เครื่องดีเซลใน Pick up เหตุผลใดที่ผู้ผลิตบางค่ายไม่จูนให้แรงบิดเป็น flat torque

H3T

  ถ้าดูเฉพาะที่เป็น flat torque
   1. 1KD-FTV 360 nm / 1400 - 3200 rpm และ 2KD-FTV 343 nm / 1600 - 2800 rpm
         มีช่วงแรงบิดสูงสุดถึง 1800 รอบ และ 800 รอบ
   2. 4JJ-TCX 380 nm / 1800 - 2800 rpm และ 4JJ-TCY 400 nm / 1400 - 2000 rpm
         มีช่วงแรงบิดสูงสุดถึง 1000 รอบ และ 600 รอบ
   3. Duratorg TDCi 2.2 375 nm / 1500 - 2500 และ 3.2 470 nm / 1750 - 2500
         มีช่วงแรงบิดสูงสุดถึง 1000 รอบ และ 750 รอบ

  แต่ค่ายที่เหลือ
   XLD28 , 4D56T , YD25 ทำไมถึงไม่จูนให้เป็น flat torque ซึ่งสามารถเรียกใช้ได้ง่ายกว่า กลับจูนให้แรงบิดสูงสุดมากๆไว้ก่อน แต่เป็นแค่ช่วงรอบใดรอบหนึ่งเท่านั้น
 
    เช่น กรณี Navara ใหม่ที่จะเปิดตัว ให้มาถึง 450 nm / 2000 rpm
             ถ้าหากจูนแรงบิดใหม่ให้ลดลงแต่เป็น flat torque อาจจะแค่ 400 nm และมีช่วงกว้างซัก 1000 - 1500 รอบก็ได้ น่าจะดีกว่า สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายกว่า และรู้สึกสนุกกว่า ในช่วงที่รอบกวาดขึ้นไปในช่วงแรงบิดสูงสุด มีแรงดึงต่อเนื่อง

    แต่การตลาดในบ้านเราแข่งกันที่ตัวเลขแรงม้าและแรงบิด ใครให้มากกว่าถือว่าดีกว่า ไม่สนใจเรื่อง flat torque ซึ่งถ้าจูนลดลงมาแล้วทำให้แรงม้าลดลงอาจจะมองว่ามีผลต่อการตลาดก็เป็นได้

 



MUK

อาจจะเป็นเพราะกระบะเน้นเอาไว้บรรทุกหรือเปล่าครับเลยต้องเน้นแรงบิดและแรงม้าโหดๆ  ครับ



Nerdys

คิดว่าเป็นจิตวิทยา+การตลาด ที่ต้องทำตัวเลขให้สูงๆ หรือดูดีไว้ก่อน

ลูกค้าส่วนมากไม่ทราบด้วยซ้ำว่า flat torque คืออะไร มีข้อดียังไง
แต่ลูกค้าหลายคนพอเห็นตัวเลขแรงบิดสูงกว่า ก็อาจมีใจเอนเอียงมาทางรถคันที่มีตัวเลขสวยกว่า

ส่วน flat torque นั้น ผู้ผลิตอาจทำเพื่อให้เข้ากับเกียร์ก็ได้ครับ
เพราะเกียร์บางตัวรับแรงบิดได้ไม่มาก เลยต้องจงใจลดทอนแรงบิดลงมาเป็น flat torque แทน เพื่อให้เกียร์รับได้
ถ้าจะพัฒนาเกียร์ขึ้นมาใหม่ให้รับแรงบิดมากๆได้ ก็อาจเพิ่มต้นทุน เลยเลือกที่จะลดแรงบิดให้เป็น flat torque แทน



golf4651

รอนาวาร่า เปิดตัวเต็มๆก่อนค่อยวิจารณ์ดีเปล่าครับพี่



superb19

ผมว่าดูกราฟด้วยน่าจะดีกว่านะคับ อาจไม่แฟต แต่ถ้ามีช่วงกำลังที่มีแรงบิดสูงตั้งแต่ที่รอบต่ำ และกว้างมากพอ ผมก็ว่าขับง่ายแล้วคับ



อันนี้เครื่องเบ็นซิน มีช่วงที่มีแรงบิด 90% กว้างเกือบ 4000 รอบ ผมก็ว่าโอแล้วแหละ



Highway Star

เห็นด้วยกับ จขกท ที่สุดครับ เพราะแรงบิดดีเซลในรถกระบะเหลือเฟือแต่ควรมาในรอบต่ำยันรอบสุง ไม่งั้นมันก็จะดีแค่ทางลุยกับบรรทุกหนักแต่พอรอบหมดก็งั้นๆกลายเป็นแบบรถดีเซลยุคเก่า  สังเกตจากวีโก้กับดีแมคซ์สิครับตัวเลขในโบรชัวร์ไม่สวยแต่วิ่งจริงแรงไม่แพ้ใครแถมประหยัดกว่าด้วยเพราะแรงบิดมันดึงได้ยาวยันรอบสูงทำให้ฉุดลากดีในรอบต้นแต่ก็ยังแรงบิดไม่หมดในรอบสูงทำให้รอบสุงวิ่งดีซึ่งฟอร์ดตอนหลังก็เอาอย่างบ้าง แต่จริงๆอยากให้ทุกค่ายเอากราฟแรงม้าแรงบิดมาเปรียบให้ดูครับเพราะบางเจ้ารอบต่ำมามากพอรอบสูงแรงบิดหมดแต่บางเจ้าแรงบิดไม่สุงมากแต่ดึงได้ยาวจนรอบสูง



f1rstgot

ข้อมูลบางยี่ห้อมั่วนะครับ เขียนแค่ 2000 รอบไรงี้ แต่ที่จริงมันมีต่อครับ แต่เค้าลงไม่หมด เช่นที่จริง 2000-2750 แต่ลงแค่ที่ 2000 ผมก็เคยปล่อยไก่ไปแล้วทีนึงครับ เข้าใจว่าม่ีแค่ 2000 อย่างเดียว



banch

เค้าไม่ได้จูนให้มันเรียบ เค้าแค่ขลิปกราฟส่วนที่มันเกินออก


ดูเส้นประสีส้มของคุณ superb19



mick

มันแล้วแต่จะจูนยังไง ถึงไม่ peak ไม่ได้แปลว่าหายหมด

จะให้ละเอียด ต้องมานั่งดูกราฟทุกยี่ห้อหรอครับ

นี่ก็แค่จากเครื่อง เจอเกียร์อีก จะดูยังไงครับ มี 5 เกียร์  ดูแรงลงล้อไปเลย
ทำ sensitivity อีกซัก 2 เส้น ลองดูแล้วได้ยังไง สรุปให้ด้วยนะครับ ว่ายี่ห้อไหนเทพสุด



H3T

 ผมขอโฟกัสไปที่เครื่องยนต์อย่างเดียวนะครับ เอาแค่กำลังที่ Flywheel มาวิเคราะห์ดู
  ส่วนตัวผมอยากได้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงประมาณนึงในรอบต่ำๆ และยังอยู่ต่อไปอีกช่วงนึงของรอบเครื่องยนต์ จึงต้องใช้ระบบอัดอากาศเข้ามาช่วย เป็นหลักการเดียวกันของทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน
 
 ผู้ผลิตแต่ละรายน่าจะพัฒนาเครื่องยนต์มาเป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ให้ความสำคัญเรื่องความกว้างของแรงบิดมากน้อยแตกต่างกันไปหรือเปล่า การที่จะทำให้แรงบิดยืนอยู่ประมาณ 90% ของแรงบิดสูงสุดกว้างมากที่สุด หรือต้องการทำให้กว้างกว่านี้ ทำได้ยากง่ายแค่ไหน เห็นได้จากบางค่ายที่กราฟไม่ได้กว้างเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  1. ทำได้ แต่ผู้ผลิตไม่ให้ความสำคัญตรงจุดนี้ สู้ทำให้ตัวเลขสูงๆไว้ก่อน เอาไว้โฆษณาดีกว่า
  2. ทำได้ แต่ต้องเพิ่มเทคโนโลยีเข้าไป ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงเลือกที่จะไม่ทำ
  3. ทำได้เต็มที่แล้ว ได้เท่านี้

  ขอบคุณอีกครั้งที่แลกเปลี่ยนกันนะครับ



PumpNISMO

ถ้ากรณีpeak450 แต่380+ มาตั้งแต่1500-2500 แบบนี้มันก็ยังโอเคนะครับ ต้องเอากราฟมาดูกันจริงๆ แล้วเรื่องเกียร์อีก ผมว่าโตโยต้า อีซุูซุ ทำเครื่องกับเกียร์ได้เต็มประสิทธิภาพดีจริงๆ



superb19

ผมว่าตามหลักการนะคับ แต่ละแบรนมีเอกลักษณ์ของตัวเองนะคับ บางค่ายเขาเน้นประหยัด บางค่ายเน้นดูสปอร์ท บางค่ายเน้นกำลังดี(บันทุกหนัก ขึ้นเขา)  มันเลยสะท้อนออกมาให้เห็นจากการเซ็ทเครื่องนี้แหละ สมมุตินะถ้าเน้นประหยัด แล้วฉันจะทำให้มีแรงเยอะในรอบสูงเพื่ออะไรมีกำลังพอประมาณพอได้รอบจะได้รีบๆเปลี่ยนเกียร์  ถ้าเน้นกำลังดีบันทุกหนัก/ขึ้นเขาก็ต้องเซ็ทเครื่องกะเกียร์ให้มีกำลังในรอบต่ำความเร็วไม่สูงชิ้นส่วนอาจทำให้แข็งแรงทนงานหนัก ถ้าเน้นซิ่งก็ต้องใช้รอบให้เป็นประโยชน์ลดน้ำหนักชิ้นส่วนรอบจะได้ขึ้นเร็วและใช้รอบสูงได้ไส้ไม่แตก 555

ผมว่าเรื่องต้นทุนเป็นสิ่งที่เขาคำนึงถึงอันดับแรกๆ เทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปแทบทุกอย่างล้วนมีต้นทุนคับ ทั้งเรื่องวัสดุคุณภาพดีๆที่ใช้  เช่น ชิ้นส่วนที่ลดน้ำหนัก เพิ่มความลืน ลดแรงเสียดทาน หรืออุปกรณ์ที่ใส่เพิ่มเข้าไป เช่น เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ปรับปรุงระบบหล่อลื่นและระบายความร้อน ต่อไปก็เพิ่มเทอร์โบอีกตัว เป็นซีเควนเชียล ทำงานแบบรอบต่ำ/สูง
โรงงานผลิตรถถ้าเขาจะทำให้เครื่องให้มีกำลังในรอบที่สูงขึ้น(ลากได้ยาวขึ้น)เขาต้องปรับปรุงในหลายจุดมาก ต้องคำนึงถึงความทนทานด้วย ไม่เหมือนเราแต่งรถ ใส่กล่องใบเดียวแรงสะใจ   ;D ;D ;D

จากราคารถกระบะตอนนี้สูงขึ้นๆ อีกไม่นานโบคู่มาแน่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2014, 20:35:50 โดย superb19 »



PumpNISMO

เพิ่งนึกได้ว่า นาวาร่าตัวใหม่Twin Turboหรือเปล่า จากspyshot ถ้าเป็นTwinแรงบิดก็น่าจะมาต่อเนื่องนะครับ แต่คงมีในรุ่นท๊อปๆ



Koong

ต้องดูกราฟ    มองอีกมุมหนึ่งเครืีองแฟลตทอร์คก็คือเครื่อง ที่จูนลดน้ำมันหรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อตัดยอดกราฟที่มันพุ่งปรี๊ดขึ้นไปออก.  อย่างที่จำปา บอกนั่นแหละ. เทียบแล้วตัวเลขแรงบิดมันจะไม่สูง. และได้ความประหยัดมาทดแทน.