โรงไฟฟ้าปั่นไฟให้รถ EV กับรถ Hybrid ใช้น้ำมัน แบบไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากันครับ

e:smart Hybrid

จากการที่ผมรู้สึกว่ารถ EV ใกล้เข้ามาในชีวิตบ้านเรามากขึ้น (เป็นรถในกลุ่ม ล้านกว่าๆ Premium)
ทำให้ผมรู้สึกว่า อนาคตบ้านเราอาจจะมีรถ EV มากขึ้น ถ้ารถอย่างเช่น Leaf ประกอบในไทย

แต่ผมสงสัยอย่างนึงครับ คือ ประเทศบ้านเราไม่มีโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์
https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=2455&Itemid=116
สัดส่วนการใช้ไฟฟ้า จะเป็นพลังงานสิ้นเปลืองเป็นหลัก ซึ่งจะก่อให้เกิดมลพิษ (บ้าง)
และการที่เราผลิตไฟฟ้า มีเครื่องปั่นไฟ หม้อแปลง สายส่งผ่านๆ กันมาจนมาถึงเต้ารับที่ชาร์ทไฟ และเข้ารถยนต์
มันจะเกิด loss ไปเรื่อยๆ (ข้อดีมีครับ ที่ในเมืองจะมีมลพิษต่ำลง)

ผมสงสัยว่าสุดท้าย เราก็ยังใช้พลังงานสิ้นเปลืองเหมือนเดิม แล้วมันจะต่างอะไรกับการที่เราใช้รถน้ำมัน ในรถ Hybrid ครับ

ผมอยากขอความเห็นจากทุกท่านครับ ว่าทั้งสองแบบ อันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน และแง่สิ่งแวดล้อมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ



delete

เรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า ลองดูของอเมริกาเทียบครับ ถึงแม้เค้าจะมีรฟ.นิวเคลียร์ แต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรนะ

ส่วนของไทย
ลองอ่านนี่ครับ มาตรการรองรับระบบไฟฟ้า เพื่อรถไฟฟ้า

http://www.eppo.go.th/images/Infromation_service/studyreport/ensol.pdf

ปอลิง ไทยมีแผนทำรฟ.นิวเคลียร์ ในปี 2573 แล้วล่าสุดเลื่อนไปปี 78

และกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศตอนนี้ ล้นอยู่นะครัช จากพวกพลังงานทางเลือกต่างๆ มีข่าวอยู่เลยว่าล้นเยอะแยะ เพราะแห่กันขอโควต้าเพื่อขายไฟให้การไฟฟ้า

 



testmaster

จาก โรงไฟฟ้าสิครับ internal combustion efficiency อย่างมากประมาน 50% เองครับ



Fly to dream

ไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าในไทย หลักๆคือบ้านเรือนและอุตสาหกรรม

เขื่อน - อันนี้ตัดไปเลยในการปั่นไฟ เพราะการปล่อยน้ำขึ้นอยู่กับกรมชลฯ  กฟผ  ไม่ได้ปั่นไฟมากเท่าไหร่เลย มีหลายแห่งก็จริง
พลังความร้อน - ถ่านหิน,ก๊าซ,น้ำมันเตา นี่คือม้างานหลักของโรงไฟฟ้าไทย แต่มีแค่ไม่กี่แห่งที่ทำงานได้เต็มที่ เช่นแม่เมาะ พระนครเหนือ-ใต้ จะนะ แค่นี้แหละหลักๆ

นอกนั้นจะมีโรงไฟฟ้าเอกชนซึ่งเป็นถ่านหิน กับก๊าซ ป้อนไฟให้ กฟผ รับซื้อ แต่จะมีที่ป้อนไฟให้นิคมอุตฯ โดยตรงก็มี

ตอนนี้ไทยพึ่งโรงไฟฟ้าที่ไปสร้างในลาวเยอะ ภาคใต้ก็ซื้อเพิ่มจากมาเลฯ ความมั่นคงทางพลังงานยังไม่มีมากเลย

https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=2168:art-20171006-01&catid=49&Itemid=251

https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=80&Itemid=116


จากเหตุผลแบบนี้ ไทย ควรทำควบคู่กันไปก่อน ไม่ใช่เอะอะก็จะดันรถ EV เต็มที่มันเว่อไป โรงไฟฟ้าจะสร้างก็ต่อต้านกัน
พลังงานหมุนเวียนกับไทยเป็นเรื่องตลกนึงนะ ใครมันจะมีพื้นที่เป็นหลายๆไร่เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ถึง 1 MW คิดดูว่าจะใช้พื้นที่ใหญ่ขนาดไหน อีกทั้งแดดในไทยไม่ใช่จะมีตลอดปี  แผงโซล่ามีประโยชน์ในแน่ช่วยลดค่าไฟในสเกลไม่ใหญ่มากกว่าจะผลิตเป็นอุตสาหกรรม เช่นติดบนหลังคาบ้านตัวเอง หลังคาสำนักงาน

อีกอันพลังงานลม อันนี้ยากเหมือนกัน ต้องหาพื้นที่ๆมีลมเฉลี่ย 21 กม/ชม ขึ้นไป ตลอดทั้งปี ซึ่งไทยมันมีมั้ย หายากมากถ้าไม่มีบนเข้าก็ทะเล
แต่ใครจะให้ติด ?  มันมีมลพิษทางเสียงมากใช่ว่าจะไม่มี  มีผลวิจัยอีกอย่างมันส่งผลต่อนกมาก เพราะคลื่นเสียง และการหมุนส่งผลต่อการส่งสัญญาณโทรทัศน์และไมโครเวฟ   

ดังนั้นประเทศไทยทำอะไรก็อย่าเล่นเอาตามประเทศที่เค้าพร้อมแล้ว  รถ EV น่ะดี แต่พื้นฐานในประเทศยังไม่ดีขนาดนั้นก็ควรทำควบคู่กันไป ไม่ใช่เร่งรีบทำตามเทร็นคนอื่น  ดูอย่างฝรั่งเศสไว้ ที่เค้าประท้วงกันรุนแรงในตอนนี้
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



akewizard

พลังงานไฟฟ้า ได้เปรียบตรงที่มีแหล่งผลิตได้หลากหลายรูปแบบครับ
ไม่ว่าจะนิวเคลียร์ แสงอาทิตย์ พลังงานลม ถ่านหิน พลังน้ำจากเขื่อน หรือแม้แต่ใช้พลังงานจากคลื่นทะเลก็ยังได้
และโดยภาพรวมมันสะอาดกว่าพวกเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยครับ

ส่วนประสิทธิภาพอาจจะไม่ได้ต่างกันมากนัก อย่างไฟฟ้าก็มี loss เวลาขนส่งมาตามสาย
แต่น้ำมันเองก็ต้องมีการใช้พลังงานในการขนส่งไปตามปั๊มที่ต่างๆ  ก็ถือว่ามีการ loss เหมือนกันนะ



Jacob

อย่าลืมเรื่องพลังงานสะอาดด้วย น้ำมันใช้แล้วหมดไป แต่แสงอาทิตย์ไม่มีวันหมด บ้านใครก็ตั้งโซล่าเซลล์ได้ แล้วส่วนใหญ่ก็ชาร์จรถตอนกลางคืนซึ่งการใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่ากลางวัน
แล้วตอนรถติด รถไฟฟ้าก็ดับ แต่รถที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานตลอด แค่นี้ก็สูญเสียต่างกันแล้ว ไหนจะต้องสูญเสียพลังงานไปกับระบบส่งกำลัง เช่น เกียร์) ไม่ก็ดูรถ e-power อย่าง nissan note ก็ได้ ใช้เครื่องเดียวกันแต่ประหยัดน้ำมันกว่า
ปล. เมืองนอกเค้ารถไฟฟ้าเยอะกว่ายังไม่เห็นมีปัญหา เมืองไทยอีก 20-30 ปีก็คงยังไม่มีเยอะเท่าเค้าในปัจจุบัน แล้วทำไมต้องไปกังวลอะไรขนาดนั้น ถ้ามีปัญหาจริง กระแสไฟฟ้าขาดแคลนขึ้นมาจริงๆเมืองนอกเค้าต้องเจอปัญหาก่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมาก
ปล.2 บอกว่าไทยต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างชาติส่งผลต่อความมั่นคงได้ แล้วตอนนี้เราก็ต้องซื้อน้ำมันต่างชาติอยู่มันมั่นคงกว่ายังไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 29, 2018, 07:47:25 โดย Jacob »



Koong

จากโรงไฟฟ้าน่าจะประสิทธิภาพดีกว่านะครับ ควบคุมมลพิษต่างๆง่ายกว่า. ความยืดหยุ่นของเชื่อเพลิงที่จะนำมาใช้เยอะกว่า

ไม่งั้นโรงงานใหญ่ๆคงตั้งเครื่องปั่นไฟใช้เองกันหมดแล้ว






pladaek

กังหันลมแถวบ้านผม 300 กว่าต้นล่ะครับ
ถ้าไล่ตั้งแต่ห้วยบง อ.ด่านขุนทด มาถึงอ.เทพสถิต เรื่อยๆมาถึง อ.ซับใหญ่ รวมๆน่าจะ 500 ต้น
ไม่รู้ว่ามันจะพอไหม..

เคยเห็นข่าวจากกระทรวงพลังงานว่า ตอนนี้ไฟฟ้าสำรองของไทยล้น
จนมีการประกาศไม่รับซื้อไฟจากเอกชน อันนี้ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน..

ส่วนตัวผมมองว่าพลังงานไฟฟ้ามันสะอาดกว่าอะครับ
ในแง่รักษ์สิ่งแวดล้อมผมขอเลือกไฟฟ้าก่อน
แม้ว่าขั้นตอนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามันจะก่อมลพิษมากกว่าเครื่องยนต์สันดาปก็ตาม
แต่โรงงานมันอยู่เป็นที่เป็นหลักแหล่ง..
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..



Ji.Cl.

จากข้อมูลของกระทรวงพลังงาน การใช้ไฟฟ้า "ในไทย" 1 หน่วย ปล่อย CO2 508 กรัม

http://www.eppo.go.th/index.php/en/en-energystatistics/co2-statistic?orders[publishUp]=publishUp&issearch=1

ผมคำนวณคร่าวๆ จากรีวิวของคุณ J!MMY (Hyundai Ioniq) ไฟฟ้า 1 หน่วย รถวิ่งได้ 7.64 กิโลเมตร

ตกเฉลี่ย 508/7.64 = CO2 66.5 g/km

Nissan Leaf ก็ใช้พลังงานไฟฟ้าตกประมาณ 6-8 กิโลเมตร/หน่วยไฟฟ้าเช่นกัน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในขณะที่ Accord Hybrid อยู่ที่ประมาณ 100 g/km ซึ่งถ้า Civic / Altis ที่ขนาดใกล้ Ioniq มีทำรุ่น Hybrid

อาจจะได้เห็นตัวเลข 90-95 g/km

และจากข้อมูลเบื้องต้นที่ผมทราบมา Nissan Note E-Power ซึ่งเป็นไฮบริดน้ำมันล้วน ปล่อย CO2 62 g/km (น้อยกว่า Ioniq/Leaf ที่ใช้ไฟฟ้านิดๆ)

http://www.headlightmag.com/nissan-note-e-power-goes-to-asean/

เทียบดูแล้ว ผมถือหางรถไฟฟ้าล้วนว่ายังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง หรือมากกว่าไฮบริดน้ำมันเล็กน้อย ถ้าเทียบรถขนาดเดียวกัน เต็มที่ไม่เกิน 20%

ปล. Eco Sticker ของไทย เท่าที่ทราบยังไม่นับรวม CO2 จากไฟฟ้าเข้าไปนะครับ รถที่ชาร์จไฟได้ อาจจะเชื่อถือตัวเลขสติ๊กเกอร์นี้ไม่ได้เท่าไรนัก



แมวดราม่า

เรื่อง รฟฟ. รอดู รบ.ใหม่ กับที่ดินแปลงหนึ่งไว้ให้ดีครับ

เราอาจจะไม่ต้องรอปี 73 ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับใครได้เป็น รบ.
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/



Turin

เรื่อง รฟฟ. รอดู รบ.ใหม่ กับที่ดินแปลงหนึ่งไว้ให้ดีครับ

เราอาจจะไม่ต้องรอปี 73 ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับใครได้เป็น รบ.
ถ้าได้ทำจริงคงดี ... ว่าแต่ต้องขั้วไหนได้ถึงจะมีหวังล่ะนี่ ...... แต่ถ้าเดา คงเป็นขั้วปัจจุบันไหมครับ ขั้วตรงข้ามไม่น่ากล้าแตะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ลำพังแค่ผ่านด่าน สว. ก็หือขึ้นคอแล้ว



h0661036

ตอนนี้ปริมาณไฟฟ้าสำรองบ้านเราน่าจะล้น   สาเหตุก็เพราะ การประมาณการความต้องการใช้กระแสไฟฟ้า ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ( การสร้างแบบจำลองจะดู อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ   วางแผนทีเป็นสิบปี ตอนนั้นคนคำนวณคงไม่คิดว่าบ้านเมืองจะเป็นแบบทุกวันนี้) 
   



U9WS

เข้าสู่ยุค EV เร็วก็กระทบทั้งโรงงานผลิตรถเดิมๆ และโรงไฟฟ้า เดือดร้อนคนไม่ใช่รถต้องเอาภาษีประเทศมาช่วยอุ่มภาษี EV และจ่ายค่าไฟที่แพงขึ้น

เข้าช้า ก็ไม่ได้เป็นผู้นำเรื่องการผลิตรถ EV อีกหน่อยรถน้ำมันไม่ได้รับความนิยม ประเทศไทยก็คงเป็นยุคนำเข้าเหมือนมือถือปัจจุบัน



Jacob

ทุกวันนี้คนไม่ใช้รถต้องมานั่งดมควันรถผมว่ามันยิ่งกว่าค่าไฟขึ้นราคาอีกนะ ถึง EV จะมาช้าแต่ควรจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ขนาดญี่ปุ่นเป็นประเทศผลิตรถแต่อากาศดีกว่าบ้านเราเยอะ คนก็ร่วมกันใช้รถน้อยหันไปใช้ขนส่งมวลชนแทน



Mr.Joe

ชอบกระทู้แนวนี้ครับ
นอกจากที่เราๆคุยกันในฐานะ "คนใช้รถ" กัน
คนไทยยุคใหม่เราเริ่มคุยกันในมุม "eco-system" กันมากขึ้น
สร้างสรรค์ดีครับ



Fly to dream

ญี่ปุ่น​สิ่งแวดล้อม​ดีก็ใช่ครับ​ขนส่งมวลชน​ดีจริง​ แล้วไทยจะให้เป็น​แบบเค้าเพียงแค่ให้คนซื้อรถ​ EV ใช้หรอครับ​ ไม่​มีทางเลย​ แค่ราคารถไฟฟ้า​ของไทยวิ่งไกลๆมี​ 65-70 บาท​ ไป-กลับวันนึงเกือบ​ 140 บาท​ มันไมได้​แค่นั้น​ หลายคนต้องนั่งวิน​ นั่งสอง​แถว​เข้าซอยอีกต่อ วันนึงจ่ายไปแล้ว​กี่บาท​ จะว่ารัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้​อีก​ ถ้าไม่​ให้เอกชน​ร่วมลงทุนจะเอาเงินที่ไหน​มาสร้าง​ ราคามันก็เลยแพง​ พอแพงแล้วมันคุ้มมั้ยถ้าครอบครัว​นึงสอง-สาม​ คนเดินทางพร้อมๆกัน​ สรุปใช้รถถูกกว่า

แต่พอใช้รถจะไปให้เค้าซื้อ​ EV.เลย​ เป็น​ไปไม่ได้​  อีกอย่างประเทศไทย​ปล่อยให้มีตรอกซอกซอยเยอะเกินไป​ ถนนหลักมารับซอยเหล่านั้นมันน้อย​ รถก็เลยติด​ ต่อให้​สร้างรถไฟฟ้า​ได้มากกว่า​นี้​ยังไง​ก็​ไม่ครอบคลุม​ เพราะ​ผังเมืองมันพึ่งมาคิดทำไม่นานนี้​ ปล่อยให้ที่อยู่​อาศัย​มาอยู่ใน​เมือง​ ปนกับธุรกิจ​ โรงเรียน​โรงพยาบาล​ มาอยู่กระจุกไปหมด​ พอเวณคืน​ก็แพงทำอะไร​ไม่ได้

ดูอย่างรภไฟฟ้า​ชานเมืองสายหัวลำโพง​ มหาชัย​ ที่จะสร้างแต่โดนบ้านที่รุกเขตทางรถไฟ​ต่อต้านดิ แค่นี้รัฐ​ก็​ง่อยแดกแล้ว​ พวกบุกรุก​แท้ๆ​ ทั้งที่ได้ประโยชน์​ต่อคนที่มีบ้านนอกเมืองมากกว่า​ชุมชนแออัด​ที่ต่อต้าน​ สุดท้าย​ก็​พับเก็บ

นึกๆไปช่วงสงครามโลก​ทำไมกรุงเทพ​ไม่​โดนบอมให้ราบพอที่จะวางผังเมือง​ใหม่นะ  แบ่งโซนด้วนถนนใหญ่​ free way ผ่าเมืองสัก​สี่เส้น​ วงแหวนสักสองชั้น​ เอาธุรกิจ​มาอยู่เป็น​ดาวน์​ทาวน์​กลางเมือง​ บ้านคนอยู่วงแหวนรอบนอก​ ความแออัด​คงจัดการ​ง่ายกว่านี้
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



mick

Efficiency โรงไฟฟ้าเยอะกว่ารถยนต์มาก ยิ่งไม่นับพวกรถเก่าหรือแต่งท่อให้ดัง มีมลภาวะมากขึ้นนะครับ
จิตสำนึกคนมันต่ำ มีท่อก็ไปตัดแคท ตัดกรองไอเสียให้ดัง ให้ควันดำ ตามสันดานที่เกิดมา



lay

ได้ความรู้ดีมากเลยครับ ขอขอบคุณทุกท่าน



HHHsung

เอาง่ายๆ นะครับ คิดจากต้นทุนพลังงานคือน้ำมันหรือแก๊ส เพื่อให้รถ 1 คัน วิ่งได้

รถยนต์เครื่องสันดาป--- น้ำมัน,แก๊ส = พลังงานกล (แรงที่รถวิ่งจากการจุดระเบิด) + พลังงานความร้อน (จากการจุดระเบิด) + พลังงานกล (แรงเสียดทานจากการเบรค)
+ พลังงานกล  (ระบบส่งกำลัง,เกียร์) + พลังงานสูญเสียอื่นๆ (การขนส่งน้ำมัน)

รถไฟฟ้า.................น้ำมัน,แก๊ส = ไอน้ำ (การต้มน้ำเพื่อปั่นกังหันปั่นไฟ) + พลังงานความร้อน (น้ำเป็นไอน้ำ) + พลังงานกล (แรงที่รถวิ่ง)
+ พลังงานสูญเสียอื่นๆ ( ประสืทธิภาพการแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นกล, ต้นทุนค่าขนส่งระบบไฟฟ้า, ประสิทธิภาพการชาร์จแบตเตอรี่, พลังงานความร้อนแบตเตอรี่ที่รับและจ่ายกระแสไฟฟ้า)

เครื่องสันดาป พลังงานความร้อน พลังงานกลจากระบบส่งกำลังและการเบรค สามส่วนนี้จะอยู่ในราวๆ 70-80 % ของพลังงานทั้งหมด

ส่วนรถไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมมีประสิทธิภาพประมาณ 50% พลังงานสูญเสียอื่นๆ อย่างระบบการแปลงพลังงานกลเป็นไฟฟ้า (ระบบไดร์ท และ มอเตอร์ไฟฟ้า) และ ประสิทธิภาพการกักเก็บประจุพลังงาน (แบตเตอรี่) มีไม่ถึง 10%

จะเห็นได้ว่าในเรื่องพลังงาน การให้รถเคลื่อนที่จากจุด A ไป B รถไฟฟ้าใช้ต้นทุนพลังงานน้อยกว่าพอสมควร ดังนั้นยังงัยอนาคตก็น่าจะดีกว่า

นอกจากนี้ผลกระทบในเรื่องสิ่งแวดล้อม เครื่องสันดาปทีสร้างมลภาวะ ด้านเสียง และ แก็ส CO ควบคุมยากกว่ารถไฟฟ้าที่สร้างมลภาวะด้านสารพิษจากแบตเตอรี่ ที่สามารถตั้งโรงงานกำจัดได้












e:smart Hybrid

ขอบคุณทุกความเห็นครับ