ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย คนไทยเอาตังไหนมาซื้อรถคันละล้านกว่าบาทแบบนี้ เดือนละ 4-5 พันคัน ไม่นับรถยุโรป D-segment และอื่นๆ
ผมก็ว่า ยิ่งช่วงนี้เห็นบ่นกันเรื่องภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ก็มียอดออกรถโดยรวมถึงจะตกจากปีที่แล้วแต่ก็ยังไปได้เรื่อยๆ
คนที่ได้รับผลกระทบตรงๆคือเจ้าของกิจการครับ พวกนี้จะรู้สึกตัวเร็ว ยอดขายเดือนไหนหายไปจะเริ่มกระวนกระวาย ส่วนพวกที่ลูกสึกตัวช้าคือพวกพนักงาน office พนักงานประจำ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ นี่แหละครับ ใช่ว่า ยอดขายแย่ แล้วเขาจะไล่พนักงานประจำออกเลย เจ้าของเขาก็ต้องเลี้ยงพนักงานไว้ ยิ่งข้าราชการยิ่งสบายครับใจเลยครับ ต้องรอโดนปฏิติรูป ถึงจะเริ่มกระวนกระวาย ถามว่าเศรษฐกิจตอนนี้ดีไหม ต้องบอกมันก็ต้องมีที่ไปได้ดี และแย่ แต่ที่เห็นว่าแย่ๆ ช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก หรือพวกสินค้าเกษตกร เพราะราคาพวกนี้ไม่ดีมากๆ
คนซื้อรถคันละ 1.5 ล้านขึ้นไปได้ ผมว่าควรมีเงินเดือนประมาณ 50,000+ ซึ่ง ใน กทม ผมคิดว่ามีมากกว่า 1 ล้านคน ถ้า คน 1 ล้านคนเปลี่ยนรถกันทุก 10 ปี ก็เท่ากับว่า ทุกๆ 1 ปี ยอดขายรถคันละ 1.5 ล้าน จะเท่ากับ ปี ละ 1 แสน คัน หรือ เดือนละ 8,000 กว่าคัน และยังไม่รวมรถองค์กรที่ให้ผู้บริหารใช้นะครับ บางที่ 3-4 ปี ก็เปลี่ยนรถกัน ซึ่งมองว่ายอดขายกลุ่มนี้ยังไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าลดลง ยอดมันก็จะไปโผล่ในยอดขายของ กลุ่ม benz bm volvo ไรพวกนี้แทน