แล้วรถ March ผมเบนซินมันมี EGR ไปทำไมนะครับ สงสัยจริงๆ
เพราะ NOX คงไม่มาก ถ้าจะมีคงเป็น CO2 มากกว่า
ผมขอร่วมแจมด้วยนะครับ เพราะเท่าที่อ่านดูยังไม่มีประเด็นที่ผมได้ข้อมูลมา ต้องยกความรู้ทั้งหมดนี้ให้กับ อ. ศิริบูรณ์ เนาว์ถิ่นสุข ที่ถ่ายทอดความรู้นี้ไว้ให้ลูกๆ หลานๆ
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับเรื่อง Lean-Burn กับ Rich-Burn ก่อน Lean-Burn แปลกันง่ายๆ ก็คือส่วนผสมบาง ตั้งแต่ 14.7:1 ขึ้นไป
หมายความว่าในห้องเผาไหม้มีอากาศ (ที่ติดไฟได้) 14.7 กรัม ต่อ 1 กรัมของน้ำมันเพื่อรอจุดสันดาป อันนี้สำหรับเครื่องที่ใช้เชื้อเพลิงแบบก๊าซโซลีนนะครับ
ถ้าน้อยกว่านี้ก็ Rich-Burn
ผมขอยกตัวอย่างในเครื่องดีเซลแล้วกัน เพราะในเครื่องยนต์ดีเซล เป็น Lean-Burn โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในรอบเดินเบาฉีดน้ำมันเข้าไปนิดเดียว ก็ได้ม้านิดเดียว
เพราะมีการเผาไหม้น้อย ควันดำไม่มี ฉีดน้ำมันมากขึ้นอีก ก็เผาไหม้ได้มากขึ้น มีแรงดันลูกสูบมากขึ้น แรงม้าก็มากขึ้น ถ้าฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก
เผาไหม้จนออกซิเจนที่มีอยู่หมดเกลี้ยงก็ได้แรงม้าสูงสุดเท่าที่เครื่องนั้นทำได้
แต่ถ้ายังฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีก แต่ออกซิเจนหมดไม่เหลือแล้ว ก็มีควันดำออกมาทางท่อไอเสีย อย่างที่นักจูนลูกทุ่งชอบใช้ตาดู ใช้จมูกดม ถ้ามีควันดำแสดงว่าแรงได้ที่
แต่นั่นคือใช้เชื้อเพลิงเกินความจำเป็นเพราะไม่มีออกซิเจนเหลือให้เผาไหม้แล้ว
แต่อย่าเป็นห่วงไปครับ ยังโชคดีที่เครื่องยนต์มันมีสมอง (ECU) มันจะใช้ค่าแลมด้าในท่อไอเสียเป็นตัวตัดสิน ถ้ามากกว่า 1.0 แสดงว่า Lean-Brun
คือมีอ๊อกซิเจนค้างอยู่ในท่อไอเสียจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าค่าแลมด้าน้อยกว่า 1.0 แสดงว่า Rich-Brun ครับ ซึ่งจริงๆ
ในการทำงานของเครื่องยนต์ก็สามารถ Lean-Burn และ Rich-Burn ได้ อยู่ที่การตั้งโปรแกรมให้เรียกแรงม้าออกมาในช่วงไหน และขนาดไหน
สรุปง่ายๆ Lean ก็ประหยัด ถ้า Rich ก็แรงจะว่าอย่างนั้นก็คงได้
แต่ข้อเสียของ Lean-Brun ก็คือเรื่องความร้อนครับ เมื่อส่วนผสม Lean หมายความว่ามีออกซิเจนมากจนเหลือเฟือ เมื่อเกิดการเผาไหม้จะมีความร้อนสูง
เป็นความร้อนที่เกิดขึ้นในรอบสันดาปนั้นๆ นอกจากนั้นยังเผาไหม้ได้ช้าอีกด้วย ไฟอาจแล่บออกจากวาล์วไอเสีย เพราะวาล์วไอเสียเปิดแล้วยังเผาไหม้ไม่หมด
ถ้าส่วนผสม Lean มากๆ เครื่องยนต์ที่ว่าทนว่าอึด โดยเฉพาะวาล์วไอเสียนี่ถ้าระบายความร้อนไม่ดีมันก็นรกดีๆ นี่เอง
วิธีแก้ก็คือ การนำไอเสียที่วิ่งออกไปแล้วให้ย้อนกลับมาในห้องเผาไหม้ ในการเผาไหม้รอบต่อไป ไอดีก็จะผสมกับไอเสีย (ซึ่งไม่มีออกซิเจน)
ที่ป้อนกลับเข้ามาจากรอบที่แล้วไปแทนที่อ๊อกซิเจนบางส่วนเผาไหม้แล้วอุณหภูมิจะไม่สูงเกินไป หรือเรียกว่า Exhaust Gas Recirculation (EGR) นั่นแหละครับ
เพราะฉะนั้นที่บอกว่าอุด EGR แล้วเครื่องทนขึ้น ก็คงได้คำตอบแล้วนะครับ
แล้วไอ้ที่ว่าประหยัดขึ้นนี่คงคิดไปเองเพราะเมื่อเครื่องไม่ต้องการแรงม้า (อยู่ในรอบเดินเบา) จะ Lean จนมีออกซิเจนเหลือออกมามาก
เครื่องก็สั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีกซึ่งมันเสียทิ้งไปเสียเปล่าๆ (ในกรณีที่อุด EGR)
แต่ควรจะแรงขึ้นเพราะเครื่องจะสั่งน้ำมันเข้าไปรอเผาไหม้อยู่เพิ่มขึ้น
เรื่อง Oxides of Nitrogen ผมคงไม่เขียนถึงนะครับ เพราะมีคนเขียนอยู่เยอะแล้ว เรื่องโลกสวยนี่พูดยาก ถ้าเทียบรถดีเซลที่อุด EGR
กับแท็กซี่ติดแก๊ซที่ส่วนผสมปาเข้าไป 16:1 นี่ คิดดูว่าใครปล่อยมลพิษมากกว่ากัน แท็กซี่อยู่ในเมือง รถกระบะบางครั้งวิ่งในป่า ผมว่าก็ช่างเขาเถอะ
ยาวไปก็ขออภัยนะครับ พยายามย่อได้เท่านี้จริงๆ