« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2022, 15:26:38 »
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
เกี่ยวตรงๆเลยครับ ที่มันประหยัดได้ เพราะช่วงจอดๆหยุดๆในเมือง เครื่องไม่ต้องไปอัดรอบให้รถออกตัว เอาไฟฟ้าที่เก็บในแบตมาใช้ หรือต่อให้ไฟหมด ก็ปั่นไฟเข้าแบต ไม่ต้องอัดรอบสูงให้เปลืองน้ำมัน
คืองี้ครับ HEV ทั้ง Toyota , Honda เวลาที่รถหยุด หรือแค่เอาเท้าออกจากคันเร่ง
เครื่องสันดาปก็ดับสนิทแล้ว และตอนออกตัวจากหยุดนิ่ง ยังไงมันก็ไปด้วยไฟฟ้าทั้งหมด
ตรงนี้ผมเข้าใจครับ และมันเป็นจุดที่ HEV สร้างความประหยัดเลย
ซึ่งการทำงานดังกล่าว มันเป็นโหมดปกติของ HEV อยู่แล้วครับ
แต่ EV โหมดที่ผมเอ่ยถึง มันหมายถึงการกดปุ่มบังคับให้รถมาอยู่ในโหมดที่ใช้ไฟฟ้าวิ่ง
เพียงอย่างเดียว เรียกว่า force มันเลยครับ และ force ไม่ให้เครื่องสันดาปติดขึ้นมาด้วย
ซึ่งถ้าไฟในแบตไม่มากพอ ระบบก็ไม่ยอมให้เรา force EV mode ได้ครับ
จากที่ผมขับอยู่ ถ้าวิ่งมายาวๆ เครื่องสันดาปออกแรงวิ่งด้วย มีพลังงานจลน์เหลือก็ปั่นไฟ
ใส่แบตด้วย เรียกว่าวิ่งยาวบนไฮเวย์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านเลย แบบบ้านติดถนนใหญ่อ่ะครับ
แบบนี้ตอนจบทริป อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเป็นค่านึง และมีไฟเกือบเต็มแบต
กับอีกแบบคือวิ่งยาวๆ บนไฮเวย์ ชาร์จไฟมาแบตเต็มด้วย แต่เลี้ยวเข้าซอยแบบบ้านอยู่ในซอย
ลึกอ่ะครับ พอเข้าซอยมาแล้ววิ่งคลานๆ ย่องๆ รถมันวิ่ง EV โหมด คือเอาไฟในแบตมาวิ่ง
พอถึงบ้าน สรุปทริปมา อัตราสิ้นเปลืองสวยเลย เพราะ กม. หลังๆ นี่ไม่ได้ใช้น้ำมันเลย
แต่แบตเหลือน้อยมากนะครับ เผลอๆ พอเข้าบ้าน จอดรถแล้ว เครื่องติดขึ้นมาเพื่อเติมไฟอีกต่างหาก
ผมถึงว่า การวิ่ง EV โหมด, ระยะทางที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ใช้น้ำมัน แต่แบตหมด กับเครื่องต้องติด
ตัวเปล่าตอนจอดเพื่อเติมไฟ รวมๆ แล้ว มันพอกัน จึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง
ระหว่าง HEV จีน กับ ญี่ปุ่น เว้นแต่ว่า HEV จีน มันออกตัวด้วยสันดาปอ่ะครับ