มิตซูดึงเอ็มชกกิคุมตลาดอาเซียน ดันปิกอัพหนีคู่แข่ง-มิราจลุยใช้ชิ้นส่วนในปท.90%
"มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น" จัดทัพใหม่ดึง "เอ็ม. ชกกิ" อดีตแม่ทัพใหญ่อีซูซุ คุมตลาดมิตซูบิชิอาเซียน-อเมริกา-ออสเตรเลีย เชื่อฝีมือช่วยดันตลาดไทรทันพุ่งแรง เร่งปรับสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนใน ปท. ลุยส่งมิราจรุ่นลิมิเต็ดเสริมทัพพร้อมอวดโฉมคอนเซ็ปต์ มิราจ 4 ประตู และไทรทัน ดีเซลไฮบริด
แหล่งข่าวจากกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2556 ตำแหน่งและการบริหารงานของกลุ่มมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น จะปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง โดยนายโนบุยูกิ มูราฮาชิ เอ็มดีมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อ แม้จะบริหารงานมาครบ 4 ปีแล้วก็ตาม พร้อมทั้งแต่งตั้ง นายโมริคาซุ ชกกิ รองประธานอาวุโส รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจอีซูซุทั่วโลก และอดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ควบคุมตลาดรถยนต์มิตซูบิชิในต่างประเทศกรุ๊ปบีดูแล รับผิดชอบตลาดในภูมิภาคอาเซียน, อเมริกาเหนือ, ลาตินอเมริกา และออสเตรเลีย โอเชเนียซึ่งการเข้ามารับตำแหน่งใหม่ของนายชกกิครั้งนี้ เชื่อว่าจะมีส่วนขับเคลื่อนและผลักดันให้รถยนต์มิตซูบิชิเติบโตและแข็งแกร่ง เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดปิกอัพ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามิตซูบิชิเทน้ำหนักไปกับตลาดเก๋งมากเป็นพิเศษ ซึ่งการทำตลาดปิกอัพในประเทศ นายชกกิเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเพราะได้แสดงฝีมือให้เห็นมาแล้วในช่วงที่เป็น เบอร์หนึ่งค่ายอีซูซุ
สำหรับ "โมริคาซุ ชกกิ" ทำงานที่บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2522 และเคยได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่กับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ในประเทศไทย ถึง 3 ครั้งคือ ตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไป รับผิดชอบงานของกลุ่มขาย ระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2527-กรกฎาคม พ.ศ. 2533
ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส รับผิดชอบงานของกลุ่มขายและกลุ่มบริการ ระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2540-ธันวาคม พ.ศ. 2545 และตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ระหว่างเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550-เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552ก่อนที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง และได้รับการโปรโมตให้เป็นรองประธานอาวุโส รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจอีซูซุที่บริษัทมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เร็ว ๆ นี้คงได้ทำงานร่วมกับนายชกกิ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้มิตซูบิชิเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
"การแต่งตั้งนายเอ็ม. ชกกิ เข้ามารับตำแหน่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบตลาดรถยนต์มิตซูบิชิในครั้งนี้ถือ เป็นเรื่องที่ดีมาก โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทย คุณชกกิมีความคุ้นเคยกับตลาดเป็นอย่างดี น่าจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับมิตซูบิชิยิ่ง ๆ ขึ้นไป" นายมูราฮาชิกล่าว
สำหรับผลดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิในประเทศไทย ในรอบปีงบประมาณ 2555 ที่ผ่านมา (เม.ย. 55-มี.ค. 56) พบว่ามียอดขายทั้งสิ้น 140,000 คัน จากเป้าหมายเดิมที่ 130,000 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ส่วนปีงบประมาณ 2555 (เม.ย. 56-มี.ค. 57) มิตซูบิชิตั้งเป้าขายไว้ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
เนื่องจากบริษัทมองว่า อุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมน่าจะมีการเติบโตลดลงจากปีก่อน หลังหมดโครงการรถคันแรก โดยรวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านคัน และมิตซูบิชิน่าจะมีส่วนแบ่งตลาด 10%
ส่วนการลงทุนปีนี้น่าจะใช้งบ ประมาณอีกไม่น้อยกว่า 4-5 พันล้านบาท ในโรงงานแห่งที่ 3 กว่าพันล้านบาท พัฒนาระบบซัพพลายเชน ซึ่งปีนี้รถมิตซูบิชิมิราจจะขยับการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจากเดิมมาเป็น 90% และส่วนที่เหลือเป็นงบฯการตลาด เปิดตัวรถใหม่สนับสนุนดีลเลอร์ พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เตรียมส่งรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ออกสู่ตลาดในช่วงงานมอเตอร์โชว์ที่จะถึงนี้ คือมิตซูบิชิ มิราจ Bloom ที่มาพร้อมกับสีพิเศษ 2 สี
"รุ่นใหม่นี้ จะมีข้อแตกต่างหลายอย่าง อาทิ สีใหม่, เบาะผ้าลายใหม่, พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมสัญลักษณ์ด้านท้ายรถติดคำว่า Bloom เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ซึ่งคาดว่าจะมีราคาแพงขึ้น 3,000-5,000 บาท"
ส่วนในงานมอเตอร์โชว์ บริษัทยังได้เตรียมนำรถยนต์ต้นแบบอีโคคาร์ ซีดาน (คอนเซ็ปต์ G4) ที่บริษัทมีแผนจะผลิตและส่งออก ภายใต้แนวคิดการออกแบบของความสว่างสดใสของเพชรมาเป็นบรรทัดฐานในการออกแบบ กระจังหน้าไฟหน้าและชุดไฟท้าย ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ RISE body พร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร MIVEC และรถยนต์มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ GR-HEV รถต้นแบบปิกอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดแบบ FR ด้วยการทำตลาดผสานระหว่างน้ำมันดีเซล และขุมกำลังของไฮบริด ที่ปล่อยมลพิษต่ำกว่า 149 กรัมต่อกิโลเมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งระบบ Super Select 4WD และระบบ Super All Wheel Control (S-AWC) มาให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส ตั้งเป้ามียอดจองในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ไว้ที่ 4,500 คัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ทำได้ 5,000 คัน เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมาตรงกับจังหวะเปิดตัวมิตซูบิชิ มิราจ ทำให้มียอดจองค่อนข้างสูง
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1362653029&grpid=no&catid=08&subcatid=08