สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมรถเกรย์ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีปัญหาเรืองน้ำมัน แต่รถเกรย์ยุโรปมี

YIM

ไม่เคยได้ยินเลยว่า Alphard เติมน้ำมันแล้วรวน หรือ Estima เครื่องดับ อะไรแบบนี้ แต่รถยุโรป นี่ได้ยินเป็นประจำ มันเป็นเพราะอะไรครับ ขอบคุณครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



civicferio

คิดว่าอยู่ที่ระบบการทำงานของเครื่องมากกว่า หลังๆรถยุโรปมันใช้ระบบหัวฉีดอิเลกทรอนิคบวกกับกลไกที่ชับซ้อนกว่า
แน่นอนในขนาดเครื่องเดียวกัน เครื่องยุโรปจะทำงานได้ดีกว่ารถญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่เน้นระบบที่ล้ากว่ารถยุโรป แต่ความง่ายของระบบมันกลับกลายเป็นดีในแง่ไม่จุกจิก

เทียบกับคนก็เหมือนให้ไฮโซ กับชาวนากินส้มตำปลาร้านั่นแหละ ไฮโซบางคนกินท้องอาจเสียก็มีเพราเคยกินแต่อาหารดีๆ



J!MMY

เรื่องมาตรฐานด้านมลพิษ คือประเด็นสำคัญครับ

ในความเป็นจริง ยุโรป มีการใช้ มาตรการด้านการควบคุมมลพิษที่เข้มงวดกว่าเรามาก
และเข้มงวดกว่าญี่ปุ่นเองด้วยซ้ำ มาตรฐานด้านมลพิาของญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง
ยังถือว่า ล้าหลังเมืองไทย แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า จะพอกัน หรือนำหน้าไปนิดเดียว ไม่เยอะ

น้ำมันที่ขายในญี่ปุ่นนั้น มีความแตกต่างจากบ้านเรา แต่ไม่เยอะมากพอจะกลายเป็นประเด็น
เท่ากับน้ำมันที่ขายกันในยุโรปตอนนี้ ซึ่งมีความสะอาดของสน้ำมัน รวมทั้ง ช่วยในการลดมลพิษ
จากท่อไอเสียลงได้ จนเหลือระดับ Euro 5 (และใกล้จะเป็น Euro 6 กันในอีกไม่นานนัก)

ขณะที่บ้านเรา ย่ำอยู่กับ Euro 3 มานานหลายปีแล้ว กำลังจะไป Euro 4 ในต้นปีหน้า
ความล่าช้า ก็มาจากการที่ผู้ผลิตรถส่วนใหญ่ โอดครวญกัน ว่า ทำไม่ทัน ไม่พอหรอก
โน่นนี่นั่น ความจริง คือ ถ้าภาครัฐเข้มงวดกันตั้งแต่แรก และไม่ยอมกับบริษัทรถยนต์ง่ายๆ
รวมทั้ง ไม่ยอมกับผู้ผลิตน้ำมันในบ้านเราด้วยง่ายๆ แต่แรก ไม่ได้มีการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน
ในเชิงนโยบายอย่างที่เป็นอยู่ เราคงได้เห็นมาตรฐานมลพิษ Euro 4 และ ใกล้เป็น Euro 5 ไปนานแล้ว

นั่นคืออีกเหตุผลสำคัญครับ



reyeshenry

เรื่องมาตรฐานด้านมลพิษ คือประเด็นสำคัญครับ

ในความเป็นจริง ยุโรป มีการใช้ มาตรการด้านการควบคุมมลพิษที่เข้มงวดกว่าเรามาก
และเข้มงวดกว่าญี่ปุ่นเองด้วยซ้ำ มาตรฐานด้านมลพิาของญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง
ยังถือว่า ล้าหลังเมืองไทย แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า จะพอกัน หรือนำหน้าไปนิดเดียว ไม่เยอะ

น้ำมันที่ขายในญี่ปุ่นนั้น มีความแตกต่างจากบ้านเรา แต่ไม่เยอะมากพอจะกลายเป็นประเด็น
เท่ากับน้ำมันที่ขายกันในยุโรปตอนนี้ ซึ่งมีความสะอาดของสน้ำมัน รวมทั้ง ช่วยในการลดมลพิษ
จากท่อไอเสียลงได้ จนเหลือระดับ Euro 5 (และใกล้จะเป็น Euro 6 กันในอีกไม่นานนัก)

ขณะที่บ้านเรา ย่ำอยู่กับ Euro 3 มานานหลายปีแล้ว กำลังจะไป Euro 4 ในต้นปีหน้า
ความล่าช้า ก็มาจากการที่ผู้ผลิตรถส่วนใหญ่ โอดครวญกัน ว่า ทำไม่ทัน ไม่พอหรอก
โน่นนี่นั่น ความจริง คือ ถ้าภาครัฐเข้มงวดกันตั้งแต่แรก และไม่ยอมกับบริษัทรถยนต์ง่ายๆ
รวมทั้ง ไม่ยอมกับผู้ผลิตน้ำมันในบ้านเราด้วยง่ายๆ แต่แรก ไม่ได้มีการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน
ในเชิงนโยบายอย่างที่เป็นอยู่ เราคงได้เห็นมาตรฐานมลพิษ Euro 4 และ ใกล้เป็น Euro 5 ไปนานแล้ว

นั่นคืออีกเหตุผลสำคัญครับ

ชัดเจนกับคำตอบของคุณจิมมี่



Satanic za'

เรื่องมาตรฐานด้านมลพิษ คือประเด็นสำคัญครับ

ในความเป็นจริง ยุโรป มีการใช้ มาตรการด้านการควบคุมมลพิษที่เข้มงวดกว่าเรามาก
และเข้มงวดกว่าญี่ปุ่นเองด้วยซ้ำ มาตรฐานด้านมลพิาของญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง
ยังถือว่า ล้าหลังเมืองไทย แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า จะพอกัน หรือนำหน้าไปนิดเดียว ไม่เยอะ

น้ำมันที่ขายในญี่ปุ่นนั้น มีความแตกต่างจากบ้านเรา แต่ไม่เยอะมากพอจะกลายเป็นประเด็น
เท่ากับน้ำมันที่ขายกันในยุโรปตอนนี้ ซึ่งมีความสะอาดของสน้ำมัน รวมทั้ง ช่วยในการลดมลพิษ
จากท่อไอเสียลงได้ จนเหลือระดับ Euro 5 (และใกล้จะเป็น Euro 6 กันในอีกไม่นานนัก)

ขณะที่บ้านเรา ย่ำอยู่กับ Euro 3 มานานหลายปีแล้ว กำลังจะไป Euro 4 ในต้นปีหน้า
ความล่าช้า ก็มาจากการที่ผู้ผลิตรถส่วนใหญ่ โอดครวญกัน ว่า ทำไม่ทัน ไม่พอหรอก
โน่นนี่นั่น ความจริง คือ ถ้าภาครัฐเข้มงวดกันตั้งแต่แรก และไม่ยอมกับบริษัทรถยนต์ง่ายๆ
รวมทั้ง ไม่ยอมกับผู้ผลิตน้ำมันในบ้านเราด้วยง่ายๆ แต่แรก ไม่ได้มีการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน
ในเชิงนโยบายอย่างที่เป็นอยู่ เราคงได้เห็นมาตรฐานมลพิษ Euro 4 และ ใกล้เป็น Euro 5 ไปนานแล้ว

นั่นคืออีกเหตุผลสำคัญครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ดีๆ



YIM

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำตอบครับ

ถ้าเป็นแบบนี้ อนาคต รถเกรย์จากฝั่งยุโรป คงจะขายยากขึ้นมั้งเนี่ย
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



Mr.Joe

ขออณุญาตฝากข้อมูลอีกอันให้คุณ Jimmy ด้วยครับ
ปัญหาอีกอันคือบริษัทนำ้มันแห่งชาติเองก็ไม่ค่อยเอาด้วยกับนำ้มันคุณภาพดีๆ
ผู้ผลิตรถเองก็ต้องจูนเครื่องให้รับนำ้มันคุณภาพตำ่หน่อย ทั้งที่ไม่ได้เห็นด้วยครับ
ปัญหาคือถ้าจูนรถให้ใช้ได้ดีเต็มเสปค รถลูกค้าก็จะรวนหากเติมนำ้มันแห่งชาติบ่อยๆ
ที่โรงงานรถทุกยี่ห้อเราก็รันรถทดสอบกับนำ้มันทุกยี่ห้อ 3-5 คันต่อยี่ห้อไปเลย
พอ 10,000-30,000-50,000-80,000-100,000 ก็เอาเครื่องมาเปิดที
ผลก็อย่างที่คงเดาได้กับนำ้มันแห่งชาติ