ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ามีโครงการรถยนต์คันแรกอีกครั้ง ผู้คนยังจะเอาด้วยอยู่ไหมครับ  (อ่าน 7150 ครั้ง)

ออฟไลน์ J_Serie5

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
ลองพิจารณาดีดีจะเข้าใจว่าทำไมรัฐบาล (ณ เวลานั้น) ต้องออกโครงการทำนองนี้มา มันมีเหตุจำเป็นล่ะครับ แต่ถ้าตอนนี้ออกมา ก็มาซ้ำเติมกำลังซื้อประชาชนที่ถดถอยลงเรื่อยๆ ป่วยการจะออก

เหตุจำเป็นคืออะไรครับ ผมอยากทราบครับ

ช่วยตอบครับ ช่วงนั้นน้ำท่วมใหญ่ โรงงานรถยนต์โดนน้ำท่วมกระจาย แทบจะปิดโรงงานหนี

ถ้าญี่ปุ่นถอนทุน ไปตั้งโรงงานประเทศเพื่อบ้านแทน จะเกิดอะไรขึ้น คนตกงานมากแค่ไหน?

รัฐบาลเลยต้องเยียวยาด้วยการออกนโยบายรถคันแรก ซึ่งได้ผลสองเด้ง คือได้ช่วยทั้งผู้ผลิต

และผู้บริโภคหน้าใหม่ ที่เพิ่งมีรถคันแรก มีงบน้อยได้เป็นเจ้าของรถยนต์กันง่ายขึ้น

แต่พวกคนมีตัวค์ไม่ถูกใจ เพราะคนออกรถง่ายขึ้น คนจนมาแย่งถนนเขาใช้ แถมคนพวกนี้คงมีหุ้นในไฟแนนซ์

เลยชอบบ่นเดือดร้อนแทนไฟแนนซ์ว่าสร้างหนี้เสีย รถยึดเยอะ บลาๆๆ

แต่พอรถเมืองไทย ราคาแพงกว่าเมืองนอก เพราะภาษีแพงกว่ามาก ก็ด่าอีก ว่าเมืองไทยขายรถแพง

สรุปจะเอาไงกันครับ 555

นั่นคือปลายเหตุครับ ต้นเหตุจริงๆคือทำเพื่อ " ประชานิยม " ส่วนเรื่องโรงงานย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน มาจาก
1.การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประเทศเพื่อนบ้านมีต้นทุนค่าแรงที่ถูกกว่ามาก เลยย้ายฐานผลิต ถึงไทยจะสาธารณูปโภคดีกว่าเพื่อนบ้านก็ตาม แต่ก็ฉุดไม่อยู่
2.ทหารยึดประเทศ ใครๆก็ไม่อยากเสี่ยงค้าขายบนความไม่แน่นอน
3.เศรษฐกิจพังเพราะคนกลุ่มเดียว เรื่องนี้รู้กันทั่วโลก

บอกได้แค่นี้ มากกว่านี้โปรดหาวงใน  ;D

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,192
    • อีเมล์
ณ ตอนนี้ก็ไม่เอาด้วยครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ Untouchable

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 608
โครงการนี้เป็นผลดีกับคนที่พร้อมออกรถอยู่แล้วได้จากส่วนนี้มาช่วยลดค่าใช้จ่าย   ส่วนคนไม่พร้อมก็กระเสือกกระสนหาเงินมาออกจนได้และทำให้ตัวเองชักหน้าไม่ถึงหลังเกิดปัญหาด้านการเงินอีก ลูกน้องผมไงตัวอย่างใกล้ตัวดันทุรังออกจนได้สุดท้ายโดนยึดเพราะไปต่อไม่ไหว

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
โครงการนี้ผมว่าดีครับ ถึงรถจะถูกจะแพง คนจำเป็นใช้ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี ประโยชน์มีแน่ จับต้องได้ด้วย จับต้องได้มากกว่าการขึ้นภาษีบลาๆ เพื่อนู่นนี่นั่นสารพัดจะบอก ตามนั้นแล้วกัน

ปัญหาที่แท้จริงจากโครงการนี้ คือ ความโลภของไฟแนนซ์ครับ มูมมามซะจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง มีปัญญาผ่อนชำระหรือเปล่า เพราะคิดว่าเป็นจังหวะโกยไงครับ ฟันหักกลับบ้าน ;D ;D ;D

ออฟไลน์ TNP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 435
    • อีเมล์
" ถ้ามีโครงการรถยนต์คันแรกอีกครั้ง ผู้คนยังจะเอาด้วยอยู่ไหมครับ "

ไม่เข้าใจเลยว่า ...  คำถามแบบนี้ จะถามทำไม ?

ถ้าเค้าจะมีให้จริงๆ  ใครจะไม่เอา 

เพราะสุดท้าย คนที่ไม่เอา เค้าไม่ใช่ " ไม่เอา " 


แต่เพราะ " เค้าเอาไม่ได้ " ต่างหาก


ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,951
    • อีเมล์
สรุป “โครงการรถคันแรก” ครอบคลุมรถ 1.2 ล้านคัน ศก.ขยายตัวตลอดโครงการ 0.97% ต่อปี https://www.matichonweekly.com/intrend/article_17458

ออฟไลน์ blitzpao

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 738
เข้ามาเพิ่มเติมว่ามันบิดเบือน Demand - Supply จริงแต่เรื่องพวกนี้ค่ายรถเค้าคิดมาเรียบร้อยแล้วครับ มันมี Sale Forecast(Demand) แล้วค่ายรถก็ต้องผลิต (Supply) ให้ได้ตาม ส่วนเรื่องเงินได้คืน รัฐบาลยังเก็บได้อยู่ตาม multiplier effect แต่จะได้เต็มรึป่าวผมไม่รู้นะเพราะตัวแปรเยอะเช่น คนซื้อรถแล้วต้องเติมน้ำมันรัฐก็จะได้ภาษีจากตรงนี้ หรือเงินที่ได้คืนเอาไปซื้ออย่างอื่นก็ได้ Vat ดีกว่าเอาเงินไปจบกับรถอย่างเดียว

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,479
    • อีเมล์
โครงการนี้ผมว่าดีครับ ถึงรถจะถูกจะแพง คนจำเป็นใช้ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี ประโยชน์มีแน่ จับต้องได้ด้วย จับต้องได้มากกว่าการขึ้นภาษีบลาๆ เพื่อนู่นนี่นั่นสารพัดจะบอก ตามนั้นแล้วกัน

ปัญหาที่แท้จริงจากโครงการนี้ คือ ความโลภของไฟแนนซ์ครับ มูมมามซะจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง มีปัญญาผ่อนชำระหรือเปล่า เพราะคิดว่าเป็นจังหวะโกยไงครับ ฟันหักกลับบ้าน ;D ;D ;D

มันใช่เหรอครับ

ไฟแนนซ์ เขาทำการค้าหากำไร ถ้าผ่อนไม่ไหว เขาก็ยึด ฟ้องผู้ซื้อ ฟ้องผู้ค้ำ คนที่ฟันหักไม่ใช่ไฟแนนซ์แน่

 "ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง" ตรงนี้ก็ไม่จริงนะ ลูกน้องผมและอีกหลายคน ก็กู้ไม่ผ่าน จนต้องหาวิธียืมใช้ชื่อญาติกันวุ่นวายไปหมด ไฟแนนซ์เขาก็คัดกรองในระดับนึงนะครับ

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
โครงการนี้ผมว่าดีครับ ถึงรถจะถูกจะแพง คนจำเป็นใช้ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี ประโยชน์มีแน่ จับต้องได้ด้วย จับต้องได้มากกว่าการขึ้นภาษีบลาๆ เพื่อนู่นนี่นั่นสารพัดจะบอก ตามนั้นแล้วกัน

ปัญหาที่แท้จริงจากโครงการนี้ คือ ความโลภของไฟแนนซ์ครับ มูมมามซะจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง มีปัญญาผ่อนชำระหรือเปล่า เพราะคิดว่าเป็นจังหวะโกยไงครับ ฟันหักกลับบ้าน ;D ;D ;D

มันใช่เหรอครับ

ไฟแนนซ์ เขาทำการค้าหากำไร ถ้าผ่อนไม่ไหว เขาก็ยึด ฟ้องผู้ซื้อ ฟ้องผู้ค้ำ คนที่ฟันหักไม่ใช่ไฟแนนซ์แน่

 "ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง" ตรงนี้ก็ไม่จริงนะ ลูกน้องผมและอีกหลายคน ก็กู้ไม่ผ่าน จนต้องหาวิธียืมใช้ชื่อญาติกันวุ่นวายไปหมด ไฟแนนซ์เขาก็คัดกรองในระดับนึงนะครับ

ที่คุณพูดมา มันก็ยังเป็นความผิดของไฟแนนซ์อยู่ดีใช่ไหมครับ?  ;D ;D ;D ผมหมายถึงที่ยังคัดกรองคนได้ไม่ดีพอ จนปล่อยให้ตัวเองโดนหลอกอย่างที่คุณว่าได้

คือที่ผมบอกว่า ฟันหักเนี่ย คุณไปย้อนดูนะครับ ว่าหนี้เสียไฟแนนซ์จากโครงการนี้เท่าไหร่ (ก็รับดะมาอย่างนี้ ฟ้องได้ฟ้องไป ยึดได้ยึดไป แต่ไม่มีจ่าย) ถ้าจะบอกว่าฟันไม่หักก็แล้วแต่จะคิดครับ  :D

คือ ถ้าจะเคาน์เตอร์ประเด็นผม คุณควรจะเชื่อมโยงว่า นโยบายนี้ หรือ รัฐบาลในขณะนั้น ทำผิดพลาดอย่างไรในโครงการนี้ ซึ้งถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว มันไม่มีทางเชื่อมโยงไปสู่จุดนั้นได้เลย เพราะสุดท้ายไฟแนนซ์ต้องเป็นคนคัดกรองว่าจะให้ใครกู้ ไม่ให้ใครกู้ ไม่ใช่ทำตัวมูมมามเสร็จแล้วโทษปี่โทษกลอง อย่าว่าแต่ลดคันละแสนเลยครับ ต่อให้เหลือคันละแสนถ้าไฟแนนซ์ไม่ผ่านให้มันก็เท่านั้น  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,479
    • อีเมล์
โครงการนี้ผมว่าดีครับ ถึงรถจะถูกจะแพง คนจำเป็นใช้ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี ประโยชน์มีแน่ จับต้องได้ด้วย จับต้องได้มากกว่าการขึ้นภาษีบลาๆ เพื่อนู่นนี่นั่นสารพัดจะบอก ตามนั้นแล้วกัน

ปัญหาที่แท้จริงจากโครงการนี้ คือ ความโลภของไฟแนนซ์ครับ มูมมามซะจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง มีปัญญาผ่อนชำระหรือเปล่า เพราะคิดว่าเป็นจังหวะโกยไงครับ ฟันหักกลับบ้าน ;D ;D ;D

มันใช่เหรอครับ

ไฟแนนซ์ เขาทำการค้าหากำไร ถ้าผ่อนไม่ไหว เขาก็ยึด ฟ้องผู้ซื้อ ฟ้องผู้ค้ำ คนที่ฟันหักไม่ใช่ไฟแนนซ์แน่

 "ใครมาก็เอาหมดโดยไม่ดูว่าคนที่มาหน้าตาเป็นยังไง" ตรงนี้ก็ไม่จริงนะ ลูกน้องผมและอีกหลายคน ก็กู้ไม่ผ่าน จนต้องหาวิธียืมใช้ชื่อญาติกันวุ่นวายไปหมด ไฟแนนซ์เขาก็คัดกรองในระดับนึงนะครับ

ที่คุณพูดมา มันก็ยังเป็นความผิดของไฟแนนซ์อยู่ดีใช่ไหมครับ?  ;D ;D ;D ผมหมายถึงที่ยังคัดกรองคนได้ไม่ดีพอ จนปล่อยให้ตัวเองโดนหลอกอย่างที่คุณว่าได้

คือที่ผมบอกว่า ฟันหักเนี่ย คุณไปย้อนดูนะครับ ว่าหนี้เสียไฟแนนซ์จากโครงการนี้เท่าไหร่ (ก็รับดะมาอย่างนี้ ฟ้องได้ฟ้องไป ยึดได้ยึดไป แต่ไม่มีจ่าย) ถ้าจะบอกว่าฟันไม่หักก็แล้วแต่จะคิดครับ  :D

คือ ถ้าจะเคาน์เตอร์ประเด็นผม คุณควรจะเชื่อมโยงว่า นโยบายนี้ หรือ รัฐบาลในขณะนั้น ทำผิดพลาดอย่างไรในโครงการนี้ ซึ้งถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว มันไม่มีทางเชื่อมโยงไปสู่จุดนั้นได้เลย เพราะสุดท้ายไฟแนนซ์ต้องเป็นคนคัดกรองว่าจะให้ใครกู้ ไม่ให้ใครกู้ ไม่ใช่ทำตัวมูมมามเสร็จแล้วโทษปี่โทษกลอง อย่าว่าแต่ลดคันละแสนเลยครับ ต่อให้เหลือคันละแสนถ้าไฟแนนซ์ไม่ผ่านให้มันก็เท่านั้น  ;D ;D ;D

การปล่อยกู้ ของสถาบันการเงินทุกรูปแบบ มีการคัดกรองในระดับนึง
แต่ก็มีคนที่ผ่อนไม่ไหว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่น
-กู้ซื้อบ้าน ก็มีคนที่โดนยึดบ้าน
-กู้เพื่อขยายกิจการ ก็มีคนที่ปิดกิจการ
ไม่เห็นจะเกี่ยวกับความมูมมามเลย

หนี้เสียของไฟแนนซ์ มีก่อนที่จะมีโครงการรถคันแรก
โครงการรถคันแรก ทำให้หนี้เสียเพิ่มขึ้นเยอะ ก็เพราะมีคนมากู้เยอะขึ้น และมันมีการใช้ชื่อกู้แทนกันไง เพราะต้องซื้อให้ทันโครงกันไงครับ
คนกู้บางคนไม่ใช่คนผ่อน คนผ่อนบางคนไม่ใช่คนกู้

ออฟไลน์ tongtom

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
ตอนนี้ อยากให้ .............. กระตุ้นให้ "เก็บภาษีรถยนต์" ที่บ้านไหนมันไม่มีที่จอดแล้ว เอามาจอดหน้าบ้านหรือพื้นที่สาธารณะ แบบอัตราก้าวหน้าเหมือนภาษีมรดก ... เริ่มจาก ร้อยละ 50ของราคาใน 3ปีแรก(โดยเก็บแบบรวดเดียว3ปี)  แล้วก็ตามด้วยปีที่4 อัตรา2เท่าของ3ปีแรก แล้วเก็บเป็น 2เท่าของอัตราล่าสุดในปีที่4 และต่อๆ ไป เริ่มเก็บอัตรา 5เท่า ของราคาซื้อ...

ดูซิ ปัญหา จอดรถหน้าบ้าน ในซอย หรือหน้าบ้านตัวเองแต่คนอื่นๆ เข้าออกลำบาก จะยังอยู่อีกไหม ....

 ทำไปทำไม รถคันแรก สู้ .. "รถคันสุดท้าย" ไม่ได้หรอก 5555555555...