ผู้เขียน หัวข้อ: เปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกช่วงRun In ตอนวิ่ง 1000 กิโลเมตรแรก  (อ่าน 3849 ครั้ง)

ออฟไลน์ prakob.p

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
เพื่อน สมช คิดว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกตอนวิ่ง Run In 1000 กิโลเมตรแรก ยังควรทำหรือไม่
เพราะในช่วงรันอิน เศษโลหะต่างๆ จะหลุดจากชิ้นส่วนที่เสียดสีกันมาปะปนกับน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ ในปริมาณที่มากกว่าปกติ

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,174
  • I'm............................
สมัยก่อน เศษโลหะที่หลุดจากกระบวนการผลิตเมื่อมีการเสียดสีมันมีจริงๆ ครับ ถึงต้องเปลี่ยนครั้งแรก 1,000 km

แต่สมัยนี้วิวัฒนาการของงานวิศวกรรมการผลิตมันสูงขึ้นมากจนเศษเหล่านั้นมีน้อยมากจนไม่เกินความสามารถของกรองน้ำมันเครื่องแล้วล่ะครับ

รถที่ผู้ผลิตยังกำหนดให้มีเช็คระยะ 1,000 km แรกก็ทำแค่ตรวจสอบภายนอก ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายอะไรแล้วครับ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ U9WS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,176
  • slower is better
ยุคนี้มีผลน้อยมากๆ
แต่ผมยังทำอยู่นะเปลี่ยนที่ประมาณ 1-3พันโลแรก แล้วหลักๆคืออยากใช้น้ำมันเครื่องที่ดีกว่าของติดรถมาว่างั้น

ออฟไลน์ CNX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,300
    • อีเมล์
ผ่านยุครถน้ำมันมาถึงยุครถไฟฟ้า ก็ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่
รุ่นยี่ห้อรถไหน ยังระบุแบบนี้อยู่ เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆครับ (แซวเล่นนะครับ)
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน

ออฟไลน์ spn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,739
ไม่จำเป็นต้องทำ เอาเช็คระยะ 1000 km แรกก็พอ
แล้วไปถ่ายน้ำมันเครื่องตอน 10000 km แทนครับ

ออกรถมาใหม่ 2 คันล่าสุดก็ทำแบบนี้ ศูนย์บอกไม่จำเป็นต้องถ่ายตั้งแต่ Run in แล้ว
E220d W213
Camry 2.5 HV Premium
BT50 Free Style Cab Hi racer
Revo 2.8J B cab 4x4
March 1.2 CVT
KIA Jumbo 1JZ-GE AT

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,254
    • อีเมล์
คันสุดท้ายที่ทำ คือ CRV ตอนปี 2011

มา city นี่ เข้าตามรอบ 6 เดือนแล้วล่ะ

อย่างท่านอื่นบอก เทคโนโลยีการผลิต ตลอดจนโลหะวิทยา มันดีขึ้นมาก จนไม่จำเป็นละ

ออนไลน์ KTN88

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,215
เดี๋ยวนี้เค้ามีการรันอินมาจากโรงงานแล้ว ไม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำมันเครื่องตอน 1000 km แล้วครับ ตามโปรแกรมศูนย์ก็ไม่มีแล้ว

ยกเว้นเพื่อความสบายใจของเราเอง

ออฟไลน์ CHANOM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,096
ผ่านยุครถน้ำมันมาถึงยุครถไฟฟ้า ก็ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่
รุ่นยี่ห้อรถไหน ยังระบุแบบนี้อยู่ เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆครับ (แซวเล่นนะครับ)

Subaru ค่า  ::)

ออกมาหนึ่งเดือน ต้องกลับเข้าศูนย์ไปเสียเงินอีกแล้ว หมดไปเกือบสามพันบาทเลย
ไม่เข้าก็ไม่ได้ด้วยนะ ประกันขาดอีกค่า  :'(
In My Garage
2007 MB A180 CDI W169
2007 MB C220 CDI W203
2021 Mazda CX3 Comfort
2023 Honda Civic E-Hev RS
2024 Toyota Corolla Cross E-Hev Premium Luxury

ออฟไลน์ pratuang

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 225
    • อีเมล์
ออกรถมาวันแรก ขับ 150 เลย เขาไม่มีรันอินกันแล้วครับ เสียเงินเปล่าๆๆๆๆ เอาเข้าตอนหมื่นโลหรือ 6 เดือน อย่างไหนถึงก่อนตามคู่มือเลยครับ

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,956
การตลาดมีวิธีเล่นกับความระแวงก็บ่อย
เช่น ไม่เปลี่ยนก็เสี่ยงเองนะ
หรือ ความเชื่อเรื่องประสิทธิภาพน้ำมัน
บังเอิญ ผลที่ได้จากเรื่องสารหล่อลื่น มันไม่เป็นแบบทันทีทันใดครับ
แต่ การทดสอบน้ำมันเครื่อง ก็วัดปริมาณโลหะที่หลุดมากับน้ำมันเหมือนกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2022, 14:13:45 โดย samaklen »

ออฟไลน์ Lammerison

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 942
    • อีเมล์
คู่มือรถผม(ออกรถเมื่อปี 2013) ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 10,000 กม. เลยครับ ไม่มีรายการที่ต้องเปลี่ยนตอน 1,000 กม.
.

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,048
    • อีเมล์
https://fb.watch/c6ecXKeXpS/

ต้องรันอินไหม ไม่แน่ใจ แต่เค้าบอก City  เครื่องพังเพราะไม่รันอินอะ ..

ป.ล.ลิงค์จากเพจ RACEBOYZ นะครับปลอดภัย ..

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,294
    • อีเมล์
มันเลยยุค เลยสมัย บ้าจี้ เปลี่ยน 1,000 km แรกแล้วครับ

คนเสียเงินคือเจ้าของรถ คนได้เงินคือคนขายน้ำมันเครื่อง

เคยคิดไหมว่า 1,000 km กับ 10,000 km มันมีเศษซากขี้เหล็กที่เขาๆ เหล่านั้นบอกมา ปนออกมากับน้ำมันเครื่องต่างกันไหม ความรู้สึกล้วนๆ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,333
ออกรถมาวันแรก ขับ 150 เลย เขาไม่มีรันอินกันแล้วครับ เสียเงินเปล่าๆๆๆๆ เอาเข้าตอนหมื่นโลหรือ 6 เดือน อย่างไหนถึงก่อนตามคู่มือเลยครับ

ในคู่มือยังให้รันอินนะครับ

ออฟไลน์ Highway Star

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,930
ส่วนตัวยังรันอิน พันโลแรกไม่ออกรถกระชากๆไม่ใช้รอบสูง แต่น้ำมันเครื่องไม่ได้ถ่ายแล้ว นโยบายถ่ายที่พันโลแรกอันนี้แล้วแต่ยี่ห้อส่วนตัวผมว่าไม่จำเป็น

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
บริษัท รถยนต์ รู้และตระหนักดี ถึง คุณภาพ และ คุณสมบัติที่ดีในการปกป้องการสึกหรอของ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จึงต้องใช้น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ หรือ ธรรมดา เพื่อทำการขัดผิวโลหะในเครื่องยนต์ เครี่องนั้นๆให้เข้าที่ ฟิลลิ่งอาจไม่ถูกใจ แต่ 6 เดือน แล้วค่อยถ่ายออกได้ครับ
รันอินเพื่อขัดเศษโลหะจากโรงงาน 100% มันเป็นการเพิ่ม process time ครับ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 03, 2022, 09:14:35 โดย Nismo »
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,533
เป็นผม 1,000 โลแรกคงถ่าย นมคสักครั้งครับ
ถ่ายคงดีกว่าไม่ถ่ายน้ำมันเครื่อง ข้อเสียคือเปลืองแค่นั้นเอง

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,192
    • อีเมล์
สำหรับผม ช่วงรันอิน 1พันกิโลแรก ยังสำคัญขับเรื่อยๆ หวานเย็น ไม่ใช้รอบสูง ไม่คิกดาวน์
เรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 1พันกิโลแรก ไม่จำเป็นแล้ว หรือ ถ่ายน้ำมันเครื่อง 5พันกิโลแรก ก็ได้ครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
เกลา ข้อมูล ให้ครับ เครดิต คุณ ช่างกล-หนุ่ม และ คุณ A-Z
การ รัน-อิน จุดประสงค์หลัก คือ การบดแหวนลูกสูบ กับ กระบอกสูบ
เพื่อความเข้าใจ ขออณุญาติ ทำความเข้าใจจุดประสงค์ของการ run-in
จุดประสงค์หลัก เพื่อจะ "บดแหวน" ให้หน้าสัมผัสของแหวน เข้าที่กับกระบอกสูบ
1) ผมใช้คำว่า "บดแหวน" ให้นึกถึงการ"บดวาล์ว" ที่เราต้องการให้หน้าสัมผัสของวาวเข้าที่ ครับ
เมื่อหน้าสัมผัสเข้าที่แล้ว แหวนจะทำหน้าที่กันแรงดันรั่ว และ ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ... จุดประสงค์ของ run-in แค่นี้เอง

2) อย่าใช้น้ำมันเครื่อง Synthetic เขาห้าม เพราะการ run-in ต้องการ "บดแหวน" คือ ต้องการขัดให้หน้าสัมผัสเข้าที่ น้ำมันเครื่องควรใช้น้ำมันธรรมดา ข้อนี้โรงงานเครื่องยนต์ทุกแห่ง เขาห้าม แต่เจ้าของรถส่วนมากไม่รู้ ครับ

3) ช่วง รัน-อิน ท่านสามารถ ขับรถที่ความเร็วสูง เช่น 140-160 กม./ชม. แต่ไม่ได้ให้แช่ไว้นานจนเกินไป ครับ ผ่อนลงไปที่ ความเร็วอื่น แลัวค่อยไล่คันเร่ง ไปที่ ความเร็วสูงที่ ท่านต้องการ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
วิธี รันอิน ที่โรงงานแนะนำ ให้ขับไม่เร็วนักในช่วง x00 กิโลแรก . . . จริงๆแล้วเป็นวิธีที่แค่ไม่ทำให้เจ้าของรถตกใจครับ . . . แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด

ถ้าใครเคยได้ยินมาบ้าง . . . ออกรถป้ายแดงมาถึง อัดเลยครับ . . พอใช้ๆไป จะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องจะแรงและลื่นกว่าคันที่รันอินแบบปกติตามคู่มือ เมื่อเทียบกับคันอื่นๆในรุ่นเดียวกัน . . . . บางคนคิดว่าลื่นเพราะมันหลวม (จะบ้าเหรอ หลวมแล้วมันจะแรงจะลื่นได้ไง) แต่จริงๆแล้วมันแรงเพราะแหวนมันเก็บกำลังอัดได้ดี ไม่รั่วไปที่อ่างครับ แรงที่ได้มาก็สมบูรณ์

วิธีที่ทำให้แหวนเข้าที่ดีที่สุดคือ วอร์มเครื่องให้ได้อุณหภูมิเสร็จ ให้โลหะต่างๆขยายตัวเข้าที่เสร็จ . . . . อัดได้เลยครับ . . . . ครั้งแรกไม่ต้องอัดเต็ม เอาซัก 50-60% แล้วก็ค่อยเพิ่มไป 3-4 เที่ยว จนอัดเต็มที่ไปเลย ในซัก 50-100 กิโลแรก แล้วรีบๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกเลย

!!!! แต่จะมีเจ้าของรถสักกี่คนกล้าทำแบบนั้นหละครับ . . . ออกมากระทืบเลย แล้วเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตั้งแต่ 100 โล . . . ขืน บ. แนะให้ทำแบบนี้คงถูกด่าเละ และค้านความรู้สึก รถอะไรห่วยจัง 100 โลแรกก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว และกี่คนจะกล้ากระทืบรถใหม่ๆป้ายแดง . . . จะมีซักกี่คนที่จะยอมเข้าใจเหตุผลและยอมทำตามโดย บ.ไม่ถูกด่า

บ.รถ เลือกเอาทางปลอดภัย ไม่ถูกด่า ก็แนะให้ทำแบบประเพณีปฏิบัติ คือนุ่มนิ่มไปเรื่อยๆครับ . . . ไม่เจ๋งที่สุด แรงม้าหายไปบ้างนิดหน่อยใครจะรู้ ไม่ถูกด่า ไม่ค้านความรู้สึกใคร

วิธีที่ให้เครื่องใหม่ๆออกมา ประกอบเสร็จ ลองติดเครื่องดูสักพักว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วเริ่มอัดได้เลย เป็นวิธีรันอินที่ดีที่สุด . . . . . มันค้านความรู้สึกใช่ไหมครับ แต่มันมีเหตุผลนะครับ ซึ่งเป็นเหตุผลที่คนไม่ยอมจะเข้าใจง่ายๆ

แหวนที่ออกมา มันไม่ได้กลมเรียบสนิทถ้าส่องด้วยกล้องขยาย . . . จะทำให้แหวนมันกลม เรียบสนิทกับกระบอก มันก็ต้องขัดส่วนเกินนี้ทิ้งให้เร็วที่สุด เข้ารูปให้เร็วที่สุด

ทำไมต้องเร็ว? . . . > แหวนลูกสูบที่มันกันแรงดันรั่วนั้น มันไม่ได้มีแรงถ่างตัวเองออกมาเท่าไรเลยนะครับที่จะถ่างตัวเองไปชิดกับกระบอกเพื่อสู้กับแรงดันมหาศาลในห้องเผาไหม้ . . ลำพังแรงดันถ่างตัวของแหวนหมดสิทธิสู้กับแรงดันครับ อย่างเก่งก็ถ่างได้แค่ไม่ให้น้ำมันเครื่องรั่วเข้ามาที่ห้องเผาไหม้. . . ดังนั้นมันก็เอาแรงดันในห้องเผาไหม้นั้นแหละครับ ที่มันจะลอดร่องแหวนเข้ามาอยู่ที่หลังแหวนเพื่อช่วยดันให้มันถ่างตัวไปยันขอบกระบอกสุบได้แน่น (ลูกสูบรถแข่งที่เนี๊ยบๆเจ๋งๆจะมีการเจาะรูเล็กๆที่หัวลูกสูบมาที่ร่องแหวนเพื่อมาช่วยดันแหวนตัวน้ด้วยเรียกว่า Gas port) . . . . ที่บอกว่าต้องเร็ว เพราะถ้าเครื่องวิ่งช้าๆไม่มีโหลด มันจะเอาแรงที่ไหนมาดันแหวนให้แน่น ให้แหวนได้ลบคมให้กลม . . . วิ่งช้าๆรอบต่ำๆ แรงดันแหวนมันน้อย มันก็ถูๆไปกับกระบอก มันก็ไม่ยอมสึกลบคมตัวเองออกไปซะที

แล้วค่อยๆถูเบาๆ ให้มันค่อยๆสึก ไม่ได้หรือ? . . . . > ทำได้ แต่จะไม่ได้ของดีที่สุดครับ
ของเวลามีติ่งออกมา ติ่งใหญ่ๆจะหักจะหลุดไปง่ายกว่าติ่งเล้กๆ . . .. การที่ค่อยๆถูก ติ่งส่วนเกินที่ไม่กลม มันก็สึกทีละนิด จนติ่งมันเล็ก พอมันเล็กทีนี้มันก็จะอยู่อย่างนั้นแล้ว หลุดออกไปยาก คุณก็จะไม่มีทางได้แหวนแน่นๆเรียบๆแล้ว . . . ระหว่างที่มันค่อยๆถู แทนที่จะถูมันแรงๆให้ติ่งมันหักหลุดกลายเป็นเศษโลหะไปเลย การที่ค่อยถูแทนที่มันจะหักหายไป มันก็จะเป็นต่างฝ่ายต่างกินเนื้อกันเอง แทนที่ติ่งจะหัก ถูเบาๆติ่งนี้มันจะไปกัดกนะบอกสูบทำให้กระบอกเป็นร่องตามติ่งแทน และพอติ่งนี้ค่อยๆสึกหายไป ร่องที่ผนังที่ติ่งนี้เคยฝากไว้ก็จะกลายเป็นจุดรั่วเล็ดรอดของแรงดัน . . . แรงม้าจะหายไปก็ตรงรูรั่วเหล่านี้แหละครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
ที่เขาบอกว่า โรงงานรันอินมาให้ส่วนนึงแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ . . . . เพราะประกอบเสร็จ จับขึ้นไดโน . . เขาไม่ได้ขึ้นเพื่อตรวจเข็มไมล์หรอกครับ . . . . เขาขึ้นเพื่อทดสอบดูว่าเครื่องมีอะไรผิดปกติไหม ทำแรงม้าสูงสุดอยู่ในพิกัดที่เขายอมรับไหม (สเปคบอกร้อย แต่เครื่องมันไม่สามารถทำได้ครบร้อยแรงม้าทุกเครื่องเหมือนกันหมดหรอกครับ 98-99 ก็มี ถ้าอยู่ในเขตที่เขายอมรับ ก็ถือว่าผ่าน)

แต่จะเทสต์แรงม้าเขาก็ต้องใช้รอบเต็มที่ . . > การใช้รอบเต็มที่นี่แหละครับ คือการรันอินแบบถูกทางมาจากโรงงานแล้ว ส่วนนึง ใช้เวลาไม่นาน แต่นั่นคือรันอินแบบเข้าทางมาให้แล้วในส่วนใหญ่ๆ . . . . เขาจึงเหลืองานมาให้เจ้าของรถจัดการอีกเล็กๆน้อยๆ

ถ้าเจ้าของเอามาจัดการต่อแบบดุๆ ก็ Perfect . . . แต่ถ้าเอามารันอินต่อแบบแผ่วๆก็ได้แบบ Nearly Perfect . . . ที่มัน Near Perfect เพราะโรงงานกระทืบมาให้แล้ว(ถูกทาง) . . . แต่ถ้าประกอบเครื่องเสร็จ ไม่ขึ้นไดโนกระทืบ . . . เครื่องนี้เกิด แล้วส่งมาให้เจ้าของรถ รันอินแบบแผ่วๆอย่างเดียว แบบนี้ Far from Perfect ครับ

นึกเอาซิครับ . . . ถ้าการรันอินแบบเบาๆคือวิธีที่ถูกต้อง การบ้านที่เราต้องทำต่อแค่ 10-20% ยังซัดไปพันโล . . แล้ว 70-90% ที่เขาทำมาให้ มันต้องใช้เวลาเท่าไร ใครจะมีเวลาทำมาให้ครับ . . . เขาใช้เวลานิดเดียวบนไดโนนั่นแหละครับ รันอินเบื้องต้นมาให้คุณแล้วอย่างดี

ถ้ามองเหตุผลข้างต้นออก รวมถึงวิธีที่โรงงานใช้กับรถเรา ก้จะรู้ว่าการรันอินจริงๆแล้ว มันต้องใส่เลยครับ . . . ถ้าใครกลัวพังก็นึกเอาว่าก่อนที่เราจะมานวดคันเร่งแบบแผ่วๆเพราะกลัวพังนั้น โรงงานเขากระทืบเต็มๆมาก่อนเราแล้ว ซึ่งนั่นคือการรันอินอย่างดีเลย . . . เราไม่ใช่คนแรกที่ค่อยๆนวดคันเร่งรถเรานะครับ ถ้าคิดแบบนี้ได้ จะไปกลัวอะไรอีกหละครับ

ไม่ได้เชียร์ หรือชวนให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะรู้ว่ามันฝืนใจ คนใช้รถส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้สิ่งที่ควรได้มาเต็มที่เท่าไรอยู่แล้ว ขาดไปนิดก็ไม่รู้สึกอะไร . . . แต่ถ้าอยากได้แหวนที่ทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ต้องกล้าๆทำแบบนี้ครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,048
    • อีเมล์
^
^
^
มีประโยชน์มาครับ ขอบคุณครับ ..

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,333
ผมเชื่อตามคู่มือครับ เค้าเขียนสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้เขียนเอาใจเจ้าของรถแน่ๆ ถ้าเขียนเอาใจเจ้าของรถบอกไปเลยว่ารันอินมาแล้วขับตามใจชอบเลยจะได้ใจกว่า

https://www.mazda.co.th/globalassets/owners/my-mazda/owner-manual-mazda2/om_mazda2.pdf
หน้า 3-39

https://www.mazda.co.th/globalassets/owners/servicing/owner-manual/mazda-cx-30/om_mazda_cx30.pdf
หน้า3-49

https://www.honda.co.th/uploads/manuals/Owner%20Manual%20Civic%202021-th.pdf?v=20220323_10:55:41
หน้า385

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
ตามคู่มือ คือ ข้อ3 ครับ  :) :) :)
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
คุณ Newhang ตีตวามหมายคลาดเคลื่อนไปนิดนึง ครับ คู่มือโตโยต้า ก็แบบนี้ ครับ แต่รายละเอียดจริงๆ คือ
พิจารณาดู ครับ  :)
เร่งได้สุด max - RPM ครับ
>>>>>>>
สงสัย ไหม ทำไม คู่มือเขาไม่บอกให้เร่งขนาดนี้ ????

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ เรื่อง Load กับ RPM

สองตัวนี้มีความหมาย ไม่เหมือนกัน .... อะอะ  ไม่ได้พูดถึง คำแปล
ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ขอแรงเพื่อนๆ ลองทำแบบสอบถาม
เดินสุ่ม หรือ ถามดะไปเลยว่า

เขาเข้าใจว่าอย่างไร
เร่งรอบสูงสุด max-RPM รถออกแรงเต็มที่ ใช่ไหม ?

หลังจากไล่ถามสัก 10-20 คน
คุณจะพบว่า
 
คนส่วนมากจะเข้าใจผิดว่า
เครื่องยนต์ที่เร่งรอบสูงสุด max RPM  คือ Heavy Duty

แต่ความจริง Max-Load กับ Max-RPM มันต่างกัน

คือ NO Load เมื่อเร่ง Max-RPM  ก็ได้ .... เชื่อไหม ??

จอดเข้า N อยู่เฉยๆ แล้ว เร่งสุดๆซิครับ นี่ไง No-load @ max-RPM


การ RUN-In เขาไม่ทำที่ max-Load AND top-RPM

ถ้าผมในฐานะวิศวกร เขียน Manual โดยเขียนว่า
ให้ run-in ที่ light load และ Max RPM

ลองนึกดูซิครับ
ใครก็ตามที่อ่าน Manual ที่ผมเขียนอย่างนี้
เขาจะเข้าใจ Light Load ไหม ??

คนทั่วไป เขาเข้าใจ min-RPM และ max-RPM ได้ง่ายกว่า

ด้วยเหตุนี้ คู่มือเขาจะกำหนด border line RPM เอาไว้
เพื่อให้ปฏิบัติได้ง่ายกว่า มัวคิดเรื่อง Load หนัก หรือ Load เบา
.... จริงไหม ครับ ??
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
    • อีเมล์
1) ห้ามจอดเข้าเกียร์ว่างแล้วเร่งเครื่อง No-load
2) ห้ามบรรทุกของหนัก max-Load

แล้วความพอดีของมันอยู่ตรงไหนครับ
"คู่มือ vs ตำรา ไม่เหมือนกัน"

เราจะเห็นได้จาก ข้อห้าม 2 ข้อ
......  Manual เขาเขียนสั้นๆ และ ไม่อธิบายเหตุผล ....

ถ้าใครมาบอกว่า

"ให้ทำตามคู่มือ ซิ" 

คุณ..ในฐานะผู้ปฏิบัติ เมื่อคุณไม่เข้าใจ และ ไม่รู้เหตุผล

การปฏิบัติก็จะไม่ได้ผลที่สมบูรณ์

นั่นคือ

"ได้ผลตามสมควร + ถ้าเกิดพัง ก็ยังมีคนรับประกัน ...  (ตามคุณ penn's พูด :-)

ทำไมถึง ได้ผลตามสมควร ก็เพราะ ผู้ปฏิบัติ คือ เจ้าของรถ น้อยคนเหลือเกิน
ที่จะให้ความสนใจอย่างจริงจัง และ ช่างซัก
ถามหา จุด Optimum

"ความพอดี" อยู่ตรงไหน ??

คำตอบ คือ

... ให้เติมคำว่า มากเกินไป ในข้อห้ามทั้ง 2 ข้อ ครับ
ถ้าจะถามวิธี Run-in ให้ได้ผล Optimum สมบูรณ์แบบจริงๆ

คุณจะต้องเริ่มต้น ตั้งแต่เอาขึ้น Dynamo ในโรงงาน
ทำตามขั้นตอนการ Run-In บน Dynamo
แล้วมาจบลงที่ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ

ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ เป็นขั้นตอนสุดท้าย
ประมาณว่าเป็นการ  fine tune ที่จะให้ความสมบูรณ์

เหมือนคนลับมีด เมื่อลับด้วยหินหยาบ หินละเอียด (แนะนำหิน ตราห่าน หรือ ตราเสือ :-) .... แล้วจบลงด้วยหินน้ำมัน สีเขียวๆ

มีดที่คุณบรรจงลับอย่างนี้ จะคมบาง คมละเอียด  และ ... คมนาน

ผิวสัมผัส ระหว่าง แหวน และ กระบอกสูบ ก็เหมือนมีด
จะมีผิวเรียบ ละเอียด และสัมผัสกันได้พอดี .... การระบายความร้อนของแหวน และ การ Seal กันแก็สรั่ว ก็จะได้ผลดีเยี่ยม ... ครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!