ถ้าญี่ปุ่นอยากจะปรับตัวตอนนี้ คือ ขายรุ่นให้มากเท่าที่จะขายได้ เน้นกำไรให้น้อยลง ขายจำนวนมากขึ้น
สูตร
ขายมาก กำไรน้อย = กำไรมาก
ขายน้อย กำไรเยอะ = กำไรน้อย
ที่จีนกำลังใช้อยู่ตอนมันกำลังปลุกตลาดจีนให้แข็งแกร่งขึ้น และว้าวมาก
ถ้ายังกลัวว่าจะขายทับกันเอง นู่นมาก็กลัวนี่จะขายไม่ออก เอานี่มาก็กลัวจะขายไม่ได้ นู่นี่นั่น สารพัดจะกลัว อีกหน่อยจะไม่มีโอกาสได้ขายนะครับ
เจอ neta ตัวปัจจุบันที่ทรงไม่สวย แต่วิ่งกันเกลื่อนเมืองเลย
Nissan เคยทำมาแล้วครับ ยุคบ้าพลังมีตั้งกี่รุ่น
มาช อัลเมร่า โน๊ต ซิลฟี่ พัลซ่า จู๊ค ลิวิน่า เทียน่า นาวาร่า เออแวน เอ็กเทรล เครื่องอีกเพียบ 1.3 1.6 1.8 1.6โบ 2.0 2.5 ไฮบริด.... คนไทยซื้อไหม?
อดีตมันมีตัวอย่างครับ โซเชียลจะเอาๆ พอเอามาก็ไม่ซื้อ ซิลฟี่โบนี่ตัวอย่างที่แท้จริงเลย อยากได้เครื่องแรง แล้วไง...ขายได้หลักสิบ สต็อกจม หลังยุคนั้นดับไปนาน มาเริ่มฟื้นเพราะตัดรุ่นทิ้ง เน้นรุ่นขายแล้วทำราคาได้เนี่ยละ
แม้แต่โตต้าเองก็เคยเจ็บกับ ออสโบ มาแล้วนิครับ
แล้วอย่างมองว่ารถจีน"กำไรน้อย"นะครับ กำไรไม่ได้หย่อนกว่ารถญี่ปุ่นเลย ยิ่งรถญี่ปุ่นตอนนี้จัดส่วนลดบ้าพลังกันเนี่ย เผลอๆ รถจีนจะกินกำไรมากกว่าด้วย ส่วนลดภาษีรถไฟฟ้าตั้งเท่าไหร่ ราคารถจีนที่มันถูกเพราะอะไร ... มือจับประตูหลุด ครอบพลาสติกแบตหนูแทะได้อาจจะพอเป็นคำตอบครับ
....................................
ยิ่งอ่าน คห.ก็รู้สึกว่า ตลาดที่อยากได้ RAV4 "แคบมาก" คือแค่ต้องการ SUV toyota ใหญ่กว่า cross ขับ 4 และไม่เป็น PPV
SUV ขับ 4 ขนาด mazda ยังถอดออกหมดเลยครับ เพราะมันขายแทบไม่ได้ ขับ2 ครองตลาดกว่า 80%
Subaru ยังขายได้น้อยเลยครับ CRV ขับ4 ก็ขายได้ไม่เยอะ และคนใช้ toyota ที่มองว่าต้องการรถทน ดูแลง่าย ....เอาขับ4แล้วมาเพิ่มการดูแลและค่าใช้จ่ายก็ส่วนน้อยครับ
ถ้าจะบอกว่า ขายขับ 2ด้วย ก็จะไปทับ Zenix อยู่ดี สุดท้าย RAV4 อาจจะได้อย่างมาก 4-500คันต่อเดือนแถมไปเบียดให้ Zenix ขายไม่ออกอีก มองทางไหนก็ไม่มีดีเลย