โพลล์

ใช่ Premium
51 (65.4%)
ไม่ Premium
11 (14.1%)
ยังเหมือนเดิม ชอบญี่ปุ่น ถึงแพงก็เลือก มั่นใจ
16 (20.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 76

ปิดการโหวต: กุมภาพันธ์ 25, 2016, 12:42:14

ราคารถญี่ปุ่นขยับขึ้น ทั้ง D-seg & PPV เรื่อยๆ ทำให้คนเลือก PREMIUM CARง่ายขึ้น

JetDou

สำหรับผม ผมคงเลือก รถญี่ปุ่นออพชั่นความปลอดภัยเต็ม มากกว่า รถ premium ออพชั่นโล้นถ้าพวก Eurocap ได้ดาวเท่ากัน

ปลอดภัยกว่าเพราะระบบช่วยเหลือ แถมได้รถใหญ่กว่า อันนี้สำหรับผมคือคุ้มสุด ส่วนภาพลักผมไม่ค่อยสน ผมสนความปลอดภัยมากกว่า
2015 Ford Fusion 2.0 Titanium
2011 Infiniti G37 3.7 AWD



whoami

มองอีกมุม d seg ญี่ปุ่นตัวที่ขายดีคือตัวเริ่มต้น เครื่อง 2.0

ซึ่งราคาก็ยังต่างจาก compact  premium เกือบล้าน ยังมีช่องว่างอีกเยอะครับ

แล้วมองอีกมุม d seg ตัวท็อปก็ยังต่างจากรถขนาดพอๆกันอย่าง Eclass หรือ s5 ตัวเริ่มต้นเกินล้านนะ



Sleepy Boy

เห็นด้วยกับข้างบนครับ ต้องลองแบ่งช่วงราคารถดูครับ บวกกับลักษณะการใช้งาน ผมว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้
1.2 ล้าน Japanese d segment (low)
1.6 ล้าน PPV (top)
1.9 ล้าน Japanese d segemnt (top) + Volvo V40
2.4 ล้าน Euro b-c segment (low)
***รถใหม่นะครับ



dht_tubes

ผมว่าคนที่ลังเลเรื่อง D ยุ่น C ยุโรปพรีเมี่ยม คงมองเรื่อง อิมเมจ เป็นหลัก ซึ่งก็ต้องไปสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าแต่ละท่าน คงตอบแทนกันยาก เงื่อนไขต่างกันเยอะครับ เพราะถ้าคิดในแง่คุ้มเงิน คือจ่ายน้อยกว่าคือคุ้มกว่า มันก็ชัดๆอยู่แล้วว่าจะเลือกตัวไหน

ส่วนตัวผมว่า ด้วยความหนาแน่นของรถบนถนน ความคล่องตัวเป็นเรื่องที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งคงทำให้รถที่ขนาดใหญ่ น่าจะมีความนิยมลดลงด้วย เมื่อปริมาณขายน้อยลง ต้นทุนต่อหน่วยย่อมเพิ่ม จึงทำให้กดราคาไม่ลง แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ในอีกด้านคือ ทำราคาให้สูงขึ้นไป เพราะขายถูกลงกว่านี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันก็ไม่ขายดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากขนาด ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงซึ่งต้องสูงกว่ารถขนาด C & B segment แน่นอน

แล้วเปิดช่องว่างให้มีแกป เพื่อที่จะดันราคาของ C กับ B segment ขึ้นมาแทนที่โดยที่ผู้บริโภคจะรู้สึกได้น้อย มาเเบบน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อยๆ ขายดีก็ตอดขึ้นเรื่อยๆ ไมเนอร์ โน่นนิด นี่หน่อย ว่ากันไป

เหมือนเมื่อก่อน พี่โตมีโคโรน่า ที่ใหญ่กว่าอัลติสตอนนี้นิดเดียว แต่ราคาอยู่เกณฑ์ที่รับได้ แต่จะขายแพงก็เล็กไป เลยทำตัวใหม่ออกมาให้ใหญ่แล้วขายแพงไปเลย ตัดโคโรน่าทิ้งไป ประมาณนี้ครับ

ส่วนตัวผมมองแบบนี้แหละครับ และขอเดาว่าอีกซัก 5 ปี เราอาจจะโชคดีได้เห็น Vios city ตัวท๊อป ราคาล้านทอน (แต่คงอัดอะไรต่อมิอะไรมาเต็ม แล้วแต่เทรนด์ตอนนั้นอยากได้แบบไหน)  แล้ว Ecocar  ก็จะตัวท๊อป 7 แสนทอน ในที่สุด

แล้วก็จะเห็นรถยุโรปไซส์เล็กลงมาเล่นตลาดล้านกลางๆกันในอีกไม่นานเช่นกัน

ก็คิดแบบนี้นะครับ ถูกผิดขออภัยด้วย



O-ver-Late-Driver

อีก 6-7แสนก้ยังมีระยะห่างเยอะอยุ่นะครับแต่ถามว่าทำให้คนคิดมั้ย แน่นอนล่ะครับ แต่เวลาเข้าศูนย์ d seg ราคาแบบรถเล็กนะครับ

ถ้ารถยุโรปจะโหดร้าย


ใช่ครับ 6- 7 แสน ทำให้ผมคิดหนัก  สุดท้าย ก็จบที่ D-Seg แม้ว่า ตอนนี้ ยังอยาก อยาก อยู่ก็ตาม ที่จบเพราะความใหญ่ กว่า ดูแลง่าย ถูกกว่า



Tee+...Lek

ผมเคยไม่เคยเอารถยุโรปมาเป็นตัวเลือกเลย

สาเหตุหลักๆ คือค่ายรถยุโรปมักจะมีปัญหาจุกจิกอันเนื่องมาจากไม่ได้นำมาทดสอบวิ่งในบ้านเราอย่างจริงจัง ญี่ปุ่นหลายค่ายเอารถที่แม้ว่าจะขายดีในหลายประเทศ มาทดสอบวิ่ง เพราะความแตกต่างในเรื่องถนน อากาศ และความชื้นที่บ้านเรา ที่ถือว่าสุดขั้วมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ อีกอย่างคือราคาค่าซ่อมที่โหดเอาเรื่อง ขนาด D-Segment ญี่ปุ่นในปัจจุปันยังสูงขึ้นมากเลย แถมในปัจจุปันนอกจากเรื่องช่วงล่างที่รถยุโรปยังถือว่ายังมีช่องห่างอยู่บ้าง แต่ Option หลายๆ อย่างที่มีในรถยุโรปก็มีในรถญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน

ผมเลือก Camry HV 2015 Premier เพราะเบาะหลังนั่งสบาย คุณพ่อคุณแม่ชอบครับ

เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านครับ การเลือกรถที่ใช้ต้องตั้งโจทย์ตัวเองให้ดีก่อน อย่าเอาแต่เรื่อง "ราคา" เป็นตัวตั้งอย่างเดียว



เซลล์ขายรถ

คำถามนี้ตอบง่ายกว่า จะเลือกอะไหรดีระหว่าง D-Seg กับ PPV/Crossover SUV ครับ

ว่าด้วยเรื่องขนาดรถนั้นหละ

เพื่อนผมขับรถคนเดียวบ้านมันพอซื้อ พวกรถฝั่งยุโรปสบายๆ กับเลือกแอคคอร์ด เพราะมันออกต่างจังหวัดบ่อย ถ้าเสียกลางทางยังพอหาซ่อมง่ายไม่ต้องขึ้นรถสไลด์กลับมา

แถมมันบอกว่าจะขายไปออกอัลติสด้วยซ้ำ แต่ไปนั่งแล้วไม่สบายตัว
ต้องดันยอดเดี๋ยวเจอโกฮังจัดการ :(



Auto

คือถ้าผมมีเงินระดับนี้ก็อยากเลือกรถยุโรปเหมือนกันเพราะราคาเริ่มใกล้กัน      แต่ว่าที่ไม่เคยเลือกหรือไม่เคยมองมือ 2 รถยุโรปเลยเพราะว่ากลัวค่าซ่อมครับ      ถึงผมเป็นนหลงใกลรถแต่รถของผมอยากได้ที่ซ่อมถูก ๆ ไม่จุกจิกไปไหนก็ได้ตลอดเวลา  ไม่ใช่เช้าโก้ เย็นแก้ 3 เดือนมีแย่ต้องซ่อม 1 อย่างแบบที่คุณวรพง สิงห์เขียวพงษ์บอก     เลยขอเลือกรถญี่ปุ่นต่อไปแม้จะแพงหน่อยแต่สบายใจตอนใช้งานไม่จุกจิกเท่ายุโรปและซ่อมถูก ๆ มาก ๆ เมื่อถึงเวลาซ่อม