ที่มา :
http://prachachat.net/news_detail.php?newsid=1303525057&grpid=00&catid=&subcatid=ช็อก! โตโยต้า-ฮอนด้าปิดรง.เลื่อนส่งมอบรถ ร่อนหนังสือถึงดีลเลอร์หยุดรับจองอีโคคาร์ "บริโอ้"
หางเลขสึนามิในญี่ปุ่น ทุบตลาดรถยนต์ในไทยอุตลุด "โตโยต้า" ประกาศหั่นกำลังผลิต 3 โรงงานเหลือแค่ 30% "ฮอนด้า" ลด 50% ร่อนหนังสือถึงดีลเลอร์ เบรก รับจอง "บริโอ้" คนซื้อช็อก ! เลื่อนยาวส่งมอบรถ สถาบันยานยนต์ประเมินรายได้ที่หายไป 75,000 ล้านบาท เตือนอย่าปลดคนงาน หวั่นกำลังผลิตฟื้นแรงงานไม่กลับมาทำงานฉุดอุตสาหกรรมยานยนต์พังทั้งระบบ
ผลกระทบจากปัญหาโรงงานผลิตรถยนต์ขาดชิ้นส่วนที่จะนำมาประกอบรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นทำให้เกือบทุกโรงงานในประเทศไทยต้องลดกำลังการผลิตลงเฉลี่ย 50%
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการประชุมร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยกว่า 10 ราย อาทิ โตโยต้า, ฮอนด้า, ซูซูกิ, จีเอ็ม, มิตซูบิชิ ว่า นับ ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน ทุกค่ายรถยนต์จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลงเฉลี่ย 50% ส่วนผู้ผลิตรถจักรยานยนต์นั้นยังไม่ได้รับผลกระทบ โดยหลังจากเดือนมิถุนายนแล้ว ค่ายรถยนต์ต้องประเมินสถานการณ์และทบทวนแผน การผลิตอีกครั้ง
ก่อนหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะแถลงถึงผลกระทบด้านการผลิตเพียงวันเดียว กระทรวงการคลังเรียกผู้ประกอบการเข้าไปหารือถึงการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ซึ่งได้สร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ผลิตรถยนต์อย่างมาก
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุม ตัวแทนฝ่ายโตโยต้าได้ลุกขึ้นชี้แจงพร้อมร้องขอให้รัฐบาลควรมองปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นก่อน โดยค่ายโตโยต้าระบุว่า ขณะนี้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่เกิดปัญหาจากผลกระทบสึนามิในญี่ปุ่นทำให้ช่วง 2 เดือนจากนี้โตโยต้าจะต้องลดกำลังผลิตลงไปถึง 70%
หลังจากนั้นโตโยต้าก็ได้ส่งเอกสารถึงสำนักพิมพ์ทุกแห่ง โดยนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและสึนามิในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดข้อจำกัดในการส่งชิ้นส่วนเพื่อทำการประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ดังนั้นบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้พิจารณาปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณชิ้นส่วนที่มีจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2554
บริษัทได้ปรับลดปริมาณการผลิตในโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานสำโรง โรงงานเกตเวย์ และโรงงานบ้านโพธิ์ โดยงดทำการผลิตรถยนต์ในวันจันทร์และวันศุกร์ ส่วนการผลิตระหว่างวันอังคารถึงวันพฤหัสบดีจะเป็นการผลิตในสัดส่วน 50% ของปริมาณการผลิตปกติต่อวัน ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ไม่มีการผลิตบริษัทมีแผนจะจัดกิจกรรมและการจัดการอบรมต่าง ๆ ให้กับพนักงานเพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิต อันเป็นการเตรียม ความพร้อมเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง
เช่นเดียวกับค่ายฮอนด้า นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงเวลา 1-2 เดือนนี้ฮอนด้าปรับลดกำลังผลิตไป 50% ของกำลังการผลิต ในแต่ละเดือน ฮอนด้าพยายามรักษากำลังการผลิตเพื่อหล่อเลี้ยงโรงงานและไลน์ผลิต
ส่วนค่ายนิสสันก็คล้ายกัน โดยได้ลดกำลังผลิตกว่า 20% แต่บริษัทยังคงดำเนินการผลิตที่ 2 กะต่อวัน มั่นใจว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเดือนกรกฎาคมอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวสำรวจบรรดาตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ พบว่า ขณะนี้เกือบทุกค่ายอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเป็นด่านแรกที่จะต้องเจอกับลูกค้า ปัญหาด้านการผลิต ซึ่งจะมีผลต่อการส่งมอบรถยนต์ทำให้ยังไม่สามารถชี้แจงกับลูกค้าได้ และไม่สามารถระบุความชัดเจนในการส่งมอบรถได้
ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฮอนด้าได้ทำหนังสือมายังตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศว่า เกิดความล่าช้าในการผลิตรถยนต์ ซึ่งรถยนต์ทุกรุ่นของฮอนด้าต่างประสบปัญหาเดียวกัน กรณีฮอนด้า บริโอ้ ที่เดิมคาดว่าจะสามารถส่งมอบรถยนต์ลอตแรกได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2554 นั้น ก็ยังไม่สามารถ ส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้หมด และวันนี้ ก็ต้องพยายามชี้แจงกับลูกค้าถึงปัญหาเรื่องความล่าช้าในการส่งมอบ
รวมถึงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ฮอนด้าเตรียมทำจดหมายถึงดีลเลอร์ทั่วประเทศ ว่าให้หยุดรับจองรถอีโคคาร์ ฮอนด้า บริโอ้ ก่อน เนื่องจากไม่สามารถผลิตรถได้ทัน
ด้านนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า กำลังการผลิตที่ลดลงเฉลี่ย 50% ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนกว่านั้น ประเมินรายได้ที่หายไปน่าจะถึง 75,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมกับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบ
สำหรับแผนการผลิตในช่วงครึ่งปีแรกนั้น คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่ทั้งนี้หวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกฝ่ายจะเร่งเดินเครื่องการผลิตได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนการผลิตที่ 1.8 ล้านคันในปีนี้
ทั้งนี้ปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการอีกอย่างคือ มาตรการการช่วยเหลือคนงาน โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่เกรงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลให้แรงงานหายออกไปจากอุตสาหกรรม
ดังนั้นทั้งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหามาตรการเพื่อช่วยเหลือและรองรับตรงนี้ โดยสัปดาห์หน้ากระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งทำโครงการในการพัฒนาบุคลากรตรงนี้ เพื่อรักษาแรงงานไว้ เมื่อกำลังการผลิตฟื้นจะได้เดินหน้าอย่างเต็มที่