AGM คือชื่อที่เรียกประเภทแผ่นกั้น ซึ่งมันเหมือนกับที่ใช้ใน SMF พูดภาษาชาวบ้านก็คือแบตแห้ง
ส่วน efb เป็นชื่อตั้งขึ้นมาจากผู้ผลิตบางราย ครั้นจะเรียก deep cycle ก็จะซ้ำกับคนอื่น และ deep cycle ที่คนวงการและนอกวงการบางคนเข้าใจคือต้องเติมน้ำ
ทีนี้จะแบต deep cycle ที่ไม่ต้องเติมน้ำ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ก็หาชื่อเรียกๆกันไปนั่นแหละครับ
สรุปว่า ใช้แทนกันได้ครับ
จะใช้ แบบ start stop ของบางยี่ห้อแทนก็ได้ครับ
แบตอะไรที่มีคุณสมบัติเด่นกว่าแบตแห้งทั่วๆไป ใช้แทนกันได้หมดครับ
ในมุมเรื่องของการชาร์ตไฟสำหรับแบต 12V มันแตกต่างกันไหมครับ เพราะเห็นเครื่องชาร์ตแบตบางตัวมันมี mode แยกต่างหากสำหรับการชาร์ต AGM ครับ
แตกต่างกันครับ แต่ไม่มากสำหรับกลุ่มแบตรถยนต์
แต่เนื่องจากเครื่องชาร์จเหล่านี้ ส่สนใหญ่จะขายเป็นเครื่องชาร์จเอนกประสงค์ คือชาร์จได้ทั้งแบตน้ำ แบตแห้ง แม้กระทั่งแบตรถกอล์ฟ หรือ traction สำหรับแบตที่ใช้กับพวกรถถูพื้น รถยกขนาดเล็ก เขาเลยต้องแบ่งจำพวกไว้นิดนึงครับ
1.แบตที่อ่อนแอที่สุดคือแบตแห้งที่ใช้งานทั่วๆไป และพวก long life
2.แบตกลุ่มกลางๆคือ แบตแห้งที่เป็น gel agm efb และ deep cycle
3.และกลุ่มที่ต้องการการชาร์จแบบสูงสุดคือกลุ่มแบตน้ำ traction
โดยเพดานที่เครื่องเหล่านี้จัดกลุ่มไว้คร่าวคือ
ไม่เกิน 14.2-14.4 สำหรับกลุ่มแรก เต็มแล้วตัด
ไม่เกิน 14.4-14.8 สำหรับกลุ่มที่ 2
และ 14.8 ขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 15.5 สำหรับกลุ่มที่ 3 ครับ
ส่วนที่ท่านบนบอกว่าแบตติดรถใช้ได้นานมากและพวกแบตที่ขายทั่วๆไปใช้ไม่นานนั้น
คำตอบมีอยู่ครับ
แผ่นกั้นและแผ่นธาตุ(ตะกั่ว)ทางผู้ผลิตสามารถเลือกวัตถุดิบได้ครับ
ตอนผมทำโรงงานแบตเตอรี่ ups อย่างแผ่นกั้นเอง ผมสามารถเลือกแบบ 3ปี 5ปี หรือแม้กระทั่ง 10ปี
แต่ถ้าเลือกเกรดดีสุด การ turn over ที่ช้านั้น จะทำให้ผู้ผลิตตายได้ครับ
แต่ทำไมแบตติดรถต้องเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด
1.เมื่อส่งเข้าโรงงานเตรียมประกอบ จะอยู่ในโรงงานอย่างน้อย 6-8 เดือน
2.เมื่อประกอบเสร็จ ถ้ารถขายไม่ออก แบตจะต้องอยู่กับรถอีกอย่างน้อย 2 ปี
3.เมื่อรถถูกขายไปแล้ว ผู้ผลิตแบตยังต้องรับประกันคุณภาพให้ค่ายรถอีก 1.5ปี(หรือขึ้นกับข้อตกลง)
4.ระหว่างกระบวนการก่อนส่งมอบลูกค้า แบตเตอรี่จะไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
ผู้ผลิตแบตจึงต้องเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดครับ สำหรับท่านที่ได้รถแบบไม่ค้างสต๊อก จึงเป็นเหตุว่าทำไมแบตลูกแรกจึงใช้ได้ระดับ 5 ปีขึ้นไป