ผมว่าคนที่ลังเลเรื่อง D ยุ่น C ยุโรปพรีเมี่ยม คงมองเรื่อง อิมเมจ เป็นหลัก ซึ่งก็ต้องไปสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าแต่ละท่าน คงตอบแทนกันยาก เงื่อนไขต่างกันเยอะครับ เพราะถ้าคิดในแง่คุ้มเงิน คือจ่ายน้อยกว่าคือคุ้มกว่า มันก็ชัดๆอยู่แล้วว่าจะเลือกตัวไหน
ส่วนตัวผมว่า ด้วยความหนาแน่นของรถบนถนน ความคล่องตัวเป็นเรื่องที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งคงทำให้รถที่ขนาดใหญ่ น่าจะมีความนิยมลดลงด้วย เมื่อปริมาณขายน้อยลง ต้นทุนต่อหน่วยย่อมเพิ่ม จึงทำให้กดราคาไม่ลง แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ในอีกด้านคือ ทำราคาให้สูงขึ้นไป เพราะขายถูกลงกว่านี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันก็ไม่ขายดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากขนาด ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงซึ่งต้องสูงกว่ารถขนาด C & B segment แน่นอน
แล้วเปิดช่องว่างให้มีแกป เพื่อที่จะดันราคาของ C กับ B segment ขึ้นมาแทนที่โดยที่ผู้บริโภคจะรู้สึกได้น้อย มาเเบบน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อยๆ ขายดีก็ตอดขึ้นเรื่อยๆ ไมเนอร์ โน่นนิด นี่หน่อย ว่ากันไป
เหมือนเมื่อก่อน พี่โตมีโคโรน่า ที่ใหญ่กว่าอัลติสตอนนี้นิดเดียว แต่ราคาอยู่เกณฑ์ที่รับได้ แต่จะขายแพงก็เล็กไป เลยทำตัวใหม่ออกมาให้ใหญ่แล้วขายแพงไปเลย ตัดโคโรน่าทิ้งไป ประมาณนี้ครับ
ส่วนตัวผมมองแบบนี้แหละครับ และขอเดาว่าอีกซัก 5 ปี เราอาจจะโชคดีได้เห็น Vios city ตัวท๊อป ราคาล้านทอน (แต่คงอัดอะไรต่อมิอะไรมาเต็ม แล้วแต่เทรนด์ตอนนั้นอยากได้แบบไหน) แล้ว Ecocar ก็จะตัวท๊อป 7 แสนทอน ในที่สุด
แล้วก็จะเห็นรถยุโรปไซส์เล็กลงมาเล่นตลาดล้านกลางๆกันในอีกไม่นานเช่นกัน
ก็คิดแบบนี้นะครับ ถูกผิดขออภัยด้วย