MG GS 2.0Turbo X 4WD
พลังไม่ใช่ทุกอย่าง.. แต่พอเห็น 218 ม้าในโบรชัวร์จากเครื่อง 2.0 ลิตร DOHC Direct Injection เทอร์โบรหัส 20L4E บวกกับเกียร์คลัตช์คู่ มันทำให้ผมคิดไปว่า
"อ้า...ในที่สุด...เราจะได้รถที่วิ่งไล่ๆ Forester XT...เราจะได้ความสนุกโดยไม่ต้องพึ่ง CVT Nation แบบ Subaru"
"ราคาล้านต้นๆ..SUV เบนซินติดโบ น้ำหนักตัวตันหกร้อยนิดๆ เห้ยเข้าท่า คือมันไม่ได้หนักกว่าคู่แข่งมากแบบพวก MG3, 5 และ 6 ดังนั้นคราวนี้มันต้องสนุกสิ..หูยแล้วล้านต้น อุปกรณ์เยอะแบบ MG แบบนี้มันต้องเจ๋งสิ"
ปรากฏว่าพอลองของจริง อย่าถึงกับไล่จี้ Forester XT เลยครับ เอาแค่ขึ้น CR-V 2.4EL เกียร์ CVT ให้ได้ผมว่ายังหืดขึ้นคอ อัตราเร่งช่วงต่างๆ..รู้สึกว่าแรง แต่ที่จริงไม่..ผมคงไม่ต้องการพลัง 218 แรงม้าในรถหนักตันหกเพื่อให้ถึง 100 ได้ภายใน 10.7 วินาที (ทดสอบโดยจิมมี่กับเติ้ง..ไม่ใช่เราสามคนบนรถ) และ 80-120 ใน 7 วิกลางๆ ก็ไม่ใช่โลกใหม่สำหรับ SUV ระดับนี้ แต่ถ้ามองในแง่ดี๊ดี ก็พูดได้เหมือนกันว่า มันก็แรงพอๆกับพวกรถคู่แข่ง 2.4-2.5 ลิตร แต่ราคามันถูกกว่ารถเหล่านั้นเยอะ
และถ้าคุณบอกว่าคุณไม่ได้สนเรื่องแรง ผมก็เสียใจที่จะต้องบอกว่า MG GS คันนี้...น่าจะเป็นรถทดสอบคันแรกในรอบหลายปีที่ไม่ใช่ซูเปอร์คาร์แล้วผมสามารถกด 5.9 กิโลลิตรได้ในเมือง (ถ้าซัด ซัด แล้วเจอรถติดสิ้นเดือน ลงเหลือ 5.17)..แต่ถ้าวิ่งออกทางไกล มันก็จะกิน 11.13-11.58 กิโลเมตรต่อลิตร...คือถ้าทั้งชาตินี้คุณขับ RX-7 13B Rotary มาตลอด..ผมว่ามันก็คงประหยัดครับ แต่ถ้าเทียบตรงรุ่น ขนาด X-Trail 2.5 ที่ว่ากินจุแล้วยังได้ 12.85 กิโลลิตร และขับในเมืองให้ตายยังไงก็ไม่เห็นเลข 5.xx ครับ
นี่คือสองสิ่งที่ผมรู้สึกผิดหวัง และผิดคาดจากบรรดาเทคโนโลยีต่างๆที่มันมี และสเป็คที่ดูบนกระดาษแล้วตัวจริงน่าจะทำได้ดีกว่านี้..และเราไม่ได้เอามาเทสต์แบบตลกๆคันเดียวจบนะครับ เราทำการทดสอบซ้ำ 2 ครั้งกับรถสีส้ม และรถสีน้ำตาล อัตราเร่งออกมาแทบไม่ต่างกันแม้ว่าคันสีน้ำตาลจะรู้สึกกระชากแรงกว่า..อัตราสิ้นเปลือง คันสีน้ำตาลจะดีกว่านิดๆ เป็นทศนิยม
.. ผมยังไม่จบนะครับ
คันเร่งไวต่อสัมผัสมากในช่วงออกตัว กดแค่นิดเดียวรถก็พุ่ง บวกเรื่องนี้กับเกียร์คลัตช์คู่ที่กระยึกกระยักที่ความเร็ว 30 ลงมาทำให้เวลาขับในเมืองแล้วเหนื่อยกับการเกร็งเท้า เวลาลงคันเร่งหนักๆมีอาการลังเลคล้ายกับ MG6 ในกรณีคันสีส้ม แต่คันสีน้ำตาลเกียร์จับไวกว่าแต่มีแรงกระชากมากกว่า... คนที่ขับแล้วแฮปปี้ก็คือคนที่จะขับแบบช้าจริงจังไปเลย ไม่ก็เร็วแบบกระทืบตลอดไปเลย ถ้าต้องไปติดอยู่ครึ่งๆกลางๆ รถมันตอบสนองไม่สมศักดิ์ศรีคลัตช์คู่ครับ
แต่ถ้าเป็นทางเปิด เช่นความเร็วสูง แล้วเราได้เล่นเกียร์เอง..สนุกสิ เพราะพละกำลังมันไม่ได้เลวร้าย (ถ้าลืมๆตัวเลข 218 ซะ) แถมมาคราวนี้ตบแป้นลดเกียร์สามทีติดๆ เกียร์เปลี่ยนลงให้ถูกต้องแล้ว แม้จะไม่ได้เปลี่ยนให้เร็วทันใจ แต่ก็ไม่ต้องรอจังหวะตบ-รอ-ตบ-รอแบบ MG6 ซึ่งอันนั้นบอกตรงๆว่าผมรับไม่ได้
ส่วนช่วงล่าง เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ก่อน... MG ไม่เคยทำรถช่วงล่างยวบยาบหน่อมแน้มครับ ต่อให้เป็น SUV ก็ยังใช้ความเร็วสูงได้มั่นใจ เข้าโค้งได้มั่นใจ ดอกไหนก็ตามที่ CX-5 แทงเข้าไปได้ GS ก็ตามไปได้ มันทั้งคู่ล้วนเป็น SUV ที่ช่วงล่างแข็งเหมือนกัน ขับมันส์เหมือนกัน แต่พวงมาลัย Mazda คมเสถียรกว่า และช่วงล่างหลังของ MG จะมีอาการตึงกว่านิดๆ (ขอโน้ตไว้นิดนึงว่าคันสีส้มพวงมาลัยจะหน่วงมือกว่าคันสีน้ำตาล ทั้งที่รถและยางก็สเป็คเดียวกัน)
ส่วนภายในของรถ ถ้าเปลี่ยนวิธีการกัดลายพลาสติกใหม่อาจทำให้ดูดีขึ้น ตัววัสดุจริงๆไม่ได้แย่ อีกนิดเดียวก็เทียบคู่แข่งได้ หน้าปัดและตำแหน่งสวิตช์ต่างๆปรับปรุงขึ้นจาก MG รุ่นอื่น เข้าใจง่ายขึ้น จะมีก็แต่สวิตช์ตรงส่วนล่างของคอนโซลที่ตีแผ่เรียงกันราวกับแห ดูแล้วน่าสับสน แต่ที่ให้อภัยได้เพราะสวิตช์บางส่วนมันก็อยู่บนจอทัชสกรีนเหมือนกัน และใช้งานได้ไม่ยากอย่างที่คิด ระบบมัลติมีเดียของ MG นั้นเข้าใจไม่ยาก ผมไม่ต้องอ่านคู่มือก็เซ็ตระบบนำทาง เซ็ตฟังก์ชั่นต่างๆได้ แม้อาจจะต้องเดาสุ่มบ้าง
อุปกรณ์ที่ให้มา ในราคาระดับนี้ถือว่าพอแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะอุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย ถ้ามีถุงลมนิรภัยครบ 6 ลูก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคู่แข่งจะเอาอะไรมาข่ม ยิ่งถ้ามองในมุมของราคารถแล้ว การที่ MG สามารถให้ได้มากขนาดนี้ ผมคิดว่ามันน่าพอใจแล้ว
สิ่งที่ประหลาดใจมากคือพื้นที่และความสบายเบาะหลัง ตัวรถดูสั้นแต่มีพื้นที่วางขาเยอะ ตัวเบาะสบายกว่า CX-5 และเอนได้ ในขณะที่พื้นที่เก็บของท้ายรถจุน้อยกว่า CX-5 แค่ 3 ลิตร ทั้งๆที่ตัวรถจริงๆดูเหมือนท้ายจะสั้นกว่าเยอะ นับว่าคนออกแบบจัดวางพื้นที่ใช้สอยของ MG นั้นเจ๋งพอสมควร
โดยสรุป
- ถ้าคุณซื้อเพราะเห็นว่ามันมี 218 ม้าแล้วจะเอาไว้ซิ่งฉีก SUV คันอื่น..ระวังหงอยครับ
- ถ้าคุณซื้อเพราะคุณต้องการรูปทรงแบบนั้น ราคาแบบนั้น ไม่ได้เน้นสมรรถนะ..ก็ขอให้ไปลองนั่งก่อนว่าช่วงล่างแข็งๆนี่คุณชอบมั้ย และคุณทำใจรับเรื่องกินน้ำมันได้มั้ย ถ้าสองอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหา ก็เหลือแค่ว่าคุณจะไว้ใจอนาคตของค่ายนี้แค่ไหน
- ถ้าคุณซื้อเพราะได้ออพชั่นครบ ได้พลังสูงกว่า SUV รุ่นเริ่มต้นของค่ายอื่นๆ แต่จ่ายประมาณล้านสาม..แบบนี้น่าจะตรงกับสิ่งที่มันเป็นมากที่สุด
- ถ้าคุณชอบแค่รูปทรงของมัน และไม่ได้สนเรื่องอื่นเลย อารมณ์ว่าเชื่อในรักแรกรถ..อย่าลืมมองตัว 1.5 Turbo X 9.9 แสน..เรายังไม่ได้ลองหรอกครับ แต่รุ่นนี้คือรุ่นที่บาลานซ์ระหว่างราคากับออพชั่นมาได้ดี ได้รถใหญ่ในราคารถเล็กและออพชั่นเทียบกับราคาไม่น่าเกลียด