เปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกช่วงRun In ตอนวิ่ง 1000 กิโลเมตรแรก

prakob.p

เพื่อน สมช คิดว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกตอนวิ่ง Run In 1000 กิโลเมตรแรก ยังควรทำหรือไม่
เพราะในช่วงรันอิน เศษโลหะต่างๆ จะหลุดจากชิ้นส่วนที่เสียดสีกันมาปะปนกับน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ ในปริมาณที่มากกว่าปกติ



MyName

สมัยก่อน เศษโลหะที่หลุดจากกระบวนการผลิตเมื่อมีการเสียดสีมันมีจริงๆ ครับ ถึงต้องเปลี่ยนครั้งแรก 1,000 km

แต่สมัยนี้วิวัฒนาการของงานวิศวกรรมการผลิตมันสูงขึ้นมากจนเศษเหล่านั้นมีน้อยมากจนไม่เกินความสามารถของกรองน้ำมันเครื่องแล้วล่ะครับ

รถที่ผู้ผลิตยังกำหนดให้มีเช็คระยะ 1,000 km แรกก็ทำแค่ตรวจสอบภายนอก ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายอะไรแล้วครับ
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira Mint 850cc AT



U9WS

ยุคนี้มีผลน้อยมากๆ
แต่ผมยังทำอยู่นะเปลี่ยนที่ประมาณ 1-3พันโลแรก แล้วหลักๆคืออยากใช้น้ำมันเครื่องที่ดีกว่าของติดรถมาว่างั้น



CNX

ผ่านยุครถน้ำมันมาถึงยุครถไฟฟ้า ก็ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่
รุ่นยี่ห้อรถไหน ยังระบุแบบนี้อยู่ เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆครับ (แซวเล่นนะครับ)
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน



spn

ไม่จำเป็นต้องทำ เอาเช็คระยะ 1000 km แรกก็พอ
แล้วไปถ่ายน้ำมันเครื่องตอน 10000 km แทนครับ

ออกรถมาใหม่ 2 คันล่าสุดก็ทำแบบนี้ ศูนย์บอกไม่จำเป็นต้องถ่ายตั้งแต่ Run in แล้ว
Revo 2.8 J B-cab 4x4
Kia Jumbo K2700 1JZ GE + LPG
Camry 2.5 HV Premium
E220d w213



Tien.W

คันสุดท้ายที่ทำ คือ CRV ตอนปี 2011

มา city นี่ เข้าตามรอบ 6 เดือนแล้วล่ะ

อย่างท่านอื่นบอก เทคโนโลยีการผลิต ตลอดจนโลหะวิทยา มันดีขึ้นมาก จนไม่จำเป็นละ



KTN88

เดี๋ยวนี้เค้ามีการรันอินมาจากโรงงานแล้ว ไม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำมันเครื่องตอน 1000 km แล้วครับ ตามโปรแกรมศูนย์ก็ไม่มีแล้ว

ยกเว้นเพื่อความสบายใจของเราเอง



CHANOM

ผ่านยุครถน้ำมันมาถึงยุครถไฟฟ้า ก็ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่
รุ่นยี่ห้อรถไหน ยังระบุแบบนี้อยู่ เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆครับ (แซวเล่นนะครับ)

Subaru ค่า  ::)

ออกมาหนึ่งเดือน ต้องกลับเข้าศูนย์ไปเสียเงินอีกแล้ว หมดไปเกือบสามพันบาทเลย
ไม่เข้าก็ไม่ได้ด้วยนะ ประกันขาดอีกค่า  :'(
In My Garage
2021 Mazda CX3 Comfort
2024 Toyota Corolla Cross E-Hev Premium Luxury
2025 Toyota Corolla Cross E-Hev Premium Luxury



pratuang

ออกรถมาวันแรก ขับ 150 เลย เขาไม่มีรันอินกันแล้วครับ เสียเงินเปล่าๆๆๆๆ เอาเข้าตอนหมื่นโลหรือ 6 เดือน อย่างไหนถึงก่อนตามคู่มือเลยครับ



samaklen

การตลาดมีวิธีเล่นกับความระแวงก็บ่อย
เช่น ไม่เปลี่ยนก็เสี่ยงเองนะ
หรือ ความเชื่อเรื่องประสิทธิภาพน้ำมัน
บังเอิญ ผลที่ได้จากเรื่องสารหล่อลื่น มันไม่เป็นแบบทันทีทันใดครับ
แต่ การทดสอบน้ำมันเครื่อง ก็วัดปริมาณโลหะที่หลุดมากับน้ำมันเหมือนกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2022, 14:13:45 โดย samaklen »



Lammerison

คู่มือรถผม(ออกรถเมื่อปี 2013) ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 10,000 กม. เลยครับ ไม่มีรายการที่ต้องเปลี่ยนตอน 1,000 กม.
.



apinui

https://fb.watch/c6ecXKeXpS/

ต้องรันอินไหม ไม่แน่ใจ แต่เค้าบอก City  เครื่องพังเพราะไม่รันอินอะ ..

ป.ล.ลิงค์จากเพจ RACEBOYZ นะครับปลอดภัย ..



DiKiBoyZ

มันเลยยุค เลยสมัย บ้าจี้ เปลี่ยน 1,000 km แรกแล้วครับ

คนเสียเงินคือเจ้าของรถ คนได้เงินคือคนขายน้ำมันเครื่อง

เคยคิดไหมว่า 1,000 km กับ 10,000 km มันมีเศษซากขี้เหล็กที่เขาๆ เหล่านั้นบอกมา ปนออกมากับน้ำมันเครื่องต่างกันไหม ความรู้สึกล้วนๆ



Newhang

ออกรถมาวันแรก ขับ 150 เลย เขาไม่มีรันอินกันแล้วครับ เสียเงินเปล่าๆๆๆๆ เอาเข้าตอนหมื่นโลหรือ 6 เดือน อย่างไหนถึงก่อนตามคู่มือเลยครับ

ในคู่มือยังให้รันอินนะครับ



Highway Star

ส่วนตัวยังรันอิน พันโลแรกไม่ออกรถกระชากๆไม่ใช้รอบสูง แต่น้ำมันเครื่องไม่ได้ถ่ายแล้ว นโยบายถ่ายที่พันโลแรกอันนี้แล้วแต่ยี่ห้อส่วนตัวผมว่าไม่จำเป็น



Nismo

บริษัท รถยนต์ รู้และตระหนักดี ถึง คุณภาพ และ คุณสมบัติที่ดีในการปกป้องการสึกหรอของ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จึงต้องใช้น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ หรือ ธรรมดา เพื่อทำการขัดผิวโลหะในเครื่องยนต์ เครี่องนั้นๆให้เข้าที่ ฟิลลิ่งอาจไม่ถูกใจ แต่ 6 เดือน แล้วค่อยถ่ายออกได้ครับ
รันอินเพื่อขัดเศษโลหะจากโรงงาน 100% มันเป็นการเพิ่ม process time ครับ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2022, 09:14:35 โดย Nismo »
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



seeker

เป็นผม 1,000 โลแรกคงถ่าย นมคสักครั้งครับ
ถ่ายคงดีกว่าไม่ถ่ายน้ำมันเครื่อง ข้อเสียคือเปลืองแค่นั้นเอง



Darkart

สำหรับผม ช่วงรันอิน 1พันกิโลแรก ยังสำคัญขับเรื่อยๆ หวานเย็น ไม่ใช้รอบสูง ไม่คิกดาวน์
เรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 1พันกิโลแรก ไม่จำเป็นแล้ว หรือ ถ่ายน้ำมันเครื่อง 5พันกิโลแรก ก็ได้ครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์



Nismo

เกลา ข้อมูล ให้ครับ เครดิต คุณ ช่างกล-หนุ่ม และ คุณ A-Z
การ รัน-อิน จุดประสงค์หลัก คือ การบดแหวนลูกสูบ กับ กระบอกสูบ
เพื่อความเข้าใจ ขออณุญาติ ทำความเข้าใจจุดประสงค์ของการ run-in
จุดประสงค์หลัก เพื่อจะ "บดแหวน" ให้หน้าสัมผัสของแหวน เข้าที่กับกระบอกสูบ
1) ผมใช้คำว่า "บดแหวน" ให้นึกถึงการ"บดวาล์ว" ที่เราต้องการให้หน้าสัมผัสของวาวเข้าที่ ครับ
เมื่อหน้าสัมผัสเข้าที่แล้ว แหวนจะทำหน้าที่กันแรงดันรั่ว และ ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ... จุดประสงค์ของ run-in แค่นี้เอง

2) อย่าใช้น้ำมันเครื่อง Synthetic เขาห้าม เพราะการ run-in ต้องการ "บดแหวน" คือ ต้องการขัดให้หน้าสัมผัสเข้าที่ น้ำมันเครื่องควรใช้น้ำมันธรรมดา ข้อนี้โรงงานเครื่องยนต์ทุกแห่ง เขาห้าม แต่เจ้าของรถส่วนมากไม่รู้ ครับ

3) ช่วง รัน-อิน ท่านสามารถ ขับรถที่ความเร็วสูง เช่น 140-160 กม./ชม. แต่ไม่ได้ให้แช่ไว้นานจนเกินไป ครับ ผ่อนลงไปที่ ความเร็วอื่น แลัวค่อยไล่คันเร่ง ไปที่ ความเร็วสูงที่ ท่านต้องการ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



Nismo

วิธี รันอิน ที่โรงงานแนะนำ ให้ขับไม่เร็วนักในช่วง x00 กิโลแรก . . . จริงๆแล้วเป็นวิธีที่แค่ไม่ทำให้เจ้าของรถตกใจครับ . . . แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด

ถ้าใครเคยได้ยินมาบ้าง . . . ออกรถป้ายแดงมาถึง อัดเลยครับ . . พอใช้ๆไป จะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องจะแรงและลื่นกว่าคันที่รันอินแบบปกติตามคู่มือ เมื่อเทียบกับคันอื่นๆในรุ่นเดียวกัน . . . . บางคนคิดว่าลื่นเพราะมันหลวม (จะบ้าเหรอ หลวมแล้วมันจะแรงจะลื่นได้ไง) แต่จริงๆแล้วมันแรงเพราะแหวนมันเก็บกำลังอัดได้ดี ไม่รั่วไปที่อ่างครับ แรงที่ได้มาก็สมบูรณ์

วิธีที่ทำให้แหวนเข้าที่ดีที่สุดคือ วอร์มเครื่องให้ได้อุณหภูมิเสร็จ ให้โลหะต่างๆขยายตัวเข้าที่เสร็จ . . . . อัดได้เลยครับ . . . . ครั้งแรกไม่ต้องอัดเต็ม เอาซัก 50-60% แล้วก็ค่อยเพิ่มไป 3-4 เที่ยว จนอัดเต็มที่ไปเลย ในซัก 50-100 กิโลแรก แล้วรีบๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกเลย

!!!! แต่จะมีเจ้าของรถสักกี่คนกล้าทำแบบนั้นหละครับ . . . ออกมากระทืบเลย แล้วเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตั้งแต่ 100 โล . . . ขืน บ. แนะให้ทำแบบนี้คงถูกด่าเละ และค้านความรู้สึก รถอะไรห่วยจัง 100 โลแรกก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว และกี่คนจะกล้ากระทืบรถใหม่ๆป้ายแดง . . . จะมีซักกี่คนที่จะยอมเข้าใจเหตุผลและยอมทำตามโดย บ.ไม่ถูกด่า

บ.รถ เลือกเอาทางปลอดภัย ไม่ถูกด่า ก็แนะให้ทำแบบประเพณีปฏิบัติ คือนุ่มนิ่มไปเรื่อยๆครับ . . . ไม่เจ๋งที่สุด แรงม้าหายไปบ้างนิดหน่อยใครจะรู้ ไม่ถูกด่า ไม่ค้านความรู้สึกใคร

วิธีที่ให้เครื่องใหม่ๆออกมา ประกอบเสร็จ ลองติดเครื่องดูสักพักว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วเริ่มอัดได้เลย เป็นวิธีรันอินที่ดีที่สุด . . . . . มันค้านความรู้สึกใช่ไหมครับ แต่มันมีเหตุผลนะครับ ซึ่งเป็นเหตุผลที่คนไม่ยอมจะเข้าใจง่ายๆ

แหวนที่ออกมา มันไม่ได้กลมเรียบสนิทถ้าส่องด้วยกล้องขยาย . . . จะทำให้แหวนมันกลม เรียบสนิทกับกระบอก มันก็ต้องขัดส่วนเกินนี้ทิ้งให้เร็วที่สุด เข้ารูปให้เร็วที่สุด

ทำไมต้องเร็ว? . . . > แหวนลูกสูบที่มันกันแรงดันรั่วนั้น มันไม่ได้มีแรงถ่างตัวเองออกมาเท่าไรเลยนะครับที่จะถ่างตัวเองไปชิดกับกระบอกเพื่อสู้กับแรงดันมหาศาลในห้องเผาไหม้ . . ลำพังแรงดันถ่างตัวของแหวนหมดสิทธิสู้กับแรงดันครับ อย่างเก่งก็ถ่างได้แค่ไม่ให้น้ำมันเครื่องรั่วเข้ามาที่ห้องเผาไหม้. . . ดังนั้นมันก็เอาแรงดันในห้องเผาไหม้นั้นแหละครับ ที่มันจะลอดร่องแหวนเข้ามาอยู่ที่หลังแหวนเพื่อช่วยดันให้มันถ่างตัวไปยันขอบกระบอกสุบได้แน่น (ลูกสูบรถแข่งที่เนี๊ยบๆเจ๋งๆจะมีการเจาะรูเล็กๆที่หัวลูกสูบมาที่ร่องแหวนเพื่อมาช่วยดันแหวนตัวน้ด้วยเรียกว่า Gas port) . . . . ที่บอกว่าต้องเร็ว เพราะถ้าเครื่องวิ่งช้าๆไม่มีโหลด มันจะเอาแรงที่ไหนมาดันแหวนให้แน่น ให้แหวนได้ลบคมให้กลม . . . วิ่งช้าๆรอบต่ำๆ แรงดันแหวนมันน้อย มันก็ถูๆไปกับกระบอก มันก็ไม่ยอมสึกลบคมตัวเองออกไปซะที

แล้วค่อยๆถูเบาๆ ให้มันค่อยๆสึก ไม่ได้หรือ? . . . . > ทำได้ แต่จะไม่ได้ของดีที่สุดครับ
ของเวลามีติ่งออกมา ติ่งใหญ่ๆจะหักจะหลุดไปง่ายกว่าติ่งเล้กๆ . . .. การที่ค่อยๆถูก ติ่งส่วนเกินที่ไม่กลม มันก็สึกทีละนิด จนติ่งมันเล็ก พอมันเล็กทีนี้มันก็จะอยู่อย่างนั้นแล้ว หลุดออกไปยาก คุณก็จะไม่มีทางได้แหวนแน่นๆเรียบๆแล้ว . . . ระหว่างที่มันค่อยๆถู แทนที่จะถูมันแรงๆให้ติ่งมันหักหลุดกลายเป็นเศษโลหะไปเลย การที่ค่อยถูแทนที่มันจะหักหายไป มันก็จะเป็นต่างฝ่ายต่างกินเนื้อกันเอง แทนที่ติ่งจะหัก ถูเบาๆติ่งนี้มันจะไปกัดกนะบอกสูบทำให้กระบอกเป็นร่องตามติ่งแทน และพอติ่งนี้ค่อยๆสึกหายไป ร่องที่ผนังที่ติ่งนี้เคยฝากไว้ก็จะกลายเป็นจุดรั่วเล็ดรอดของแรงดัน . . . แรงม้าจะหายไปก็ตรงรูรั่วเหล่านี้แหละครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



Nismo

ที่เขาบอกว่า โรงงานรันอินมาให้ส่วนนึงแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ . . . . เพราะประกอบเสร็จ จับขึ้นไดโน . . เขาไม่ได้ขึ้นเพื่อตรวจเข็มไมล์หรอกครับ . . . . เขาขึ้นเพื่อทดสอบดูว่าเครื่องมีอะไรผิดปกติไหม ทำแรงม้าสูงสุดอยู่ในพิกัดที่เขายอมรับไหม (สเปคบอกร้อย แต่เครื่องมันไม่สามารถทำได้ครบร้อยแรงม้าทุกเครื่องเหมือนกันหมดหรอกครับ 98-99 ก็มี ถ้าอยู่ในเขตที่เขายอมรับ ก็ถือว่าผ่าน)

แต่จะเทสต์แรงม้าเขาก็ต้องใช้รอบเต็มที่ . . > การใช้รอบเต็มที่นี่แหละครับ คือการรันอินแบบถูกทางมาจากโรงงานแล้ว ส่วนนึง ใช้เวลาไม่นาน แต่นั่นคือรันอินแบบเข้าทางมาให้แล้วในส่วนใหญ่ๆ . . . . เขาจึงเหลืองานมาให้เจ้าของรถจัดการอีกเล็กๆน้อยๆ

ถ้าเจ้าของเอามาจัดการต่อแบบดุๆ ก็ Perfect . . . แต่ถ้าเอามารันอินต่อแบบแผ่วๆก็ได้แบบ Nearly Perfect . . . ที่มัน Near Perfect เพราะโรงงานกระทืบมาให้แล้ว(ถูกทาง) . . . แต่ถ้าประกอบเครื่องเสร็จ ไม่ขึ้นไดโนกระทืบ . . . เครื่องนี้เกิด แล้วส่งมาให้เจ้าของรถ รันอินแบบแผ่วๆอย่างเดียว แบบนี้ Far from Perfect ครับ

นึกเอาซิครับ . . . ถ้าการรันอินแบบเบาๆคือวิธีที่ถูกต้อง การบ้านที่เราต้องทำต่อแค่ 10-20% ยังซัดไปพันโล . . แล้ว 70-90% ที่เขาทำมาให้ มันต้องใช้เวลาเท่าไร ใครจะมีเวลาทำมาให้ครับ . . . เขาใช้เวลานิดเดียวบนไดโนนั่นแหละครับ รันอินเบื้องต้นมาให้คุณแล้วอย่างดี

ถ้ามองเหตุผลข้างต้นออก รวมถึงวิธีที่โรงงานใช้กับรถเรา ก้จะรู้ว่าการรันอินจริงๆแล้ว มันต้องใส่เลยครับ . . . ถ้าใครกลัวพังก็นึกเอาว่าก่อนที่เราจะมานวดคันเร่งแบบแผ่วๆเพราะกลัวพังนั้น โรงงานเขากระทืบเต็มๆมาก่อนเราแล้ว ซึ่งนั่นคือการรันอินอย่างดีเลย . . . เราไม่ใช่คนแรกที่ค่อยๆนวดคันเร่งรถเรานะครับ ถ้าคิดแบบนี้ได้ จะไปกลัวอะไรอีกหละครับ

ไม่ได้เชียร์ หรือชวนให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะรู้ว่ามันฝืนใจ คนใช้รถส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้สิ่งที่ควรได้มาเต็มที่เท่าไรอยู่แล้ว ขาดไปนิดก็ไม่รู้สึกอะไร . . . แต่ถ้าอยากได้แหวนที่ทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ต้องกล้าๆทำแบบนี้ครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



apinui

^
^
^
มีประโยชน์มาครับ ขอบคุณครับ ..



Newhang

ผมเชื่อตามคู่มือครับ เค้าเขียนสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้เขียนเอาใจเจ้าของรถแน่ๆ ถ้าเขียนเอาใจเจ้าของรถบอกไปเลยว่ารันอินมาแล้วขับตามใจชอบเลยจะได้ใจกว่า

https://www.mazda.co.th/globalassets/owners/my-mazda/owner-manual-mazda2/om_mazda2.pdf
หน้า 3-39

https://www.mazda.co.th/globalassets/owners/servicing/owner-manual/mazda-cx-30/om_mazda_cx30.pdf
หน้า3-49

https://www.honda.co.th/uploads/manuals/Owner%20Manual%20Civic%202021-th.pdf?v=20220323_10:55:41
หน้า385



Nismo

ตามคู่มือ คือ ข้อ3 ครับ  :) :) :)
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



Nismo

คุณ Newhang ตีตวามหมายคลาดเคลื่อนไปนิดนึง ครับ คู่มือโตโยต้า ก็แบบนี้ ครับ แต่รายละเอียดจริงๆ คือ
พิจารณาดู ครับ  :)
เร่งได้สุด max - RPM ครับ
>>>>>>>
สงสัย ไหม ทำไม คู่มือเขาไม่บอกให้เร่งขนาดนี้ ????

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ เรื่อง Load กับ RPM

สองตัวนี้มีความหมาย ไม่เหมือนกัน .... อะอะ  ไม่ได้พูดถึง คำแปล
ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ขอแรงเพื่อนๆ ลองทำแบบสอบถาม
เดินสุ่ม หรือ ถามดะไปเลยว่า

เขาเข้าใจว่าอย่างไร
เร่งรอบสูงสุด max-RPM รถออกแรงเต็มที่ ใช่ไหม ?

หลังจากไล่ถามสัก 10-20 คน
คุณจะพบว่า
 
คนส่วนมากจะเข้าใจผิดว่า
เครื่องยนต์ที่เร่งรอบสูงสุด max RPM  คือ Heavy Duty

แต่ความจริง Max-Load กับ Max-RPM มันต่างกัน

คือ NO Load เมื่อเร่ง Max-RPM  ก็ได้ .... เชื่อไหม ??

จอดเข้า N อยู่เฉยๆ แล้ว เร่งสุดๆซิครับ นี่ไง No-load @ max-RPM


การ RUN-In เขาไม่ทำที่ max-Load AND top-RPM

ถ้าผมในฐานะวิศวกร เขียน Manual โดยเขียนว่า
ให้ run-in ที่ light load และ Max RPM

ลองนึกดูซิครับ
ใครก็ตามที่อ่าน Manual ที่ผมเขียนอย่างนี้
เขาจะเข้าใจ Light Load ไหม ??

คนทั่วไป เขาเข้าใจ min-RPM และ max-RPM ได้ง่ายกว่า

ด้วยเหตุนี้ คู่มือเขาจะกำหนด border line RPM เอาไว้
เพื่อให้ปฏิบัติได้ง่ายกว่า มัวคิดเรื่อง Load หนัก หรือ Load เบา
.... จริงไหม ครับ ??
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!



Nismo

1) ห้ามจอดเข้าเกียร์ว่างแล้วเร่งเครื่อง No-load
2) ห้ามบรรทุกของหนัก max-Load

แล้วความพอดีของมันอยู่ตรงไหนครับ
"คู่มือ vs ตำรา ไม่เหมือนกัน"

เราจะเห็นได้จาก ข้อห้าม 2 ข้อ
......  Manual เขาเขียนสั้นๆ และ ไม่อธิบายเหตุผล ....

ถ้าใครมาบอกว่า

"ให้ทำตามคู่มือ ซิ" 

คุณ..ในฐานะผู้ปฏิบัติ เมื่อคุณไม่เข้าใจ และ ไม่รู้เหตุผล

การปฏิบัติก็จะไม่ได้ผลที่สมบูรณ์

นั่นคือ

"ได้ผลตามสมควร + ถ้าเกิดพัง ก็ยังมีคนรับประกัน ...  (ตามคุณ penn's พูด :-)

ทำไมถึง ได้ผลตามสมควร ก็เพราะ ผู้ปฏิบัติ คือ เจ้าของรถ น้อยคนเหลือเกิน
ที่จะให้ความสนใจอย่างจริงจัง และ ช่างซัก
ถามหา จุด Optimum

"ความพอดี" อยู่ตรงไหน ??

คำตอบ คือ

... ให้เติมคำว่า มากเกินไป ในข้อห้ามทั้ง 2 ข้อ ครับ
ถ้าจะถามวิธี Run-in ให้ได้ผล Optimum สมบูรณ์แบบจริงๆ

คุณจะต้องเริ่มต้น ตั้งแต่เอาขึ้น Dynamo ในโรงงาน
ทำตามขั้นตอนการ Run-In บน Dynamo
แล้วมาจบลงที่ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ

ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ เป็นขั้นตอนสุดท้าย
ประมาณว่าเป็นการ  fine tune ที่จะให้ความสมบูรณ์

เหมือนคนลับมีด เมื่อลับด้วยหินหยาบ หินละเอียด (แนะนำหิน ตราห่าน หรือ ตราเสือ :-) .... แล้วจบลงด้วยหินน้ำมัน สีเขียวๆ

มีดที่คุณบรรจงลับอย่างนี้ จะคมบาง คมละเอียด  และ ... คมนาน

ผิวสัมผัส ระหว่าง แหวน และ กระบอกสูบ ก็เหมือนมีด
จะมีผิวเรียบ ละเอียด และสัมผัสกันได้พอดี .... การระบายความร้อนของแหวน และ การ Seal กันแก็สรั่ว ก็จะได้ผลดีเยี่ยม ... ครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!