ผู้เขียน หัวข้อ: คุณว่าเราต้องรออีกกี่ปี เราถึงจะเห็นรถจีนที่มีคุณภาพพอขับได้  (อ่าน 5778 ครั้ง)

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
สืบเนื่องจาก ผมเห็นในหลายๆ กระทู้ พี่ Jimmy มักจะเกิดอาการ "ยี้" กับรถจีนอยู่เสมอ เนื่องด้วยคุณภาพ และวัสดุที่สุดแสนจะบรรยาย แต่....

อย่าลืมว่า ทั้งรถญี่ปุ่นเมื่อ 60 ปีก่อน และรถเกาหลีเมื่อ 30 ปีก่อน มันก็ไม่ต่างอะไรกับรถจีนตอนนี้เลย ดังนั้นคุณคิดว่า เมื่อไรรถจีนจะมีคุณภาพพอที่จะวางใจได้ครับ (แค่พอไว้ใจได้นะ ไม่ต้องทนถึกเหมือน Toyota KE70 หรือนั่งนุ่มเท่า Citroen C6 เอาแค่คุณขับมันได้โดยไม่ต้องคอยสวดพ่อแก้วแม่แก้วก็พอ)
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
ตอนนี้รถกระบะ Wuling ก็มีคนใช้พอสมควรนะครับเอาไว้ขนของ มันก็พอขับได้นะ เอิ๊กๆ   

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ผมเชื่อว่า ถ้าจีนตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ถ้าเขาตั้งใจที่จะทำจริงๆ ไม่ต้องรอเป็นทศวรรษหรอกครับ ถ้าบอกว่า "พอขับได้" น่ะ ตอนนี้เขาก็ทำได้แล้ว
ที่ลาว รถจีนวิ่งกันเพียบ และไม่ใช่วิ่งธรรมดาๆ เขาวิ่งบนทางสาย 13 ที่สภาพสุดจะบรรยาย
ฉะนั้นถ้าแค่พอขับได้ ผมว่าเขาทำได้ และน่าจะทำมาได้สักพักแล้ว

ต้องไม่ลืมเช่นกันว่ารถจีนที่เข้ามาในไทยมีกี่รุ่นกันเชียว มีอีกตั้งหลายรุ่นที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
ที่เรายังไม่เคยลองหรือเห็นของจริงกันเลยด้วยซ้ำ บางคันในนั้นน่าจะมีสิ่งที่ดีกว่ารถจีน
ที่เราเจออยู่ในไทยทุกวันนี้

แต่ถ้าเปลี่ยนจากคำว่าพอขับได้ เป็นรถที่ขับสนุก..สนุกในระดับ Golf GTi อันนี้ก็คงอีกนาน
อาจจะเกินทศวรรษเพราะศาสตร์ของการทำรถที่คนขับแล้วบอกว่า เจ๋งว่ะ สนุกว่ะ มันไม่ใช่แค่คำว่า
ทนกับสบาย
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
อย่ามาพูดว่า รถญี่ปุ่น เมื่อ 30 ปีก่อน มันก็เหมือนรถจีนสมัยนี้!

มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะ 30 ปีที่แล้ว คือ ปี 1980
รถญี่ปุ่น เริ่มทำการบ้าน เรื่องงานออกแบบ ให้แตกต่าง
และมีเอกลักษณ์ของตัวเองมากขึ้นแล้ว แถมยังทนทานกว่ากันเยอะ
เมื่อเทียบกับรถจีนในยุคนี้

30 ปีที่แล้ว คือยุคของ Corolla KE-70
เอาละ ลองนับดูบนถนนแล้วกันว่า ทุกวันนี้
คุณเห็นปริมาณของ Corlla KE-70 บนถนนเมืองไทย เหลืออยู่กี่คัน ต่อวัน

อย่างน้อย ใน1 สัปดาห์ คุณน่าจะได้เห็น KE-70 ยังเหลือบนถนน ใช้งานกันอยู่
ราวๆ 3 คัน นั่นถือว่าเยอะมากๆ สำหรับรถในยุคนั้น ที่ยังวิ่งได้อยู่จนถึงทุกวันนี้

สิ่งหนึ่งที่ รถจีน จะแตกต่างกัน และไม่มีวันให้คุณได้เลย ณ วันนี้ เมื่อเทียบกับ KE-70 ณ วันนั้น
คือ "ความทนทาน ชนิดทนถึก"

บอกได้เลยว่า
ถ้าตราบใดที่ จีน ยังคงไม่ให้ความสำคัญ กับการ QC รถ ก่อนออกสู่ตลาด มากเกินกว่าแค่ ดูว่า ก้านปัดน้ำฝนทำงานได้ ก็เช็คผ่าน
โดยไม่สนใจส่วนอื่นๆของรถเลย

ถ้าตราบใดที่ จีน ยังคงมีบริษัท เล็กๆ ที่เอารถยี่ห้ออื่น มา copy ขาย เปลี่ยนรายละเอียดกันหน้าด้านๆ
แล้วศาลของทางการจีน ตัดสินให้ฝ่ายจีนชนะ ง่ายๆ

ถ้าตราบใดที่ จีน ยังไม่สามารถ ฝึกอบรมบุคคลากรให้มีความสามารถ
ด้านฝีมือแรงงาน สาขาที่เกี่ยวข้อง มากกว่าที่เป็นอยู่

และถ้าตราบใดที่จีน ยังไม่สามารถ ส่งเสริม มารยาท จริยธรรม และคุณธรรม
มากนัก ปล่อยให้การละเมิดโน่น นี่ นั่น ดำเนินต่อไปแล้วก็

 แบบนี้ ก็คงจะยาก จะเกิดในตลาดโลก

ออฟไลน์ Paully

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
    • อีเมล์
คุณ Jimmy ครับ จขกท.เค้าถามถึงรถญี่ปุ่นเมื่อ 60 ปีก่อน และรถเกาหลีเมื่อ 30 ปีก่อน

ไม่ใช่รถญี่ปุ่นเมื่อ 30 ปีก่อนนะครับ  ;)

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
พี่ Jimmy ผมหมายถึงรถญี่ปุ่นเมื่อ 60-70 ปีที่แล้ว ยุคของพวก Toyopet SA หรือพวก Datsun DC-3 อะไรพวกนั้นครับ

ท่านผู้การ คำว่าพอขับได้ของผมเนี่ย คือขับได้ยาว และไว้ใจได้ระดับหนึ่ง ผมคิดว่ารถจีนเนี่ย ยังไงก็ยังไม่น่าใว้ใจ เท่ากับ Hyundai Excel เมื่อ 20 ปีก่อนครับ

JDM เท่านั้น จะครองโลก!

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
พี่ Jimmy ผมหมายถึงรถญี่ปุ่นเมื่อ 60-70 ปีที่แล้ว ยุคของพวก Toyopet SA หรือพวก Datsun DC-3 อะไรพวกนั้นครับ

ท่านผู้การ คำว่าพอขับได้ของผมเนี่ย คือขับได้ยาว และไว้ใจได้ระดับหนึ่ง ผมคิดว่ารถจีนเนี่ย ยังไงก็ยังไม่น่าใว้ใจ เท่ากับ Hyundai Excel เมื่อ 20 ปีก่อนครับ



แนวคิดของผู้ผลิตรถยนต์จากจีนตอนนี้น่าจะเป็น ผลิตได้ได้ถูกๆและพอวิ่งได้ด้วยการ copy and development ขณะที่รถญี่ปุ่นสมัยโบราณต้องการผลิตรถให้ถูก แต่ใช้ดีทนทาน จึงมาเป็นรถญี่ปุ่นที่ใช้ดีใช้ทน ถึงแม้ว่าสมรรถนะอาจสู้ญี่ปุ่่นไม่ได้ แต่ก็เป็นรถที่คุ้มค่าในระยะยาวครับ

ออฟไลน์ Bluedoft

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,051
    • อีเมล์
พี่จิมอ่านให้ดีก่อน 555+  ;D

ผมว่าซัก 10 ปีก็ทันแล้วครับเพราะจีนเค้ามีบุคลากรที่มีศักยภาพมากครับ

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
พี่จิมอ่านให้ดีก่อน 555+  ;D

ผมว่าซัก 10 ปีก็ทันแล้วครับเพราะจีนเค้ามีบุคลากรที่มีศักยภาพมากครับ

มีศักยภาพ ผมยอมรับครับ แต่ไม่มีคุณภาพ (ภาษาชาวบ้าน = ถ่...ย) ขนาดนมเด็ก มันยังใส่ Melamine เลย เล่นเอาเด็กเป็นนิ่วไปเท่าไร ขายของแบบไม่มองระยะยาว

ยอมรับว่านิสัยของคนจีน เท่าที่สัมผัส (ผิวเผิน) สู้คนญี่ปุ่นไม่ได้จริงๆ ครับ จะว่าไงดีละ...... ผมว่าคนจีนนิสัยค่อนข้างเถื่อนนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2011, 10:13:57 โดย yimyont »
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ขออภัย

ตอบตอนดึก ง่วงๆ ก็อาจมีเฟอะฟะ หลุดได้ แหะๆ

ยิ่ง ย้อนไปยุค 60 ปีที่แล้ว ยิ่งสนุกเลยครับ

รถญี่ปุ่นนั้น ในยุคสมัยก่อน เขาใช้วิธี สั่งชิ้นส่วนเข้ามาประกอบ เป็น CKD กัน
จากนั้น ก็ซื้อสิทธิ์ในการประกอบรถรุ่นนั้นๆมาขายในแบรนด์ตัวเอง เช่นที่ Isuzu ซื้อ Hilman Minx มาทำขาย
รุ่นต่อมา อย่าง Isuzu Bellette ก็เป็น ดีไซน์ของตัวเอง

Subaru 360 แม้ว่า จะมีรถเต่าทอง เป็นต้นแบบ แต่เขาก็ทำออกมาในแนวทางของตัวเอง
และพยายามลดต้นทุน กับน้หนักอย่างถึงที่สุด

Suzuki เอง ก็เริ่ม หัดทำรถยนต์เอง ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำไป

นี่เรายังไม่ต้องพูดถึง Toyota ที่เริ่มหัดทำรถเอง ตั้งแต่รุ่น AA ยัน SA
แม้ว่าจะได้แรงบันดาลใจจากรถอเมริกันในยุคนั้นก็ตาม

ขณะที่ Nissan ก็ซื้อ Austin เข้าไปประกอบขายในญี่ปุ่น
ซึ่งมันต่างจากวิธีการ Copy & Development ที่จีนทำอยู่พอสมควร
เพราะจีนนั้น มาถึง ก็จับแพะมาชนกับแกะ กันง่ายๆเลยทีเดียว

ผู้ผลิตของจีน ที่ผมว่า พอยอมรับได้ตอนนี้ มีแค่ Brilliance และ Chery แต่ก็ยังถือว่าไม่ดีนักทั้งคู่ เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาควรจะต้องทำต่อไป

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
ผมว่า ถ้าจีนเปลี่ยนแปลงความคิดว่าจะขายในตลาดโลกตั้งแต่ตอนนี้ ผมว่าคงไม่เกิน 10 ปีนี้ ก็คงมีรถจีนที่พอขับได้ เหมือนๆ กับ โปรตอน ปัจจุบันนี้อ่ะ ผมว่าที่จีนยังไม่ค่อยอยากขยับไปขายในโลก ก็เพราะว่าแค่ทำขายในประเทศ ก็รวยแล้ว เลยไม่รุ้ว่จะทำไปทำไมหรือเปล่า

เพราะผมไม่เชื่อว่าจีนจะไม่มีเทคโนโลยีนะ เอาง่าย ๆ อยากทำรถขาย ซื้อไปคันนึง แกะออกเป็นชิ้นๆ เอาไปศึกษาว่าทำไมต้องขนาดเท่านั้น เท่านั้น ผมว่าไม่กี่ปี ก็ทำได้แล้ว อยุ่ที่ว่ายังไม่ทำมากกว่านะ อยู่ที่วิสัยทัศน์ของเจ้าของด้วยแหล่ะครับ

อีกประเด็นนึงเลยกลับมามอง ถ้ามีรถคนไทย จะประสบชะตากรรมเดียวกัน TR ในปัจจุบันหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เค้าทำมาหลายสิบปีแล้วเหมือนกัน

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ผมว่า ถ้าจีนเปลี่ยนแปลงความคิดว่าจะขายในตลาดโลกตั้งแต่ตอนนี้ ผมว่าคงไม่เกิน 10 ปีนี้ ก็คงมีรถจีนที่พอขับได้ เหมือนๆ กับ โปรตอน ปัจจุบันนี้อ่ะ ผมว่าที่จีนยังไม่ค่อยอยากขยับไปขายในโลก ก็เพราะว่าแค่ทำขายในประเทศ ก็รวยแล้ว เลยไม่รุ้ว่จะทำไปทำไมหรือเปล่า

เพราะผมไม่เชื่อว่าจีนจะไม่มีเทคโนโลยีนะ เอาง่าย ๆ อยากทำรถขาย ซื้อไปคันนึง แกะออกเป็นชิ้นๆ เอาไปศึกษาว่าทำไมต้องขนาดเท่านั้น เท่านั้น ผมว่าไม่กี่ปี ก็ทำได้แล้ว อยุ่ที่ว่ายังไม่ทำมากกว่านะ อยู่ที่วิสัยทัศน์ของเจ้าของด้วยแหล่ะครับ

อีกประเด็นนึงเลยกลับมามอง ถ้ามีรถคนไทย จะประสบชะตากรรมเดียวกัน TR ในปัจจุบันหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เค้าทำมาหลายสิบปีแล้วเหมือนกัน

TR พูดถึง เคยติดต่อมา แล้วก็หายเงียบไปแหะ เขาว่าจะลงโฆษณากับเรา เหมือนกัน พอส่งใบราคาให้ หายไปเลย แหะๆ

ทีนี้ TR เป็นกรณีที่ต่างออกไปหนะครับ เขาเริ่มค่อยๆทำมาเรื่อยๆ แต่ว่า เขายังไม่พร้อมที่จะทำรถทั้งคันเองได้
เขามีความรู้ ในการประกอบตัวรถ แต่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการทำเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบส่งกำลัง ฯลฯ