยังไงก็ต้องแก้ครับ สะดวกแต่อันตรายก็ไม่ไหว
-
ผมเป็นห่วงเรื่องการชาร์ตไฟมากกว่า ยิ่งตามในห้าง ที่ไม่เสียเงิน คงมีพวกต้องรอให้ 100% ก่อน ถึงจะออกรถได้
-
เรื่องที่ชาร์ต เริ่มต้นอาจไม่พอ แต่อย่าลืมว่าที่ชาร์ตการลงทุนมันน้อยกว่าปั๊มน้ำมันเยอะ รวมถึงใช้พื้นที่น้อยกว่า แค่มีที่จอดรถก็ติดตั้งได้ อีกหน่อยร้านอหารหรือหน้าร้านสะดวกซื้อก็คงมี
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ เกิดจากวินัยในการขับขี่ การเป็นรถไฟฟ้าอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก ทางยาวต้องแก้วินัยตั้งแต่เรียนอนุบาล จริงๆควรมีวิชาขับขี่ปลอดภัยบ่มเพาะตั้งแต่เด็กๆ
-
ใช้ EV อยู่คันนึงครับ ขอเล่าประสบการที่ลองใช้มา
ถ้าจอดแช่ช่องชารจตอนที่แบตเต็มแล้ว แอพมันปรับตังแพงมาก ไครอยากโดนอยากแช่ก็ตามสบายครับ
รถล็อคอยู่เอาสายชารจออกจากรถไม่ได้ครับ ไม่ต้องกลัวพวกมือบอน
ทุกวันนี้ไม่เคยมีปัญหากับคนขับรถเร็วครับ มีปัญหากะพวก ไฟเขียวแล้วเลียคันเร่งไม่เกิน 10% กับพวกช้าแช่ขวามากกว่า
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
ผมว่าส่วนหนึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของรถคันหลังนะครับที่ต้องกะระยะจากสิ่งกีดขวางด้านหน้า
สายตาคนขับจำเป็นต้องอยู่กับถนนตลอด และต้องแยกแยะระดับความลึกได้ เหมือนตอนสอบใบขับขี่
จริงอยู่ว่าหากมีไฟเตือน สัญญาณบอกมันก็จะช่วยเราได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญเลยผมว่าเราต้องใช้สายตากะระยะจากรถคันข้างหน้าครับ
ส่วนตัวเองกลับเกลียดไฟเบรก ที่ติดๆดับๆ อยู่บอยๆ มันทำให้เราต้องยกและเบรค ตามคันข้างหน้า
โดยเฉพาะคนที่ขับรถ 2 เท้าและเท้าซ้ายคุณคาไว้ที่แป้นเบรค มันทำให้ไฟเบรคติดบ่อยเอามากๆ
กรณีของ kicks หากมีแรงเบรค เกิน 0.1G ไฟเบรคถึงจะติด ผมว่า 0.1G มันก็คือชะลอความเร็วทั่วไปนะครับ
ไม่ได้เบรคแรง หรือเบรคกะทันหันอะไรเลย หากไว้ระยะที่ปลอดภัย ก็น่าจะแยกแยะและคำนวนความเร็วของคันข้างหน้าได้ไม่ยาก
ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันถ้าจังหวะรถหยุดนึ่งเลยไฟเบรคจะติดไหม ถ้าไม่ผมว่าก็ควรแก้ไขนะในจังหว่ะหยุดนึ่ง
ส่วนตัวเวลาขับรถน้ำมัน ก็ไม่ค่อยได้ใช้ friction brake อยู่แล้ว เพราะ engine break ก็ใช้ชะลอความเร็วได้ดี
ซึ่งตอนอยู่บน highway เวลาขับตามๆกันแล้วชะลอความเร็วเล็กน้อย ผมก็ไม่ค่อยเห็นใครใช้ friction brake กันนะครับ
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
ผมว่าส่วนหนึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของรถคันหลังนะครับที่ต้องกะระยะจากสิ่งกีดขวางด้านหน้า
สายตาคนขับจำเป็นต้องอยู่กับถนนตลอด และต้องแยกแยะระดับความลึกได้ เหมือนตอนสอบใบขับขี่
จริงอยู่ว่าหากมีไฟเตือน สัญญาณบอกมันก็จะช่วยเราได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญเลยผมว่าเราต้องใช้สายตากะระยะจากรถคันข้างหน้าครับ
ส่วนตัวเองกลับเกลียดไฟเบรก ที่ติดๆดับๆ อยู่บอยๆ มันทำให้เราต้องยกและเบรค ตามคันข้างหน้า
โดยเฉพาะคนที่ขับรถ 2 เท้าและเท้าซ้ายคุณคาไว้ที่แป้นเบรค มันทำให้ไฟเบรคติดบ่อยเอามากๆ
กรณีของ kicks หากมีแรงเบรค เกิน 0.1G ไฟเบรคถึงจะติด ผมว่า 0.1G มันก็คือชะลอความเร็วทั่วไปนะครับ
ไม่ได้เบรคแรง หรือเบรคกะทันหันอะไรเลย หากไว้ระยะที่ปลอดภัย ก็น่าจะแยกแยะและคำนวนความเร็วของคันข้างหน้าได้ไม่ยาก
ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันถ้าจังหวะรถหยุดนึ่งเลยไฟเบรคจะติดไหม ถ้าไม่ผมว่าก็ควรแก้ไขนะในจังหว่ะหยุดนึ่ง
ส่วนตัวเวลาขับรถน้ำมัน ก็ไม่ค่อยได้ใช้ friction brake อยู่แล้ว เพราะ engine break ก็ใช้ชะลอความเร็วได้ดี
ซึ่งตอนอยู่บน highway เวลาขับตามๆกันแล้วชะลอความเร็วเล็กน้อย ผมก็ไม่ค่อยเห็นใครใช้ friction brake กันนะครับ
ทิ้งระยะห่างไว้เยอะมากนะครับ แต่ด้วยการที่รถไฟฟ้าและไฮบริดอย่างepowerมันมีเอนจิ้นเบรคที่เยอะกว่ารถน้ำมันทั่วไปจนเกือบจะเป็นเบรคหัวทิ่ม ทำให้ระยะที่ทิ้งไว้เยอะๆอาจทำให้ไม่พอขับตามได้ยากครับ เข้าใจด้วยนะครับ
-
ในนอนาคตอาจจะมีข่าวไฟไหม้แท่นชาร์จ ไฟไหม้รถ ไฟไหม้บ้าน ปั๊มกันมากขึ้น เพราะคุณภาพของรถ และผู้ใช้ที่ยังไม่ชิน
-
กลายเป็นว่ายังไม่ต้องมีอีวี..ดูจากบรรยากาศในกระทู้นี้เอาก็ได้ ผมว่าสังคมเรามันแย่ถึงขั้นสุดแล้ว..โดยเฉพาะสังคมบนถนนและลานจอดรถ (รวมจุดชาร์จ) ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปยังงัย
-
วันก่อน ผมบีบแตรด่า kick คันนึงลั่นถนนเลย
สาเหตุเพราะผมเกือบชนท้าย มันแย่น้อยกว่ารถไฟเบรคเสียหน่อยเดียวเอง
แล้วรถไฟฟ้าหลายรุ่นก็มีโหมดนี้ด้วยสิ ไม่รู้อนาคตจะทำสัญญาณไฟเบรคเทียมหรือยัง อันตรายมากนะครับ
ที่ทำงานก็มีคนนึงซื้อมาแล้วขิงเหลือเกินว่าซื้อเพราะone pedal
นั่นแหละครับ น่าสาปแช่งไอ้พวกเวรนี่มากครับ
ผมว่าส่วนหนึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของรถคันหลังนะครับที่ต้องกะระยะจากสิ่งกีดขวางด้านหน้า
สายตาคนขับจำเป็นต้องอยู่กับถนนตลอด และต้องแยกแยะระดับความลึกได้ เหมือนตอนสอบใบขับขี่
จริงอยู่ว่าหากมีไฟเตือน สัญญาณบอกมันก็จะช่วยเราได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญเลยผมว่าเราต้องใช้สายตากะระยะจากรถคันข้างหน้าครับ
ส่วนตัวเองกลับเกลียดไฟเบรก ที่ติดๆดับๆ อยู่บอยๆ มันทำให้เราต้องยกและเบรค ตามคันข้างหน้า
โดยเฉพาะคนที่ขับรถ 2 เท้าและเท้าซ้ายคุณคาไว้ที่แป้นเบรค มันทำให้ไฟเบรคติดบ่อยเอามากๆ
กรณีของ kicks หากมีแรงเบรค เกิน 0.1G ไฟเบรคถึงจะติด ผมว่า 0.1G มันก็คือชะลอความเร็วทั่วไปนะครับ
ไม่ได้เบรคแรง หรือเบรคกะทันหันอะไรเลย หากไว้ระยะที่ปลอดภัย ก็น่าจะแยกแยะและคำนวนความเร็วของคันข้างหน้าได้ไม่ยาก
ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันถ้าจังหวะรถหยุดนึ่งเลยไฟเบรคจะติดไหม ถ้าไม่ผมว่าก็ควรแก้ไขนะในจังหว่ะหยุดนึ่ง
ส่วนตัวเวลาขับรถน้ำมัน ก็ไม่ค่อยได้ใช้ friction brake อยู่แล้ว เพราะ engine break ก็ใช้ชะลอความเร็วได้ดี
ซึ่งตอนอยู่บน highway เวลาขับตามๆกันแล้วชะลอความเร็วเล็กน้อย ผมก็ไม่ค่อยเห็นใครใช้ friction brake กันนะครับ
คุณรู้ไหม เมื่อครั้งในอดีต ก่อนมีหลอดไฟ มนุษยชาติที่ใช้ถนนสัญจรเขากำหนดสัญลักษณ์มือ เพื่อบอกให้คันหลังทราบว่าเราจะทำอะไร
ตอนผมสอบใบขับขี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนสอบเขาก็มีบอกอยู่ว่า หากไฟเลี้ยวหรือไฟเบรคเราเสีย เราควรใช้สัญลักษณ์มืออย่างไร
การเบรคของคันหน้า มันถือเป็นเรื่องไม่ปกติอยู่แล้วครับ เราไม่รู้หรอกว่าเขาจะเบรคเมื่อไหร่ มันอยู่นอกเหนือการเฝ้าระวังปกติแน่นอน ไม่เช่นนั้น มนุษย์จะคิดสัญลักษณ์มาทำไมกันครับ