แม้นจะเรียกกันว่าเกียร์หนังสติ๊กแต่อย่าลืมว่าสายพานของมันคือโลหะครับไม่ใช่ยางแต่อย่างใด
ค่ายรถในปัจจุบันและในอนาคตใช้CVTเพราะว่าต้นทุนในการผลิตมันถูก ถ้าต้นทุนการผลิตถูกรถก็จะทำกำไรต่อคันได้มากขึ้นค่ายรถเลยนิยมหันมาใช้กัน แต่อย่าคิดว่าค่ายรถจะลดราคารถยนต์ลงเพราะต้นทุนผลิตถูก ไม่มีทางๆๆๆๆ
ข้อดีของCVTคือมันล็อกรอบในช่วงที่กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์มาได้ตลอด เทียบได้กับนักวิ่งที่มีกำลังวิ่งสูงสุดตลอดระยะเวลาที่วิ่ง ฟิตปั๋งไปตลอดทางไม่มีแรงตกจะวิ่งช้าหรือวิ่งเร็ว แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบคือมันไม่มีอารมณ์กระตุกๆๆเหมือนเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์กระปุก แค่นั้น
เกียร์รูปแบบนี้มันจะน่ารังเกียจหรือดีงามอยู่ที่มุมมองของคุณเอง ถ้ามองมันโดยยึดติดกับความคิดของเกียร์กระปุกที่ต้องมีจังหวะเปลี่ยนเกียร์ ต้องมีกระตุกให้ได้อารมณ์ เกียร์นี้มันจะน่าเบื่อ แต่ถ้ามองจากคุณงามความดีของCVTที่ล็อกรอบที่กำลังสูงสุดมาได้ตลอดCVTนี่น่ากลัวมากๆเพราะเกียร์อัตโนมัติทั่วๆไป เกียร์ธรรมดา เกียร์คลัทช์คู่ก็ทำไม่ได้อย่างCVT
ส่วนตัวผมไม่ได้รังเกียจCVTแม้มันจะไม่ให้อารมณ์กระตุก ขอแค่มันเรียกพลกำลังของเครื่องยนต์มาใช้ได้เหมาะสมที่สุดแค่นั้นเป็นพอ ถึงมันจะอารมณ์เดียวตลอดทางแต่ถ้ามันตบพวกชอบมาท้าทายจี้ท้ายให้กระจุยกระจายตามไม่ทันได้แค่นั้นเป็นพอ ใครบอกCVTไม่แรงดูในพัลซ่าร์เทอร์โบก็แล้วกัน ในรถรุ่นใหม่ๆที่เพิ่งออกรีวิวในปีนี้ที่ทำอัตราเร่งได้เกินคาดก็มีCVTเป็นตัวส่งกำลังทั้งนั้น
ไม่ว่าคนใช้รถจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามแต่ในอนาคตรถญี่ปุ่นบ้านๆหนีCVTไม่พ้นครับ มีไม่กี่ค่ายหรอกที่จะใช้เกียร์อัตโนมัติรูปแบบอื่นๆแทน CVTไม่ได้น่ากลัวแต่ที่น่ากลัวคือแนวคิดลดต้นทุนของค่ายรถต่างๆต่างหาก
CVTมีการใช้แพร่หลายเพราะต้นทุนการผลิตมันถูก แนวคิดการพัฒนาของระบบเกียร์จะไปในทิศทางที่ไม่มีการเผื่อเหลือเผื่อขาดความทนทานให้สูงไปกว่าการใช้งานแบบปกติมากนัก เราจะไม่เจอแล้วเกียร์ที่ใช้ไป300000กิโลไม่ต้องทำอะไรจนขายรถไปก็ยังไม่ออกอาการเกียร์ผิดปกติ ดูจากตอนนี้ก็ได้ที่คนใช้รถทุกยี่ห้อทุกรุ่นจะคลัทช์คู่ CVT อัติโนมัติแบบplanetary gear set ต้องตะกายพยายามเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ40000-50000กิโลเองเพื่อรักษาระยะให้เกียร์มันอยู่ได้เกิน100000กิโลเพื่อเอามาข่มกันเองว่าเกียร์ข้าเกินหนึ่งแสนเกินสองแสนกิโลแล้วยังไม่พังว่ะ