Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Cheap and cheerful ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2024, 09:47:17
-
พอไฟเป่าตดขึ้นหน่อยก็เริ่มเกิดอาการขึ้นมาเลย "รถเผาเขม่าเสียงเครื่องดัง น่าเบื่อมากครับ" ผมงงมากนะ ถ้าอยากเงียบก็ซื้อเบนซินดิ มาซื้อดีเซลทําไม หูทองขึ้นมาเชียว
แถมบรรดานักโมดิฟายโพสรับตัดระบบกันเพียบอวดคลิปพ่นควันดําหล่อๆเลยครัฟฟ
ขออนุญาตไม่ลงลิงค์นะครับ ไม่อยากมีปัญหา หาอ่านได้ในกลุ่ม Triton, Hilux Champ ได้ทั่วไปเลย
มาบ่นเฉยๆ ตกใจกับความคิดด้อยพัฒนามากๆ
-
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
-
นี่คือสาเหตุที่ Champ ขายไม่ค่อยดี หลายคน นิยมไปออก Revoหัวเดี่ยวหรือหัวกระสือ ซึ่งยังเป็นสต็อคเก่า ไม่มี DPF
-
ควรหันท่อไอเสียท้ายรถใส่บ้านตนเอง
ให้ลูกเมียและคนในครอบครัวดมทุกวัน
น้ำมันก็อุ้ม ภาษีก็อุ้ม ขนาดรถก็เอาเปรียบ
ชีวิตมันจะมีแต่ได้หมดทุกอย่างก็ไม่ใช่นะ
ทุกวันนี้ก็โสโครกมาก จอดหน้าบ้านก็ไม่ดับเครื่อง
-
พวกผลเสียจากการดมไอเสียนี้มันไม่เห็นผลระยะสั้นครับ คนที่ไม่มีจิตสำนึกเลยไม่ใส่ใจกัน
ผมเห็นโพสนึงในกลุ่ม Champ คนโพสบ่นอยู่เชียงรายที่โดนฝุ่นทุกปีแท้ๆ แต่ก็ยังคิดจะอุดตัดกัน
-
ไม่แปลกใจครับ และคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปรกติของกลุ่มนี้ด้วย
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยและอยากให้มีมาตรการออกมามาจัดการพวกรถแต่งทำลายโลกนี่ด้วย
น่าจะยึดรถแลัวจับมาปรับใฟ้จ่ายส่วนต่างของภาษีสรรพมามิตร(หรือเปล่า) จากการที่มลพิษมันเพิ่มขึ้นมา
-
กฏหมายมลพิษบ้านเรามันไม่แรงพอ สถานตรวจสภาพเอกชนทั้งหลาย นี่ถ้าอัดภาษีพวกรถที่ควันดำตอนตรวจสภาพให้แพงหน่อย พวกนี้ก็จะหมดไปเอง
-
กฎหมายต้องเข้ม
ถ้าตรวจเจอว่า ไม่มี DPF ต้องยึดรถเลย หรือ ปรับสัก 5 หมื่น อะไรแบบนี้
-
เรื่องอุด EGR ที่เถียงกันมาเป็นสิบยี่สิบปีเลยที่เดียวครับ
ผมก็โดน กลุ่มช่างเชี่ยวชาญที่ส่งเสริมการอุด EGR ด่า เนื่องจากเราไม่ใช่ช่างและผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์
ช่างและผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า การอุด EGR ดีกว่า ทั้งในแง่ เครื่องยนต์ ความแรง และสิ่งแดล้อม คือดีกว่าทุกด้าน ด้วยซ้ำครับ
ไอ้เราก็ไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีข้อมูล ได้แต่บอก วิศวกรจากโรงงานเขาคิดออกแบบมาดีแล้ว แต่ช่างผู้เชี่ยวชาญและอุด EGR
ก็บอกว่า ที่วิศวกรโรงงานทำ แค่เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน Euro เท่านั้น
-
กฎหมายต้องเข้ม
ถ้าตรวจเจอว่า ไม่มี DPF ต้องยึดรถเลย หรือ ปรับสัก 5 หมื่น อะไรแบบนี้
เห็นด้วยครับ รถใหม่ต่อทะเบียนควรตรวจสภาพรถด้วย ไม่มี DPF ก็ต่อไม่ผ่าน
-
ไอ้ข้างบ้านเก่าผมขับรถสองแถวเช้ามาสตาทอุ่นเครื่องครึ่งชั่วโมงกลิ่นเข้าบ้านทุกวัน ไปว่ามันก็เถียงเลยบอกรถผมวิ่งมาล้านกิโลแล้วอุ่นเครื่องแบบนี้ทุกเช้า เราสายเบนซินเอาคืนได้แค่เสาร์อาทิตย์สตาททิ้งไว้พร้อมกันสามคันเลยเพราะรถเราสายจอดยุค90ไร้แคทกลิ่นก็แสบจมูกดีเหมือนกัน
-
ผมแยกเรื่องเป็น 2-3 เรื่องครับ
1. เรื่องเผาเสียงดัง เสียเวลา ถ้าคนไม่คุ้นชิน ไม่ชอบ ก็คือ ไม่ชอบ ครับ อย่างก่อนหน้านี้บอกว่า พอเผา DPF จังหวะกำลังจะเข้าบ้าน ต้องไปวนๆ จนกว่าจะเผาเสร็จ บ้าแล้ว ทั้งเสียเวลา เสียน้ำมัน มันไม่ใช่วิสัย
2. เรื่องไอเสีย ผมว่า อันนี้โลกสวยไปหน่อย เพราะในบ้านเมืองที่มีรถ EURO2 3 4 ปะปนกันไปหมด มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ที่มี EURO5-6 ออกมา มันไม่เหมือนบางประเทศ ที่เขาค่อยๆ ตอนรถ EURO ต่ำไปเรื่อย (ไม่ต่อภาษีให้ หรือ ใช้รถต่อไม่ได้ หรือ เพิ่มค่าภาษีให้สูงขึ้น เพื่อไล่คนไปซื้อคันใหม่) มันทำให้รถ EURO ต่ำๆ ค่อยตายไป แต่กับบางประเทศ รถตั้งแต่สมัยสงครามโลก ยังวิ่งบนถนนได้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
3. การแต่งรถ ก็คงห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวบุคคล (ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ)
4. กฏหมาย อันนี้ คงคิดแทนไม่ได้ เพราะถ้ากฏหมายไม่มีผลหรือบังคับใช้เข็มงวด สภาพก็ตามที่เห็น
-
ปัญหาคือ ไม่มีใครจับรถที่ผิดกฎหมายแบบนี้ PM2.5 มากกว่า หมูกะทะ
ปัญหาการจราจร สะสมเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งอุบัติเหตุ ผิดกฎจราจร บรรทุกเกิน ผู้เกี่ยวข้องไม่ทำอะไร ชาวบ้านรับกรรมไป
จับบนถนนมันยาก จับร้านดัดแปลงสิ
-
ผมแยกเรื่องเป็น 2-3 เรื่องครับ
1. เรื่องเผาเสียงดัง เสียเวลา ถ้าคนไม่คุ้นชิน ไม่ชอบ ก็คือ ไม่ชอบ ครับ อย่างก่อนหน้านี้บอกว่า พอเผา DPF จังหวะกำลังจะเข้าบ้าน ต้องไปวนๆ จนกว่าจะเผาเสร็จ บ้าแล้ว ทั้งเสียเวลา เสียน้ำมัน มันไม่ใช่วิสัย
2. เรื่องไอเสีย ผมว่า อันนี้โลกสวยไปหน่อย เพราะในบ้านเมืองที่มีรถ EURO2 3 4 ปะปนกันไปหมด มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ที่มี EURO5-6 ออกมา มันไม่เหมือนบางประเทศ ที่เขาค่อยๆ ตอนรถ EURO ต่ำไปเรื่อย (ไม่ต่อภาษีให้ หรือ ใช้รถต่อไม่ได้ หรือ เพิ่มค่าภาษีให้สูงขึ้น เพื่อไล่คนไปซื้อคันใหม่) มันทำให้รถ EURO ต่ำๆ ค่อยตายไป แต่กับบางประเทศ รถตั้งแต่สมัยสงครามโลก ยังวิ่งบนถนนได้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
3. การแต่งรถ ก็คงห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวบุคคล (ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ)
4. กฏหมาย อันนี้ คงคิดแทนไม่ได้ เพราะถ้ากฏหมายไม่มีผลหรือบังคับใช้เข็มงวด สภาพก็ตามที่เห็น
...แย้งนะครับ ผมใช้ mazda2 ดีเซล ที่เป็นรถ euro5 มีDPF
1.ใครบอกครับว่าต้องไปขับวน ไม่จริงครับ จอดดับเครื่องได้เลย ระบบมันจะเผาต่อจนจบแล้วมันจะดับระบบให้เอง
2.ถ้าไม่เริ่ม จะไปเริ่มปีไหนครับ ขนาดรถเมล์ล้านปียังทยอยเป็นไฟฟ้าเกินครึ่งไปแล้ว รถส่วนตัวมันควรจะเริ่มได้นานแล้ว...และจะ euro 2 3 4 สถานที่ตรวจสภาพเขาจะมีจุดวัดมลภาวะว่าเกินหรือไม่ เพราะงั้นทำแบบนี้แล้วไปเข้มงวดที่ตรวจสภาพว่า อย่าลักไก่ให้พวกควันดำมันตรวจผ่าน
3.ห้ามได้ถ้าผิดกฏหมายครับ ถ้าออกกฏหมาย+สุ่มตรวจเหมือนตรวจควันดำตามถนน พวกโฆษณารับตัด อุด แต่จริงๆพวกตัด อุด ประกันก็ขาดแล้ว กล้าทำก็ลองดู
4.กฏหมายมีผลครับ และจริงๆก็มีด่านตรวจควันดำ แต่แค่ไล่ตรวจรถใหญ่ก็เหนื่อยแล้ว ก็เคยเห็นกระบะควันดำโดนด่านเหมือนกันนะ
...............
แทนที่จะนิ่งเฉยหรือปล่อยไป นี่คือโอกาสดีที่จะทำแล้วครับ โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ผู้ว่า เรื่อง PM2.5 มีอำนาจในมือ มีลูกน้องที่ทำได้ ก็ควรจะทำไม่ใช่ปล่อยจอยแบบตอนนี้นะครับ....
-
คนเราด้อยพัฒนา แต่ผมย้อนไปโทษระบบครับ กม. เราถึงจะทำมาแค่ไหน ผู้บังคับใช้กฎหมายมีแต่คนไร้ความสามารถมา ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จับได้แต่ไม่จับจริงจัง แก๊งบัวใต้น้ำก็ไม่กลัวหรอกครับ คนกลุ่มนี้ต่อให้เราหยิบยื่นสิ่งดีๆให้แค่ไหน สุดท้ายเค้าจะพยายามลงไปต่ำเหมือนเดิมหมดครับ ฐานะไม่เกี่ยว สภาพสังคมล้วนๆ พวกเด็กแว๊นทรงซ้อ รุ่นเดอะแบบมีเงินเยอะครับ แต่ mindset มันอยู่ต่ำ จะรวยแค่ไหนมันก็ได้แค่ห่มแต่การศึกษาเข้าไม่ถึงก็จบเลยยยย
แต่มันก็ก้ำกึ่งนะครับ
super car ท่อดังพ่นไฟ บอกเสียงเพราะจังเลย รถทรงแง้นมีท่อตดบอก ตลาดล่าง เอ๊ งง งง งง
-
ต้องไปตำหนิผู้บังคับใช้กฎหมาย
นายสิบเดี๋ยวนี้ก็มาจาก demographic เดียวกันครับ
-
ในฐานะที่เคยใช้ กระบะมาก่อน และอุด EGR ตั้งแต่ป้ายแดง ต้องบอกว่า รถอุด EGR ควันไม่ดำนะครับ รถผมอุดมาอัดให้ตายควันก็ไม่ออก อันนี้พูดถึงอุดอย่างเดียวไม่ได้จูนอะไรเพิ่มเติมนะ ...
ส่วนไอ้พวกควันดำน่ะ เค้าจูนมา จูนแบบตั้งใจพ่นควัน พวกนี้น่าด่า และผมเคยคิดว่าจริงๆรถเครื่องยนต์ดีเซลควรตรวจสภาพ เพื่อต่อทะเบียนทุกปี ใครควันดำ ท่อดัง ไม่ควรได้ต่อทะเบียน
รถใหม่ๆป้ายแดงๆ ถึงไม่อุดควันก็ไม่ดำเพราะในระบบยังสะอาดอยู่ แต่ที่เห็นคือป้ายยังแดงอยู่เลยไปทำท่อดัง พ่นควันกันแล้ว
-
ในฐานะที่เคยใช้ กระบะมาก่อน และอุด EGR ตั้งแต่ป้ายแดง ต้องบอกว่า รถอุด EGR ควันไม่ดำนะครับ รถผมอุดมาอัดให้ตายควันก็ไม่ออก อันนี้พูดถึงอุดอย่างเดียวไม่ได้จูนอะไรเพิ่มเติมนะ ...
ส่วนไอ้พวกควันดำน่ะ เค้าจูนมา จูนแบบตั้งใจพ่นควัน พวกนี้น่าด่า และผมเคยคิดว่าจริงๆรถเครื่องยนต์ดีเซลควรตรวจสภาพ เพื่อต่อทะเบียนทุกปี ใครควันดำ ท่อดัง ไม่ควรได้ต่อทะเบียน
รถใหม่ๆป้ายแดงๆ ถึงไม่อุดควันก็ไม่ดำเพราะในระบบยังสะอาดอยู่ แต่ที่เห็นคือป้ายยังแดงอยู่เลยไปทำท่อดัง พ่นควันกันแล้ว
.....ใช่ครับ อุดEGRควันอาจจะไม่ดำ แต่ควันไม่ดำไม่ได้แปลว่ามลพิษไม่มี
EGR จะช่วยลดไนโตรเจนออกไซด์ที่เป็นสาร"ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น"ครับ คุณอุดแล้วไม่เห็นควันดำหนะใช่ แต่ NOX เต็มท่อไอเสียครับ
และเอาเข้าจริงๆ ควันไม่ดำแต่สารพิษเพียบแบบนี้ จะร้ายกว่าเขม่าควันดำแบบที่เห็นๆกันด้วยซ้ำไปครับ ไม่ลองคิดดูหรือครับว่า บ.รถไม่มีใครอยากติดEGRเพิ่มต้นทุนและความยุ่งยากหรอก ถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหนะ
-
เอาจริง ผมไม่ได้หวังอะไรกับประเทศไทยเรานี้หรอกครับ ก็คงจะดักดานแบบนี้กันต่อไปตราบนานเท่านาน
ต่อให้ผมตายไปเกิดมาชาติหน้าก็คงจะไม่ต่างจากเดิม หรือไม่ก็อาจจะแย่กว่าเดิม
กฎหมายไม่เข้ม ข้อไหนเข้มก็เป็นช่องทางทำมาหารับประทานของพวงตั่วเฮียมีหนวดทั้งหลาย
ทำใจครับ (ไม่ต้องมาไล่ให้ผมไปประเทศอื่น เพราะถ้าไปได้ ผมไปนานแล้ว)
-
ผมแยกเรื่องเป็น 2-3 เรื่องครับ
1. เรื่องเผาเสียงดัง เสียเวลา ถ้าคนไม่คุ้นชิน ไม่ชอบ ก็คือ ไม่ชอบ ครับ อย่างก่อนหน้านี้บอกว่า พอเผา DPF จังหวะกำลังจะเข้าบ้าน ต้องไปวนๆ จนกว่าจะเผาเสร็จ บ้าแล้ว ทั้งเสียเวลา เสียน้ำมัน มันไม่ใช่วิสัย
2. เรื่องไอเสีย ผมว่า อันนี้โลกสวยไปหน่อย เพราะในบ้านเมืองที่มีรถ EURO2 3 4 ปะปนกันไปหมด มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ที่มี EURO5-6 ออกมา มันไม่เหมือนบางประเทศ ที่เขาค่อยๆ ตอนรถ EURO ต่ำไปเรื่อย (ไม่ต่อภาษีให้ หรือ ใช้รถต่อไม่ได้ หรือ เพิ่มค่าภาษีให้สูงขึ้น เพื่อไล่คนไปซื้อคันใหม่) มันทำให้รถ EURO ต่ำๆ ค่อยตายไป แต่กับบางประเทศ รถตั้งแต่สมัยสงครามโลก ยังวิ่งบนถนนได้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
3. การแต่งรถ ก็คงห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวบุคคล (ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ)
4. กฏหมาย อันนี้ คงคิดแทนไม่ได้ เพราะถ้ากฏหมายไม่มีผลหรือบังคับใช้เข็มงวด สภาพก็ตามที่เห็น
แล้วก็เลยหมายความว่า บ้านเราไม่ต้องมีกฏหมาย euro ใดๆ ตัด dpf จุด egr กันได้เต็มที่ แบบนี้หรอครับ?
งั้นยกเลิกลดภาษีรถไฟฟ้าไปเลยดีกว่า ยังไงก็สู้พวกคุณไม่ได้แน่
คนที่ทำกันอยู่ทุกวัน เค้าก็คิดกันแบบนี้แหล่ะ
รู้ว่า pm2.5 มันเกิดได้จากหลายอย่าง เผาจุดความร้อน etc
แต่ความคิดที่คนไทยควรมี คือ ทำอย่างไร ช่วยๆกันลด
ไม่ใช่ ฉันเป็นแค่ส่วนน้อย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ประเทศถึงพัง
ปล. F30 ถ้าดับตอน active regen มันก็ดับไปเลย
แต่ตอนสตาร์ทอีกที ก็ขับกระตุกหน่อย ได้ขึ้นทางด่วน passive ช่วย 15-20 min ก็หาย
2 แสนโล ล้าง port + แคทที ก็ไม่เป็นไร เติม b7 ไม่พรีเมี่ยม
-
แล้วแต่สามัญสำนึกครับ
คนเห็นแก่ตัวมีทุกที่
-
ในฐานะที่เคยใช้ กระบะมาก่อน และอุด EGR ตั้งแต่ป้ายแดง ต้องบอกว่า รถอุด EGR ควันไม่ดำนะครับ รถผมอุดมาอัดให้ตายควันก็ไม่ออก อันนี้พูดถึงอุดอย่างเดียวไม่ได้จูนอะไรเพิ่มเติมนะ ...
ส่วนไอ้พวกควันดำน่ะ เค้าจูนมา จูนแบบตั้งใจพ่นควัน พวกนี้น่าด่า และผมเคยคิดว่าจริงๆรถเครื่องยนต์ดีเซลควรตรวจสภาพ เพื่อต่อทะเบียนทุกปี ใครควันดำ ท่อดัง ไม่ควรได้ต่อทะเบียน
รถใหม่ๆป้ายแดงๆ ถึงไม่อุดควันก็ไม่ดำเพราะในระบบยังสะอาดอยู่ แต่ที่เห็นคือป้ายยังแดงอยู่เลยไปทำท่อดัง พ่นควันกันแล้ว
.....ใช่ครับ อุดEGRควันอาจจะไม่ดำ แต่ควันไม่ดำไม่ได้แปลว่ามลพิษไม่มี
EGR จะช่วยลดไนโตรเจนออกไซด์ที่เป็นสาร"ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น"ครับ คุณอุดแล้วไม่เห็นควันดำหนะใช่ แต่ NOX เต็มท่อไอเสียครับ
และเอาเข้าจริงๆ ควันไม่ดำแต่สารพิษเพียบแบบนี้ จะร้ายกว่าเขม่าควันดำแบบที่เห็นๆกันด้วยซ้ำไปครับ ไม่ลองคิดดูหรือครับว่า บ.รถไม่มีใครอยากติดEGRเพิ่มต้นทุนและความยุ่งยากหรอก ถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหนะ
เรื่องEGR เนี่ย ผมคงไม่เถึยงด้วยแล้วนะ เพราะมันเถียงกันมาเป็น 10 ปีและ แต่อยากจะบอกให้ทราบว่าไอ้ NOx เนี่ยไม่ได้เกิดจากรถยนต์เครื่องดีเซลที่อุด EGR เพียงอย่างเดียวนะครับ รถเบนซินก็ปล่อย NOx เหมือนกัน
ดังนั้นเลิกโทษกันเถอะ ไอ้ไม่รักโลก อุด EGR แล้วเกิด NOx เนี่ย ... รถเบนซินก็ปล่อย บอกไว้เผื่อคุณไม่รู้
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/8aaf044e9d2586d03442170253bdbaf7.png)
-
ผมแยกเรื่องเป็น 2-3 เรื่องครับ
1. เรื่องเผาเสียงดัง เสียเวลา ถ้าคนไม่คุ้นชิน ไม่ชอบ ก็คือ ไม่ชอบ ครับ อย่างก่อนหน้านี้บอกว่า พอเผา DPF จังหวะกำลังจะเข้าบ้าน ต้องไปวนๆ จนกว่าจะเผาเสร็จ บ้าแล้ว ทั้งเสียเวลา เสียน้ำมัน มันไม่ใช่วิสัย
2. เรื่องไอเสีย ผมว่า อันนี้โลกสวยไปหน่อย เพราะในบ้านเมืองที่มีรถ EURO2 3 4 ปะปนกันไปหมด มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ที่มี EURO5-6 ออกมา มันไม่เหมือนบางประเทศ ที่เขาค่อยๆ ตอนรถ EURO ต่ำไปเรื่อย (ไม่ต่อภาษีให้ หรือ ใช้รถต่อไม่ได้ หรือ เพิ่มค่าภาษีให้สูงขึ้น เพื่อไล่คนไปซื้อคันใหม่) มันทำให้รถ EURO ต่ำๆ ค่อยตายไป แต่กับบางประเทศ รถตั้งแต่สมัยสงครามโลก ยังวิ่งบนถนนได้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
3. การแต่งรถ ก็คงห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวบุคคล (ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ)
4. กฏหมาย อันนี้ คงคิดแทนไม่ได้ เพราะถ้ากฏหมายไม่มีผลหรือบังคับใช้เข็มงวด สภาพก็ตามที่เห็น
...แย้งนะครับ ผมใช้ mazda2 ดีเซล ที่เป็นรถ euro5 มีDPF
1.ใครบอกครับว่าต้องไปขับวน ไม่จริงครับ จอดดับเครื่องได้เลย ระบบมันจะเผาต่อจนจบแล้วมันจะดับระบบให้เอง
ตอบนะครับ ใครบอกนั้นเหรอครับ ลองอ่านในกลุ่ม M ดูก็เจอประจำครับ ผมไม่ต้องบอกเหรอ คนเข้าใจผิด ก็เยอะ และ ถูกต้องแล้วที่จอดแล้วมันเผาให้ครับ ผมทราบ แต่คนที่ไม่ทราบไงครับ เขาถึงทำแบบที่ผมว่ามา ถ้าบอกอยู่ในกลุ่ม M ก็น่าจะเห็นโพสต์เรื่องพวกนี้บ่อยๆ นะครับ
2.ถ้าไม่เริ่ม จะไปเริ่มปีไหนครับ ขนาดรถเมล์ล้านปียังทยอยเป็นไฟฟ้าเกินครึ่งไปแล้ว รถส่วนตัวมันควรจะเริ่มได้นานแล้ว...และจะ euro 2 3 4 สถานที่ตรวจสภาพเขาจะมีจุดวัดมลภาวะว่าเกินหรือไม่ เพราะงั้นทำแบบนี้แล้วไปเข้มงวดที่ตรวจสภาพว่า อย่าลักไก่ให้พวกควันดำมันตรวจผ่าน
ตอบนะครับ ผมไม่ได้บอกว่า ไม่เริ่ม เพราะผมก็เป็น EURO5 แล้ว แต่ผมแค่บอกความเป็นจริง ตามสภาพที่เห็นอยู่นี้ครับ จากที่ที่ผมไปอยู่มาหลายปี รถเก่ามีแต่ภาษีแพงขึ้น ไม่มีถูกลงเหมือนเราครับ
3.ห้ามได้ถ้าผิดกฏหมายครับ ถ้าออกกฏหมาย+สุ่มตรวจเหมือนตรวจควันดำตามถนน พวกโฆษณารับตัด อุด แต่จริงๆพวกตัด อุด ประกันก็ขาดแล้ว กล้าทำก็ลองดู
ตอบนะครับ คนทุกคนไม่ได้คิดแบบนั้น ผมไม่บอกว่าการแต่งรถ ทำรถ โมดิฟายรถ ถูกหรือผิด รถเป็นของเขา ถ้าเขาทำผิด ก็รับกรรมไป ก็แค่นั้น ไม่งั้นจะเห็นรถควันดำๆ วิ่งกันกลื่นถนนเหรอครับ
4.กฏหมายมีผลครับ และจริงๆก็มีด่านตรวจควันดำ แต่แค่ไล่ตรวจรถใหญ่ก็เหนื่อยแล้ว ก็เคยเห็นกระบะควันดำโดนด่านเหมือนกันนะ
ตอบนะครับ ต่อเนื่องจากข้อบน ถ้ายังเห็นรถผิดกฏหมายวิ่งได้ มันก็คือ ไม่เข็มงวดครับ
...............
แทนที่จะนิ่งเฉยหรือปล่อยไป นี่คือโอกาสดีที่จะทำแล้วครับ โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ผู้ว่า เรื่อง PM2.5 มีอำนาจในมือ มีลูกน้องที่ทำได้ ก็ควรจะทำไม่ใช่ปล่อยจอยแบบตอนนี้นะครับ....
ผมแยกเรื่องเป็น 2-3 เรื่องครับ
1. เรื่องเผาเสียงดัง เสียเวลา ถ้าคนไม่คุ้นชิน ไม่ชอบ ก็คือ ไม่ชอบ ครับ อย่างก่อนหน้านี้บอกว่า พอเผา DPF จังหวะกำลังจะเข้าบ้าน ต้องไปวนๆ จนกว่าจะเผาเสร็จ บ้าแล้ว ทั้งเสียเวลา เสียน้ำมัน มันไม่ใช่วิสัย
2. เรื่องไอเสีย ผมว่า อันนี้โลกสวยไปหน่อย เพราะในบ้านเมืองที่มีรถ EURO2 3 4 ปะปนกันไปหมด มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ที่มี EURO5-6 ออกมา มันไม่เหมือนบางประเทศ ที่เขาค่อยๆ ตอนรถ EURO ต่ำไปเรื่อย (ไม่ต่อภาษีให้ หรือ ใช้รถต่อไม่ได้ หรือ เพิ่มค่าภาษีให้สูงขึ้น เพื่อไล่คนไปซื้อคันใหม่) มันทำให้รถ EURO ต่ำๆ ค่อยตายไป แต่กับบางประเทศ รถตั้งแต่สมัยสงครามโลก ยังวิ่งบนถนนได้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
3. การแต่งรถ ก็คงห้ามไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวบุคคล (ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ)
4. กฏหมาย อันนี้ คงคิดแทนไม่ได้ เพราะถ้ากฏหมายไม่มีผลหรือบังคับใช้เข็มงวด สภาพก็ตามที่เห็น
แล้วก็เลยหมายความว่า บ้านเราไม่ต้องมีกฏหมาย euro ใดๆ ตัด dpf จุด egr กันได้เต็มที่ แบบนี้หรอครับ?
งั้นยกเลิกลดภาษีรถไฟฟ้าไปเลยดีกว่า ยังไงก็สู้พวกคุณไม่ได้แน่
คนที่ทำกันอยู่ทุกวัน เค้าก็คิดกันแบบนี้แหล่ะ
รู้ว่า pm2.5 มันเกิดได้จากหลายอย่าง เผาจุดความร้อน etc
แต่ความคิดที่คนไทยควรมี คือ ทำอย่างไร ช่วยๆกันลด
ไม่ใช่ ฉันเป็นแค่ส่วนน้อย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ประเทศถึงพัง
ปล. F30 ถ้าดับตอน active regen มันก็ดับไปเลย
แต่ตอนสตาร์ทอีกที ก็ขับกระตุกหน่อย ได้ขึ้นทางด่วน passive ช่วย 15-20 min ก็หาย
2 แสนโล ล้าง port + แคทที ก็ไม่เป็นไร เติม b7 ไม่พรีเมี่ยม
ผมบอกตรงไหนว่า ทำได้ครับ อ่านดีๆ นะครับ ผมแค่แยกเรื่อง แยกหัวข้อให้ดู มันไม่ได้หมายถึงผมสนับสนุน แต่อย่างใด แค่อยากให้เข้าใจทีละเครื่องครับ
และ รายละเอียดที่ผมอธิบาย ตามที่ผมตอบท่านข้างบน อ่านดูครับ
-
คุณ dikibotz ครับ ถ้าจะ discussกันขอให้ใช้ข้อมูลที่ครบถ้วนด้วย
เบนซิน มี nox ไหม มี...แต่คุณไม่ได้พูดถึงปริมาณที่มันปล่อยเลยครับ
เมื่อรวมกับเขม่าและไอเสียอื่นๆ เบนซินที่ผ่านcatแล้วจะน้อยกว่าดีเซลมาก เป็นเหตุผลที่ยุโรปไล่แบนดีเซลหรือบีบไปยูโร 5 6 ไงละครับ
เอาง่ายๆ mz2 เบนซินกับดีเซล มาตราฐานไอเสียเพื่อให้ผ่าน eco2 เท่ากัน ตัวดีเซลต้องใส่ egr dpf แต่เบนซินใส่แค่catปกติก็ผ่านแล้ว
-
ในฐานะที่เคยใช้ กระบะมาก่อน และอุด EGR ตั้งแต่ป้ายแดง ต้องบอกว่า รถอุด EGR ควันไม่ดำนะครับ รถผมอุดมาอัดให้ตายควันก็ไม่ออก อันนี้พูดถึงอุดอย่างเดียวไม่ได้จูนอะไรเพิ่มเติมนะ ...
ส่วนไอ้พวกควันดำน่ะ เค้าจูนมา จูนแบบตั้งใจพ่นควัน พวกนี้น่าด่า และผมเคยคิดว่าจริงๆรถเครื่องยนต์ดีเซลควรตรวจสภาพ เพื่อต่อทะเบียนทุกปี ใครควันดำ ท่อดัง ไม่ควรได้ต่อทะเบียน
รถใหม่ๆป้ายแดงๆ ถึงไม่อุดควันก็ไม่ดำเพราะในระบบยังสะอาดอยู่ แต่ที่เห็นคือป้ายยังแดงอยู่เลยไปทำท่อดัง พ่นควันกันแล้ว
.....ใช่ครับ อุดEGRควันอาจจะไม่ดำ แต่ควันไม่ดำไม่ได้แปลว่ามลพิษไม่มี
EGR จะช่วยลดไนโตรเจนออกไซด์ที่เป็นสาร"ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น"ครับ คุณอุดแล้วไม่เห็นควันดำหนะใช่ แต่ NOX เต็มท่อไอเสียครับ
และเอาเข้าจริงๆ ควันไม่ดำแต่สารพิษเพียบแบบนี้ จะร้ายกว่าเขม่าควันดำแบบที่เห็นๆกันด้วยซ้ำไปครับ ไม่ลองคิดดูหรือครับว่า บ.รถไม่มีใครอยากติดEGRเพิ่มต้นทุนและความยุ่งยากหรอก ถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหนะ
เรื่องEGR เนี่ย ผมคงไม่เถึยงด้วยแล้วนะ เพราะมันเถียงกันมาเป็น 10 ปีและ แต่อยากจะบอกให้ทราบว่าไอ้ NOx เนี่ยไม่ได้เกิดจากรถยนต์เครื่องดีเซลที่อุด EGR เพียงอย่างเดียวนะครับ รถเบนซินก็ปล่อย NOx เหมือนกัน
ดังนั้นเลิกโทษกันเถอะ ไอ้ไม่รักโลก อุด EGR แล้วเกิด NOx เนี่ย ... รถเบนซินก็ปล่อย บอกไว้เผื่อคุณไม่รู้
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/8aaf044e9d2586d03442170253bdbaf7.png)
ปล่อยน่ะปล่อยทุกคันอยู่แล้วครับ แต่ปล่อยมากหรือน้อยช่วยเปรียบเทียบระหว่างเบนซิน vs ดีเซลไม่อุด vs ดีเซลอุดด้วยครับ
มาอ้างว่าคุณอุด EGR ได้ ไม่ผิด อย่าว่ากัน เพราะรถทุกคันปล่อยมลพิษเหมือนกัน แบบนี้เหตุผลฟังไม่ขึ้นครับ
-
เครื่องดีเซลปกติมันปล่อยเขม่าและไอเสียมากกว่าเบนซินอยู่แล้ว
คือต่อให้รถเดิมๆ ไม่ได้ทำอะไร ไอเสียมันก็ยังเยอะกว่า มันเลยต้องมีพวก EGR DPF Adblue เพิ่มเข้ามา เพื่อกรองไอเสียให้ได้ใกล้เคียงกับเครื่องเบนซิน
แล้วทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าเครื่องดีเซลแล้วไปอุด EGR ตัด DPF หรือไปแต่งพ่นหมึกทั้งหลาย มันจะปล่อยไอเสียมากกว่าเดิมกี่เท่า
แล้วประเทศเราเน้นสนับสนุนเครื่องดีเซลเป็นหลักซะด้วยซิ รถดีเซลยอดขายก็เยอะกว่าเบนซิน พวกกระบะพ่นควันมีเยอะนับไม่ถ้วน
-
สอบถามครับ
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถที่เราใช้งานอยู่ เป็นเครื่องยนต์ Euro ไหน
(เปิดคู่มือรถทั้งสองคันที่บ้านดูแล้ว ไม่ได้ระบุเอาไว้เลยครับ)
-
สอบถามครับ
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถที่เราใช้งานอยู่ เป็นเครื่องยนต์ Euro ไหน
(เปิดคู่มือรถทั้งสองคันที่บ้านดูแล้ว ไม่ได้ระบุเอาไว้เลยครับ)
คู่มือบอกรวมๆ ครับ
ดูจาก Ecosticker ก็ได้ หรือ ถามจากศูนย์ หรือ ดูจากพื้นที่ในการขายรถรุ่นนั้นๆ ก็ได้ครับ
เพราะรถรุ่นเดียวกัน ขายแต่ละโซน มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน อย่าง กระบะบ้านเราที่ขายในไทย กับ ต่างประเทศ เช่น UK ก็ มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน ครับ
ถ้าบอก ยี่ห้อ รุ่น ก็พอจะทราบ ครับ
หรือเข้าใจง่ายๆ ก็
EURO4 มี EGR
EURO5 มี DPF
EURO6 ก็พวกเติม Adblue ครับ
-
ยิ่งมาตรฐาน EURO สูงๆ ยิ่งดีเลยครับ
น่าจะออกกฎหมายบังคับให้รถดีเซลที่ออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ต้อง บังคับ ตรวจสภาพรถทุกๆปี นับตั้งแต่ออกรถใหม่มา ใครที่มีรถดีเซล ถอด DPF ทิ้ง มีโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน หรือปรับจำนวนเงิน 280,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
..แบบนี้ดีมั้ยครับ?
-
สอบถามครับ
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถที่เราใช้งานอยู่ เป็นเครื่องยนต์ Euro ไหน
(เปิดคู่มือรถทั้งสองคันที่บ้านดูแล้ว ไม่ได้ระบุเอาไว้เลยครับ)
คู่มือบอกรวมๆ ครับ
ดูจาก Ecosticker ก็ได้ หรือ ถามจากศูนย์ หรือ ดูจากพื้นที่ในการขายรถรุ่นนั้นๆ ก็ได้ครับ
เพราะรถรุ่นเดียวกัน ขายแต่ละโซน มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน อย่าง กระบะบ้านเราที่ขายในไทย กับ ต่างประเทศ เช่น UK ก็ มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน ครับ
ถ้าบอก ยี่ห้อ รุ่น ก็พอจะทราบ ครับ
หรือเข้าใจง่ายๆ ก็
EURO4 มี EGR
EURO5 มี DPF
EURO6 ก็พวกเติม Adblue ครับ
คันแรก BT-50 Pro 3.2 ปี 2012 อีกคัน Duramax1 2.8 ปี 2013 ครับ
-
เครื่องยนต์เบนซินปกติจะเผาไหม้สมบูรณ์กว่าดีเซล เขม่าพิษก็น้อยกว่า แถมยังมี Catalytic Converter ดักก่อนปล่อยออกท่อไอเสีย คนที่ถอดทิ้ง Catalytic Converter ก็น้อยกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถเก่ามากๆ ที่ไม่อยากเปลี่ยน
เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้แล้วเกิดเขม่าพิษสูงกว่า เขาก็พยายามใส่ EGR DPF เพื่อช่วยดักเขม่าพิษให้ลดลง แต่คนใช้งานเอาไปถอดทิ้งกันตั้งแต่รถยังใหม่หรือรถเก่า
-
เครื่องยนต์เบนซินปกติจะเผาไหม้สมบูรณ์กว่าดีเซล เขม่าพิษก็น้อยกว่า แถมยังมี Catalytic Converter ดักก่อนปล่อยออกท่อไอเสีย คนที่ถอดทิ้ง Catalytic Converter ก็น้อยกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถเก่ามากๆ ที่ไม่อยากเปลี่ยน
เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้แล้วเกิดเขม่าพิษสูงกว่า เขาก็พยายามใส่ EGR DPF เพื่อช่วยดักเขม่าพิษให้ลดลง แต่คนใช้งานเอาไปถอดทิ้งกันตั้งแต่รถยังใหม่หรือรถเก่า
ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนนิดนึง ผมขออธิบายความนิดนึงนะครับ
ที่เราเรียกแคทๆ หรือ Catalytic เนี่ยะ มันมีทั้งเบนซิน และ ดีเซล นะครับ
แล้วไอ้ EGR เนี่ยะ มันก็มีทั้ง เบนซิน และ ดีเซล เหมือนกัน เข้าใจตรงนี้ก่อน และมันก็ทำงานแค่ในบางช่วงเท่านั้น (เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย)
ส่วน DPF ใช่ ว่า มีเฉพาะในเครื่องดีเซล เพื่อดักฝุ่น หรือ เผาฝุ่น ตามหน้าที่ของมัน
แต่....
รถเบนซิน และ ดีเซล สร้างมลพิษทั้งคู่ครับ ต่างกันที่ เบนซิน หลักๆ คือ คาร์บอนมอนน๊อกไซต์ หรือ ก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง ดีเซล ก็ปล่อย แต่น้อยกว่า เบนซินอีก (ตามข้อมูลหน่วยงาน และ งานวิจัย หาดูได้)
ส่วนรถดีเซล จะสร้างฝุ่นจิ๋ว หรือ จะเรียกว่า PM2.5 หรือ PM10 มากกว่า ในรูปแบบควันดำๆ เลยต้องมี DPF ช่วยเผานั้นละ
มันไม่ใช่เบนซิน หรือ ดีเซล ใครปล่อยมลพิษมากกว่า แต่อยู่ที่ว่าจะโฟกัสมลพิษตัวไหนมากกว่าครับ
สุดท้าย ทั้ง CAT และ EGR คนทั่วไปไม่มีใครอยากถอดทิ้งเล่นหรอกครับ ขนาดสติ๊กเกอร์ QR Code ติดกระหูช้างมาจากโรงงาน บางคนซื้อรถมาใช้ ยังไม่แกะเลย (มันไม่แกะกะสายตาหรือไง)
นับประสาอะไรกับ CAT หรือ EGR หรือยัน DPF ก็ตาม มันจะมีแค่บางคน บางกลุ่มเท่านั้นแหละครับ ที่ทำ
-
สอบถามครับ
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถที่เราใช้งานอยู่ เป็นเครื่องยนต์ Euro ไหน
(เปิดคู่มือรถทั้งสองคันที่บ้านดูแล้ว ไม่ได้ระบุเอาไว้เลยครับ)
คู่มือบอกรวมๆ ครับ
ดูจาก Ecosticker ก็ได้ หรือ ถามจากศูนย์ หรือ ดูจากพื้นที่ในการขายรถรุ่นนั้นๆ ก็ได้ครับ
เพราะรถรุ่นเดียวกัน ขายแต่ละโซน มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน อย่าง กระบะบ้านเราที่ขายในไทย กับ ต่างประเทศ เช่น UK ก็ มาตรฐาน Euro ก็ไม่เท่ากัน ครับ
ถ้าบอก ยี่ห้อ รุ่น ก็พอจะทราบ ครับ
หรือเข้าใจง่ายๆ ก็
EURO4 มี EGR
EURO5 มี DPF
EURO6 ก็พวกเติม Adblue ครับ
คันแรก BT-50 Pro 3.2 ปี 2012 อีกคัน Duramax1 2.8 ปี 2013 ครับ
2 ตัวนี้ สเปคไทย มาตรฐาน EURO4 ทั้งคู่ครับ (ถ้าเมืองนอก จะเป็น EURO5 จะมี DPF เช่นใน Colorado ที่ขายใน USA ครับ)
-
ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งคุณ DiKiBoyZ ดูจะกังวลกับข้อความเรื่องมลพิษที่หลายคนไม่เห็นด้วย
ถ้าดีเซลมีมลพิษพอๆ กับเบนซิน ลองดูอุปกรณ์ส่วนควบที่ต้องติดตั้งเพิ่มมาระหว่าง ดีเซล vs เบนซิน ก็เห็นกันอยู่ นี่ยังไม่ลากไปถึงสาร AdBlue ที่เติมในเครื่องดีเซลอีกนะ การถอดชิ้นส่วนใดชิ้นึงทิ้งหรือปิดกั้น ก็เท่ากับจงใจเพิ่มมลพิษให้รถยนต์คันนั้นแหละ
ข้อมูลประกาศมาตรฐาน Euro แต่ละเกรดก็ระบุ "ขั้นต่ำ" ของมลพิษแต่ละประเภทที่อนุญาตให้เครื่องยนต์นั้นผ่านเกณฑ์ ถ้ามีการถอดหรือปิดกั้นชิ้นส่วนจากโรงงาน ก็เท่ากับจงใจปล่อยมลพิษให้สูงขึ้นชัดๆ อยู่แล้ว
เครื่องยนต์เบนซินปกติจะเผาไหม้สมบูรณ์กว่าดีเซล เขม่าพิษก็น้อยกว่า แถมยังมี Catalytic Converter ดักก่อนปล่อยออกท่อไอเสีย คนที่ถอดทิ้ง Catalytic Converter ก็น้อยกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถเก่ามากๆ ที่ไม่อยากเปลี่ยน
เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้แล้วเกิดเขม่าพิษสูงกว่า เขาก็พยายามใส่ EGR DPF เพื่อช่วยดักเขม่าพิษให้ลดลง แต่คนใช้งานเอาไปถอดทิ้งกันตั้งแต่รถยังใหม่หรือรถเก่า
ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนนิดนึง ผมขออธิบายความนิดนึงนะครับ
ที่เราเรียกแคทๆ หรือ Catalytic เนี่ยะ มันมีทั้งเบนซิน และ ดีเซล นะครับ
แล้วไอ้ EGR เนี่ยะ มันก็มีทั้ง เบนซิน และ ดีเซล เหมือนกัน เข้าใจตรงนี้ก่อน และมันก็ทำงานแค่ในบางช่วงเท่านั้น (เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย)
ส่วน DPF ใช่ ว่า มีเฉพาะในเครื่องดีเซล เพื่อดักฝุ่น หรือ เผาฝุ่น ตามหน้าที่ของมัน
แต่....
รถเบนซิน และ ดีเซล สร้างมลพิษทั้งคู่ครับ ต่างกันที่ เบนซิน หลักๆ คือ คาร์บอนมอนน๊อกไซต์ หรือ ก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง ดีเซล ก็ปล่อย แต่น้อยกว่า เบนซินอีก (ตามข้อมูลหน่วยงาน และ งานวิจัย หาดูได้)
ส่วนรถดีเซล จะสร้างฝุ่นจิ๋ว หรือ จะเรียกว่า PM2.5 หรือ PM10 มากกว่า ในรูปแบบควันดำๆ เลยต้องมี DPF ช่วยเผานั้นละ
มันไม่ใช่เบนซิน หรือ ดีเซล ใครปล่อยมลพิษมากกว่า แต่อยู่ที่ว่าจะโฟกัสมลพิษตัวไหนมากกว่าครับ
สุดท้าย ทั้ง CAT และ EGR คนทั่วไปไม่มีใครอยากถอดทิ้งเล่นหรอกครับ ขนาดสติ๊กเกอร์ QR Code ติดกระหูช้างมาจากโรงงาน บางคนซื้อรถมาใช้ ยังไม่แกะเลย (มันไม่แกะกะสายตาหรือไง)
นับประสาอะไรกับ CAT หรือ EGR หรือยัน DPF ก็ตาม มันจะมีแค่บางคน บางกลุ่มเท่านั้นแหละครับ ที่ทำ
-
คุณภาพประชากรจริงๆนะ ส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยไม่หลุดพ้นจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็เพราะตัวประชากรนี่แหละ ที่ยังมีมพวกด้อยพัฒนา ถ่วงความเจริญอยู่
ไม่ใช่แค่เรื่องมลพิษในอากาศ แต่ยังหมายรวมถึงหลายๆเรื่อง เช่น การควบคุมสัตว์เลี้ยง การบังคับใช้กฏหมาย จิตสำนึกเรื่องการทิ้งขยะ การระบายน้ำของครัวเรือน บลาๆๆๆๆ
-
ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งคุณ DiKiBoyZ ดูจะกังวลกับข้อความเรื่องมลพิษที่หลายคนไม่เห็นด้วย
ถ้าดีเซลมีมลพิษพอๆ กับเบนซิน ลองดูอุปกรณ์ส่วนควบที่ต้องติดตั้งเพิ่มมาระหว่าง ดีเซล vs เบนซิน ก็เห็นกันอยู่ นี่ยังไม่ลากไปถึงสาร AdBlue ที่เติมในเครื่องดีเซลอีกนะ การถอดชิ้นส่วนใดชิ้นึงทิ้งหรือปิดกั้น ก็เท่ากับจงใจเพิ่มมลพิษให้รถยนต์คันนั้นแหละ
ข้อมูลประกาศมาตรฐาน Euro แต่ละเกรดก็ระบุ "ขั้นต่ำ" ของมลพิษแต่ละประเภทที่อนุญาตให้เครื่องยนต์นั้นผ่านเกณฑ์ ถ้ามีการถอดหรือปิดกั้นชิ้นส่วนจากโรงงาน ก็เท่ากับจงใจปล่อยมลพิษให้สูงขึ้นชัดๆ อยู่แล้ว
เครื่องยนต์เบนซินปกติจะเผาไหม้สมบูรณ์กว่าดีเซล เขม่าพิษก็น้อยกว่า แถมยังมี Catalytic Converter ดักก่อนปล่อยออกท่อไอเสีย คนที่ถอดทิ้ง Catalytic Converter ก็น้อยกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถเก่ามากๆ ที่ไม่อยากเปลี่ยน
เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้แล้วเกิดเขม่าพิษสูงกว่า เขาก็พยายามใส่ EGR DPF เพื่อช่วยดักเขม่าพิษให้ลดลง แต่คนใช้งานเอาไปถอดทิ้งกันตั้งแต่รถยังใหม่หรือรถเก่า
ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนนิดนึง ผมขออธิบายความนิดนึงนะครับ
ที่เราเรียกแคทๆ หรือ Catalytic เนี่ยะ มันมีทั้งเบนซิน และ ดีเซล นะครับ
แล้วไอ้ EGR เนี่ยะ มันก็มีทั้ง เบนซิน และ ดีเซล เหมือนกัน เข้าใจตรงนี้ก่อน และมันก็ทำงานแค่ในบางช่วงเท่านั้น (เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย)
ส่วน DPF ใช่ ว่า มีเฉพาะในเครื่องดีเซล เพื่อดักฝุ่น หรือ เผาฝุ่น ตามหน้าที่ของมัน
แต่....
รถเบนซิน และ ดีเซล สร้างมลพิษทั้งคู่ครับ ต่างกันที่ เบนซิน หลักๆ คือ คาร์บอนมอนน๊อกไซต์ หรือ ก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง ดีเซล ก็ปล่อย แต่น้อยกว่า เบนซินอีก (ตามข้อมูลหน่วยงาน และ งานวิจัย หาดูได้)
ส่วนรถดีเซล จะสร้างฝุ่นจิ๋ว หรือ จะเรียกว่า PM2.5 หรือ PM10 มากกว่า ในรูปแบบควันดำๆ เลยต้องมี DPF ช่วยเผานั้นละ
มันไม่ใช่เบนซิน หรือ ดีเซล ใครปล่อยมลพิษมากกว่า แต่อยู่ที่ว่าจะโฟกัสมลพิษตัวไหนมากกว่าครับ
สุดท้าย ทั้ง CAT และ EGR คนทั่วไปไม่มีใครอยากถอดทิ้งเล่นหรอกครับ ขนาดสติ๊กเกอร์ QR Code ติดกระหูช้างมาจากโรงงาน บางคนซื้อรถมาใช้ ยังไม่แกะเลย (มันไม่แกะกะสายตาหรือไง)
นับประสาอะไรกับ CAT หรือ EGR หรือยัน DPF ก็ตาม มันจะมีแค่บางคน บางกลุ่มเท่านั้นแหละครับ ที่ทำ
กลับมาก่อนครับ อย่าเพิ่งไปไกล
ผมแค่บอกข้อเท็จจริงเกี่ยวชิ้นส่วนของรถตามมาตรฐาน Euro ตามที่คุณบอก มันแนวว่า ดีเซล มีอันนี้ แล้ว เบนซิน ไม่มีอันนี้ เพราะสะอาดกว่า มันไม่น่าใช่ครับ เพราะที่ผมบอกคือชิ้นสั่นตรงนั้นมันมีทั้งคู่ แค่นั้น
จะพาไปรื้อเทียบกันซะแล้ว อันนี้คนละเรื่องครับ
แล้วตามมาตรฐาน ทั้งกระทรวงการคลัง(ภาษีสรรพสามิต) และ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ อื่นๆ เขาก็ใช้คำว่า "ปล่อย........ไม่เกิน x กรัมต่อกิโลเมตร" คือ ค่าที่กำหนด ครับ
ไม่ค่อยเห็น หรือ ไม่เคยเห็นเขาใช้คำว่า "ขั้นต่ำ" นะครับ เพราะใช้คำว่านี้ แสดงว่ามันต้องเกินกว่าได้ ซึ่งไม่น่าใช่ (ผมอาจจะไม่เข้าใจ หรือ เข้าใจผิดเองก็ครับ)
ผมขอจบเม้นผมตรงนี้นะครับ ผมว่าบางคนอ่านแล้วไม่เข้าใจที่สิ่งที่ผมอธิบาย เดี๋ยวจะยาว
-
อือแปลกเนอะ คนไทยอยากติด DPF ส่วนฝรั้งที่คนอย่างคุณคิดว่ามาจากประเทศที่พัฒนาแล้วย้อมอยากตัด DPF ออกกันหมดเพราะปัญหามันเยอะมากๆ
ส่วน EGR ใครๆก็อยากอุดครับ ผมติดตามกลุ่มเล่นรถ ออสเตรเลีย ยุโรป เมกา ไม่มีใครมานั่งขอระบบ EGR ติดรถเบนซินหรอก
-
ใช้ มาสดเา 2 ดีเซล
ไปถามหาอู่ และศูนย์ ให้ล้าง DPF
ทุกที่ตอบกลับมาว่า ให้ตัด ทิ้ง
ไม่ตัด ก็พังทุกคัน เพราะญี่ปุ่นมันวางยาไว้
ส่วนศูนย์บอกให้เปลี่ยนใหม่ ล้างไม่ได้
เดาว่า พวกอู่รถกระบะ ก็คงมีความคิดนี้เหมือนกัน
เพราะรับตัด DPF ได้เงินเยอะกว่ารับล้าง