บางตอนจากนิยาย
ผมพิมพ์ผิดด้วยครับ ในเรื่องพูดถึง Grip ไม่ใช่ Drift
เมื่อเคนกำลังเร่งทำความเร็วไล่ผู้ต้องสงสัย แล้วจู่ๆ ก็มีรถบรรทุกพ่วง 2 ตอนเลี้ยวออกมาจากซอยอย่างกระทันหัน เลี้ยวตีวงกว้างจนกินเนื้อที่ของผิวถนน 2 เลนทั้งหมด
ไหล่ทางที่มีอยู่กว้างไม่เพียงพอสำหรับให้รถยนต์หลบ รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้เคนไม่มีเวลาคิดกระทั่งเรื่องของความกลัว ในสมองมีแต่เพียงเรื่องที่ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร
ตัดสินใจเหยียบเบรกอย่างแรงด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างเพื่อลดความเร็วลงให้ได้มากที่สุดในขณะที่รถยังอยู่ในทางตรง มือซ้ายตบคันเกียร์โยกไปที่ตำแหน่งล่างสุดของเกียร์อัตโนมัติ พอความเร็วลดถึงตัวเลข 160 ก็หักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดๆ พอรถเริ่มเป๋เสียการทรงตัว ก็ถอนเท้าจากเบรก เปลี่ยนเป็นกดคันเร่งเต็มที่ ล้อหลังหมุนฟรี ส่งเสียงเอี๊ยดดังสนั่น กลิ่นยางไหม้คละคลุ้ง เข็มวัดรอบตีไปที่จุดสูงสุด รถสไลด์ขวางถนนแต่ยังคงเคลื่อนที่เอาด้านข้างเข้าหารถพ่วง ทว่าแรงเฉื่อยของความเร็วที่ส่งมายังคงมีสูงอยู่ ระยะทางกระชั้นมากเข้าจนพลอยที่นั่งมาด้วยกรีดร้องเสียงดัง
เคนสะบัดพวงมาลัยกลับไปทางขวาทันที เหยียบเบรกพร้อมกับดึงเบรกมือแรงๆ พอรถหัวทิ่มลงมากสุดก็ยกเบรกที่เหยียบอยู่ แต่ยังคงดึงเบรกมือไว้ จากเดิมที่รถกำลังสไลด์ไปทางขวา ก็เปลี่ยนทิศทางเป็นสไลด์มาทางซ้ายแทน ปล่อยเบรกมือลง และเหยียบคันเร่งลงสุดอีกครั้งเพื่อทำให้ล้อหมุนฟรี ขณะนี้เคนกำลังควบคุมรถจากโมเมนตัม ไม่ใช่จาก Traction ไม่ใช่ Grip อีกหนึ่งความสามารถที่แม้แต่โรงเรียนสอนขับรถแข่งชื่อดังก็ยังไม่มีการสอน
เอ... เท่าที่ผมจำได้เรื่องแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ การทำให้ยางไถลถูไปกับพื้น มันไม่ได้เป็นค่าแรงเสียดทานที่ดีที่สุดนะครับ
และอีกอย่าง Grip ของยางนั้นมีจำกัด เราต้องเลือกเอาว่าจะใช้ Grip กับเบรกหรือการเปลี่ยนทิศทางมากกว่ากัน
ดังนั้นวิธีที่จะเอาตัวรอดให้ดีที่สุดในสถานะการณ์ในนิยายคือ ตั้งรถให้ตรงแล้วกดเบรกให้สุดแรง แล้วให้ ABS คุมล้อไม่ให้ล็อก ส่วนถ้ารถไม่มี ABS ก็กดเบรกลงไปอย่างเร็วแต่อย่ากระโชกโฮกฮาก เพราะเดี๋ยวล้อล็อก แล้วค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักเบรกไปเรื่อยๆ จนล้อเกือบล็อก
บางตอนจากนิยาย สามารถเอาตัวรอดจากอุบัติเหตุได้จริงๆ นะครับ ผมเคยผ่านเหตุการณ์เหมือนในนิยายมาแล้ว และก็ใช้วิธีการคล้ายๆกัน แต่ผมไม่ได้สนใจ Momentum หรอกครับ แค่สัญชาตญาณเอาตัวรอด
มันเป็นไปโดยธรรมชาติครับ
Step เหตุการณ์
1. ผมขับสายเอเชียเลนขวามาด้วยความเร็วเกิน 140 กม/ชม
2. รถสิบล้อออกมาจากข้างทาง จะตัดเลน เพื่อข้ามไปถนนอีกฝั่งเลย ผ่านเลน 3 เลน
3. สิบล้อได้หยุดที่เลนกลาง
4. ผมก็คิดว่าเค้าคงไม่มาต่อแล้ว
5. จึงเร่งความเร็วต่อ
6. แต่รถสิบล้อกับเคลื่อนมาขวางเลนขวาที่ผมเพิ่งเร่งเครื่องขึ้นไป
7. ผมตัดสินใจเหยียบเบรคเต็มแรง
8. แต่รถก็ยังพุ่งเข้าหาด้านข้างสิบล้อเรื่อย ดูเหมือนความเร็วไม่ได้หยุดเพียงพอที่หยุดทัน
9. ผมจึงเลิกเหยียบเบรค เพื่อเปลี่ยนมาสนใจการควบคุมทิศทางแทน เพื่อให้ยางได้เคลื่อนตามทิศทางที่ต้องการได้เต็มที่
10. ผมตัดสินใจหักพวงมาลัยทางด้านซ้ายอย่างเร็วและรุ่นแรง เพื่อให้รถเอาด้านข้างคนขับ เข้าหาสิบล้อแทน ทำให้รถเอียงข้าง จนล้อซ้ายทั้ง 2 ล้อ ลอยขึ้นจากพื้น
11. จากนั้นก็เร่งเครื่องเต็มที่ และทันใดนั้นก็หักพวงมาลัยทางขวาอย่างเร็วและรุนแรง เพื่อให้รถเสียการทรงตัว
12. รถได้เปลี่ยนจากเอาด้านคนขับเข้าหาสิบล้อเป็น ด้านคนนั่งเข้าหาสิบล้อแทน พร้อมๆ กับที่จุดกึ่งกลางรถอยู่มุมด้านท้ายรถสิบล้อพอดี เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเร่งเครื่องเต็มที่
13. รถได้เทน้ำหนักจากด้านขวาไปด้านซ้ายเต็มที่ ทำให้รถเอียงไปทางด้านซ้าย และล้อทั้ง 2 ล้อ ข้างขวาก็ลอยจากพื้นถนน
14. เมื่ออ้อมพ้นท้ายสิบล้อด้านซ้าย ผมก็หักซ้าย อย่างแรงอีกครั้่ง เพื่อถ่ายน้ำหนักจากซ้ายไปขวา ให้ล้อขวาสัมผัสถนน และตั้งลำกับมาตรงตามเลน และวิ่งต่อได้อย่างปลอดภัย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์นี้ ประกอบจากสถาณการณ์ที่ตัวเองได้เจอ และเพื่อนที่ขับรถตามมาเล่าให้ฟัง
ปล. เพื่อนบอกว่าเมิงขับต่อได้ไงฟ่ะ ถ้าเป็นมันขับคงฉี่แทบราดต้องเข้าปั๊บทันที แค่มันขับตามมันยังขาสั่น ขับรถต่อแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ