ว่ากันว่า BM เป็นรถที่ทนมาก มีท่านใดขับ BM ได้ล้านโลแล้วแค่ซ่อมซีลบ้าง?

nobody123

เห็นบางคน บอกเพื่อนเขาว่า 'BM เป็นรถที่ทนมาก เหมือนโตโยต้าเลย' แต่เขาบอกว่าเพื่อนไม่เชื่อ
ส่วนตัว ก็มาช่วยยืนยันครับ
ครบรอบ 16 ปี BM โมเดล 2008 ถอย 2009
เป็นจำนวนอายุเดียวกับตอนที่ผมขายรถอีกยี่ห้อนึง ซึ่งสภาพคอนโซลและพวงมาลัยไม่ไหวเลย และ คลัทช์เกียร์แมนนวลเข้ายากมาก มรดกพ่อ ได้มาไม่ถึงปีผมก็ขายเอาเงินให้ย่าไป ที่ไมล์ 16x,xxx กม.
ส่วน BM คอนโซลเยี่ยม พวงมาลัยหนังแท้ยอดทน (และหนัก) เครื่องเสียงฟังสบาย ช่วงล่างตึงตังตามสไตล์ BM โบราณ แต่ไม่เกวียน เครื่องนี้ไมล์ทะลุ 20x,xxx กม. แล้ว เกียร์ยังชิฟไม่พลาดเลย ซักครั้งเดียว
เพื่อดูการเรียกคืน (รอบปีนี้ก็ยังมีเรียกคืนเพิ่มอยู่) คันนี้เอาเข้าศูนย์ปีละครั้ง และ ซ่อมหนักก็อู่นอก (แต่เป็นประสบการณ์ไม่ดีเป็นส่วนใหญ่ 1. ช้า 2. ขโมยของ 3. เอาน้ำมันเครื่องไม่ดีมาหลอกขาย)
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้เกียร์ ZF หากแต่ได้เกียร์ GM ผลิตฝรั่งเศส คลัทช์คู่ กระตุกอยู่พอควรซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ E90
อยากลองครอบครอง ZF เช่นกัน แต่เสียงทางสหรัฐก็ยอมรับว่าในประเทศเขา GM คือ หนึ่งในสุดยอดเกียร์ ก็ประหยัดเงินใช้อันนี้ไปก่อน
ทั้งนี้ ผมไม่คิดว่ามันจะไปได้ล้านโลแบบพี่โตที่เห็นคนขับให้ผมนั่งบางคนบอกว่า เขาแค่เปลี่ยนซีล แต่ ไม่เคยยกเครื่องเลย!
มีใคร ใช้ BM ได้ล้านโล แล้วไม่ต้องยกเครื่องเลยบ้างครับ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 19, 2025, 22:19:06 โดย nobody123 »



kiwiwi

ไม่รู้ว่าคำว่ายกเครื่องของคุณหมายถึงอะไรนะ ถ้าหมายถึงยกมาโอเวอร์​ฮอล ก็ต้องมาคุยกันที่สาเหตุหลักๆ
ลูกสูบหลวม มาจาก ไม่ค่อยดูแล ไม่เปลี่ยนนมค.ตามเวลา
ฝาสูบโก่ง มาจากความร้อนขึ้นจนโอเว่อร์ฮีท

ปัจจัยรองมาก็มีเรื่องสายพาน หรือชุดประคองโซ่เพลาราวลิ้น
ทั้งหมดทั้งปวงขึ้นอยู่กับเจ้าของรถทั้งสิ้นครับว่าจะดูและรถคันนั้นๆได้ดีแค่ไหน

สมัยก่อน กำลังอัดของรถญี่ปุ่นไม่สูงมาก เวลาน้ำขาด จึงพอมีเวลาหายใจให้เจ้าของที่มีสติได้ดับเครื่องเวลาเข็มความร้อนมันขึ้นสูงๆ แต่กับรถยุโรปแล้ว โอกาสฝาสูบโก่งสูงกว่าเยอะครับ
สมัยนั้นผมใช้ e34 ก็โดนเรื่องความร้อนนี่แหละครับ ทำให้ต้องปาดฝาสูบ
แล้วข้างบ้านผม ถวถนนจันท์ อู่แท็กซี่ก็เยอะด้วย ก็เฟิร์มตามนั้น รถญี่ปุ่น​มันทนจริงๆแหละครับ




DiKiBoyZ

ผมตอบในมุมของคนที่พอรู้เรื่องเครื่องยนต์บ้างละกันนะครับ

ถ้าถึงขึ้นต้องโอเวอร์ฮอลเนี่ยะ หลักๆ ก็คือ กำลังอัดหาย โดยทั่วไป มันไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนกิโลเมตร นะครับ ต่อให้รถที่ไม่ได้ขึ้นว่าเรื่องความคงทน ก็วิ่งไปได้ครับ

แต่ที่มันพังๆ  หรือ ยกเครื่องยนต์ลง หรือ ต้องโอเวอร์ฮอล มันไม่ใช่เรื่องกำลังอัดหายเพียงอย่างเดียว ในชีวิตประจำวันที่เจอๆ มา

ที่เจอบ่อยสุด คือ ลากน้ำมันเครื่อง แล้ว น้ำมันเครื่อง เกรดไม่ได้สูงด้วย บางคนใช้ semi sync ด้วยซ้ำ ลากกันเกิน 10,000 km ไม่พอ แล้วตัวเองใช้งานหนักซะด้วย

ถ้าคนรู้ว่าตัวเองใช้งานหนัก เขาจะเปลี่ยนถ่ายเร็วหน่อย ถี่หน่อย ดูอย่างพวกรถ taxi หรือ รถวิ่งขนของ ส่วนหนึ่งเขาใช้ Toyota ใช่ แต่ เขาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แทบจะทุก 5 พันโล ด้วยซ้ำ ถึงจะใช้เกรด semi แกลอน ไม่แพงก็ยังดี

พอมันเป็นเรื่องน้ำมันเครื่อง มันก็คือ ลาม ไปทั้งเครื่องยนต์ทั้งตัว ยิ่งถ้าเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ นี่ยิ่งเสื่อมสภาพไว ด้วย ความร้อนสะสมก็เยอะ

ยังไม่รวมพวกอุปกรณ์ส่วนควบที่พัง แล้ว ไปทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาอีกนะ

ส่วนเรื่องเกียร์ ผมใช้ ZF อยู่ ก็ปกตินะครับ ถึงแม้เขาจะชอบบอกว่า น้ำมันเกียร์เป็น Lifetime แต่ผมก็เปลี่ยน(แบบดูออก เพราะไม่มีรูน๊อตถ่ายก้นอ่าง) ทุกๆ 50,000km ที่อู่นอกครับ

ผมเคยใช้ ตัว 6AT เดิมก่อนเป็น ZF ผมไม่รู้สึกถึงความต่างอะไรขนาดนั้น แต่ ZF ได้รอบที่ต่ำ ประหยัดน้ำมัน ครับ การซอยเกียร์เยอะๆ หลักๆ คือ เน้นรอบเครื่อง และประหยัดน้ำมัน




basst

ไม่น่าใช่นะครับ ผมใช้ 5 ปี
จอ i-drive พัง
สายพานปั่นไฟขาด
ท่อน้ำมันรั่ว
ยังห่างไกลกับรถที่ทนๆเยอะเลย



joufo

ผมชอบแค่คุณภาพการประกอบ

เพราะเห็นหลายคัน รถสิบปีขึ้น ก็ไม่ค่อยมีอะไรกรอบแกรบเท่าไหร่
ยังดูแน่นหนาดี



ซ่อมต่อไป

ถ้ารุ่นเก่าๆ ผมว่าทนครับ ไม่ว่าจะ BMW หรือ BENZ
แต่หลักจากปี 2010 เป็นต้นมา ผมว่าเครื่อง-เกียร์ ก็ยังพอมีความทนทานอยู่บ้าง
แต่ชิ้นส่วนอื่นๆ เรียกได้ว่าบอบบางมาก
E70 อายุ 15 ปีที่บ้าน ปีที่แล้วเอาไปเช็คทั้งคัน คิดว่าอะไรถึงเวลาก็จะเปลี่ยน
สรุปโดนของเหลวทั้งระบบ , เครื่อง+เกียร์ เช็คแล้วช่างบอกยังดีอยู่ แต่ยางแท่นเครื่อง แท่นเกียร์ ไม่ไหวแล้ว
ช่วงล่างที่คิดว่าต้องโดนแน่ๆ แต่ช่างพาเดินไปดูทีละจุดเลย
ตัวโช๊คอัพยังปั้มปี 2009 อยู่เลย (รถออกต้นปี 2010) แต่เช็คแล้ว ไม่มีรั่วไม่มีซึม ช่างไม่ยอมเปลี่ยนให้ !!
เปลี่ยนให้แค่ปีกนกบนด้านขวาตัวเดียว
ภายในนอกจากมือจับประตูด้านหน้าซ้าย ที่เหนียวแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรลอก โช๊คฝากระโปรงหน้า-หลังก็ยังได้อยู่ (ยังมีแรงประคองชีวิต 555)
ผิดกับ F30 อีกคันที่ลอกยันคอนโซล หนังเปื่อย ปุ่มลอก หม้อน้ำรั่ว (อันนี้งานใหญ่เลย) แอร์ไม่เย็น

ส่วนตัวไม่หลงไหลกับรถรุ่นใหม่ๆที่มีระบบไฟฟ้าแพรวพราวแล้วครับ
แรกๆใช้มาก็ชอบ สวยดี พอนานๆไปเริ่มรวน ถ้าดูแลไม่ถึงนี่ ไฟโชว์สลับกันเป็นไฟดิสโก้เลย

ส่วนรถยุโรปที่เคยเห็นผ่านๆมารอบๆตัว ที่เรียกว่าทนทานจริงๆสำหรับผม คือ W124 ครับ



samaklen

เจอ E60 ก็หนีแล้วครับ



Steve_Davis

ใช่ครับ bm ทนมากแต่ๆๆๆๆ
1.เปลี่ยน น้ำมันเครื่องทุก 5,000 ไมบ์ หรือ6 เดือน
2.ซีลต่างๆถ้ารั่วซึมให้เปลี่ยนทันท่



neung23

คนที่บอกว่าทนคงโชคดีจริงๆ

ผมผ่านมาหลายรุ่ม คือ1ในรถที่ปัญหาเยอะอันดับ1เลย บางรุ่นแค่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ถ้าเทียบรถญี่ปุ่นแล้วนั้น ฟ้ากับนรก เมื่อคุยกันเรื่องความทนทาน
2013 W204 C250 AMG Plus
2011 Prius
2010 X5 xDrive 4.8i
2003 E39 523i Sport



albacore

ต่อให้ไม่ระบุยี่ห้อ มันก็ยากมากนะครับล้านกิโล ทั้งในแง่คนที่ใช้รถต่อเนื่อง กับรถที่ไปถึงจุดนั้นได้
 แล้วการมีตัวอย่างแค่1-2คัน มันก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าโดยรวมมันจะทนจริง