[Best_Vorakit]

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ไม่ต้องแปลกใจ สับสน งงอะไรกันมากกับหัวข้อนี้ครับ เรามาเริ่มศึกษาคันนี้กันดีกว่า เนาะ

[Best_Vorakit]

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2553 เป็นวันที่ผมไม่ทันได้คาดคิดมาก่อน ตอนแรกนึกว่าคุณอายังไม่จอง ที่ไหนได้ บ่ายวันนั้น คุณอากับคุณป้าได้บึ่งไปยัง Dealer รับรถคันนี้ พร้อมศึกษาอุปกรณ์ต่างๆ กับเซลล์ขายรถ แล้วนำมาจอดในโรงจอดรถอย่างเรียบร้อย สวยงาม

[Best_Vorakit]

พอเปิดโรงรถมา “อึ้ม ก็สวยดีนะ เออ… แต่ง M Sport Package นี่ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย” มันเป็นความคิดของผมเอง ผู้ซึ่งรักและศรัทธาการออกแบบของ  Christ Bangle มาก จากผลงานของ E60 ทำให้ตอน F10 ออกมาใหม่ๆ ก็แอบเห่อด้วยความที่มันเป็น BMW ด้วยความไฮเทคของมัน แต่ด้วยความคิดถึงงานออกแบบอันล้ำ หลุดโลกของ Christ Bangle เลยทำให้ผมต้องทำใจกับดีไซน์สไตล์ไส้กรอก 3 ขนาดกันอีกครั้ง และผมก็ไม่ได้ศึกษา F10 อย่างเอาเป็นเอาตายมากนัก จนกระทั่งวันนั้น…

[Best_Vorakit]

ครบปีแล้ว กว่าจะยอมรับมันได้ ต้องมีชุดแต่ง M มาล่อ มันทำให้ความเรียบ เดิมๆ มันดูน่าติดตามมากยิ่งขั้น

ด้านหน้าดูบึกบึน สปอร์ต คมเข้ม ช่องดักลมขนาดใหญ่ขึ้นครับ ไฟหน้าคล้ายๆ กับรุ่นพี่ 7-Series แต่หางตาตกมาหน่อยนึีง บางมุมถ้ามองจากด้านหน้ากระจังออกไปทางด้านข้าง จะมีส่วนโค้งที่เหมือนกับรุ่น E60 แต่ออกแบบได้สุขุมมากขึ้น ไฟเลี้ยว LED 10 หลอดต่อข้าง เปิดทีก็สว่าง เด่นชัด ติดไวดับไวตามสไตล์ LED ครับ

[Best_Vorakit]

ด้านข้างจากเดิมที่มีแค่เส้นที่คาดผ่านประตู คราวนี้ มีเสกิร์ตมาเสริมหล่อ ทรงบิดๆ คล้ายกับเส้นสายของ BMW Z4  ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น และการออกแบบให้ด้านหลังบานออกแบบนี้ ต้องยึดหลังของ Aerodynamic แน่นอนเลยล่ะครับ

[Best_Vorakit]

กระจกมองข้างแบบตัดแสงอัตโนมัติในยามที่มีรถเปิดไฟสว่างจ้าตอนกลางคืน เลนส์จะกรองแสงเป็นโทนสีเขียว เพื่อความสบายตาในการมอง และลดความจ้าของแสงไฟลงครับ

[Best_Vorakit]

คันนี้ก็จะมีระบบ  Blind Spot มาให้ด้วยเป็นออพชั่นเสริม มันจะมีเซ็นเซอร์อยู่ตรงกระจกมองข้าง และ Radar sensor ทั้งสองมุมของกันชนหลัง ซึ่งจะคอยส่งคลื่นเพื่อจับดูรถที่วิ่งมาในรัศมี ที่จะอยู่ในมุมบอดของเรา


(ภาพจาก User's manual BMWUSA.com)

[Best_Vorakit]

ล้อขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมยาง  Goodyear Eagle LS 2 ขนาด 245/45R19 ใหญ่สะใจกันเลยทีเดียว

[Best_Vorakit]

ด้านหลัง ได้กันชนชุดใหม่ สวยงามมากขึ้น ซึ่งตอนแรกที่เทียบกับภาพ Spy shot ของ M5 แท้นั้น เห็นแผงสะท้อนแสงมันอยู่ข้างล่าง เลยคิดว่า มันคงแตกต่างกันบ้างล่ะน่า แต่พอมาเปิดดูข่าวในเว็บของเราดูอีกที

รูปของคันที่ไม่มีสติกเกอร์ชวนตาลายนั้น เฮ้ย นั่นมันตำแหน่งเดียวกัน เย้ๆ ทีนี้ก็ต่างกันแค่ปลายท่อไอเสียแล้วล่ะ (ถ้าไม่นับซุ่มเสียงที่ออกมานะ คิคิ)

ไฟท้ายใช้แนวการออกแบบของเส้นนำแสง

[Best_Vorakit]

มาดูภายในกันบ้างดีกว่า เตรียมพกรีโมทไว้กับตัว ยื่นมือมาเปิดประตูเลย…

ปุ่มต่างๆบนรีโมท ก็จะมีปุ่มล็อค ซึ่งเป็นรูปตรา BMW, ปุ่มปลดล็อค (ซึ่งถ้ากดค้างไว้ จะเปิดกระจกหน้าต่างทั้งสี่ รวมถึง sunroof ด้วยครับ), ปุ่มเปิดฝาท้าย ซึ่งต้องกดค้างไว้สัก 2 วินาที จนฝาท้ายปลดล็อค แล้วค่อยๆ ใช้ระบบไฟฟ้าเปิดอย่างนุ่มนวลขึ้นไปครับ ส่วนปุ่มสุดท้ายที่มีรูปสี่เหลี่ยมนั่นเป็นปุ่มสำหรับเปิดไซเรนของรถให้โหวกเหวกโวยวายในยามที่ค้นหารถไม่เจอ หรือมีเหตุฉุกเฉินครับ ซึ่งเคสแรกนี่ คงอาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้มั้ง รถเด่นอยู่ท่ามกลางลานจอดรถซะขนาดนี้ อิอิ

[Best_Vorakit]

 ใช่แล้ว F10 จะมาพร้อมกับระบบ Comfort Access ล็อค ปลดล็อคประตูได้โดยการสัมผัส รวมถึงการสตาร์ทรถด้วยครับ

[Best_Vorakit]

หลายๆ ท่านอาจจะสงสัย (รวมถึงตัวผมเองด้วย) ว่า ถ้าเกิดเราพกกุญแจติดตัวไว้ แล้วเปิดประตูคนขับ แล้วจะมีใครสามารถเปิดประตูผู้โดยสารได้หรือไม่? อันนี้ได้ลองดูแล้ว ผู้ที่มีกุญแจอยู่กับตัว เปิดประตูด้านคนขับ บานอื่นๆ ก็ยังคงล็อคอยู่ แต่ถ้าผู้ที่มีกุญแจอยู่ เปิดบานผู้โดยสาร รถก็จะปลดล็อคทั้งคันครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น การปลดล็อคแบบนี้ (แบบเดียวกับการกดรีโมทปลดล็อคครั้งแรก แล้วประตูคนขับปลดล็อคบานเดียว) ท่านจะต้องตั้งใน i-Drive ให้  Unlock Button: Driver’s door only ครับ ซึ่งท่านจะเปิดได้แค่บานคนขับ กับฝาถังน้ำมันเท่านั้นครับ

[Best_Vorakit]

ติ๊ด ติ๊ด เสียงเตือนว่าปลดล็อคของคันนี้ (และคันอื่นๆ ด้วยนะ อยู่ที่เราตั้งครับ แต่จะว่าไป เสียงคล้ายๆ Toyota แฮะ) เอิ่ม…กลิ่นหนังหุ้มเบาะนี่ หอมม.. กลิ่น BMW เมื่อหย่อนตัวนั่งบนเบาะหน้าแบบ Comfort Seat นี่ สบายมากกกกก ปรับได้ทุกสัดส่วน ลงตัวกับสรีระร่างกายครับ


ทันทีที่ปลดล็อค ไฟ Welcome Light อันประกอบไปด้วยไฟหรี่ จะสว่างขึ้นมาต้อนรับเรา ไฟ Welcome Light สามารถตั้งได้ใน i-Drive แต่ต้องเปิดไฟเป็นแบบอัตโนมัติด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นท่านก็มิอาจเห็นไฟมันทำงาน

[Best_Vorakit]

พวงมาลัยอวบแน่น เพราะมันเป็นพวงมาลัยทรงเดียวกับ M5 นั่นเองครับ มีปุ่ม Multi-function ปรับเครื่องเสียง รับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบสั่งงานด้วยเสียงครับ คันนี้ก็ได้เสริมออพชั่นพวงมาลัยอุ่นมาให้ยามหนาวด้วยครับ ระบบอื่นๆ จะกล่าวต่อไปในย่อหน้าล่างๆ ถัดไปครับ

[Best_Vorakit]

เวลาปิดประตูคันนี้ ไม่ต้องปิดกันแรงๆ ให้แน่นๆ กันนะครับ เพราะว่ามันมีระบบ Soft-close ระบบจะดูดประตูเข้าไปเองอย่างนุ่มนวลครับ
 

[Best_Vorakit]

ก้านด้านซ้ายใช้สำหรับเปิดไฟเลี้ยว ยกครึ่งนึงจะเป็นแบบขอทาง (สามารถตั้งให้กระพริบสามครั้งเพื่อเปลี่ยนเลนได้ครับ) ถ้าดันสุดเพื่อเปิดไฟเลี้ยวค้างไว้ เวลาเลี้ยว เมื่อหมุนพวงมาลัยกลับมาตำแหน่งเดิม ไฟเลี้ยวจะหยุดกระพริบครับ
แล้วยังมีปุ่ม BC หรือ Board Computer สำหรับดูข้อมูลต่างๆ ครับ แล้วก็ปุ่ม Check ใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่เราเลือกตอนกด BC ครับ

แล้วก็มีปุ่มเปิดระบบ Automatic Highbeam Assist ระบบจะเปิดไฟสูง และกลับมาเป็นไฟต่ำปกติเมื่อมีแสงจากรถคันอื่นสวนมาครับ (อันนี้ยังไม่ได้ลองครับ)

แล้วก็ยังมีปุ่มเล็กๆ อีกสองปุ่มด้านซ้ายของคอพวงมาลัย อันนึงไว้ใช้สำหรับปรับระดับพวงมาลัยแบบสี่ทิศทาง อีกอันนึงมีไว้สำหรับอุ่นพวงมาลัยครับ (ยังไม่มีรูป จะมาเพิ่มให้นะครับ)

[Best_Vorakit]

ก้านด้านขวาจะเป็นที่ปัดน้ำฝน กดด้านข้างจะเป็น rain sensor เราสามารถยกก้านขึ้นลง เพื่อปรับความเร็วด้วยตัวเราเองครับ

[Best_Vorakit]

คันเกียร์ก็เป็นตาม BMW ยุคใหม่ คือ ใช้ระบบไฟฟ้าในการเปลี่ยนเกียร์ครับ การใช้งานก็ไม่ยากครับ ดึงลงมาเพื่อเข้าเกียร์ N แล้วก็ D ต่อได้เลยครับ แต่ถ้าผลักไปดานหน้าจะเป็น เกียร์ N แล้วก็ R ครับ เวลาจอดสนิทเสร็จเรียบร้อยก็กดปุ่ม P เป็นเกียร์จอด แล้วถ้าจะใส่เบรคมือก็งัดปุ่ม Parking brake ขึ้นมาก็เป็นอันเสร็จ (เวลาใส่เบรคมือ จะได้ยินเสียงสายเคเบิลดึงและจับเบรคหลังกันสักหน่อย ก็เป็นเรื่องปกติครับ)

[Best_Vorakit]

คอนโซลกลางดูดีขึ้นกว่าตัว E60 ใช้วัสดุที่น่าสัมผัสมากกว่า (ในท่อนบน) ถึงแม้เกรดอาจจะไม่ต่างกันราวฟ้ากับดินก็ตามที

[Best_Vorakit]

ลิ้นชักเก็บของเปิดและปิดได้อย่างนุ่มนวลชวนฝัน เวลาปิดก็แค่กดเข้าไปนิดหน่อย ก็เข้าล็อคแล้ว ไม่มีเสียงแกร๊กของกลอนมาให้ได้ยิน

[Best_Vorakit]

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แล้วก็เป็นแบบดิจิตอล สามารถแบ่งปรับอุณหภูมิ ความแรงพัดลมแอร์ได้สองฝั่งครับ (มีออพชั่นสำหรับแอร์ตอนหลังด้วย แต่ไม่ได้เลือกมาครับ)

แน่นอน เมืองหนาวต้องมีอุปกรณ์อุ่นๆ ทั้งหลาย คันนี้ก็ถูกประดับมาด้วยเบาะนั่งอุ่นได้ทั้งสี่ พวงมาลัยอุ่น รวมไปถึงฮีตเตอร์จากระบบปรับอากาศที่ต้องมีอยู่แล้ว บางท่านอาจจะสงสัยว่าระบบปรับอากาศคันนี้มีปุ่มกดที่แปลกไปนิดนึง ก็เนื่องจากรคันนี้ไม่ต้องการพัดลมเป่าตด เอ้ย พัดลมระบายอากาศยามอากาศร้อน (ก็ทีแค่ไม่กี่เดือนเองนี่) ครับ

[Best_Vorakit]

เครื่องเสียงสามารถควบคุมด้วยระบบ  i-Drive รุ่นที่ 2 ซึ่งใช้งานง่ายกว่าเดิมเยอะมาก จอกว้างขึ้นด้วย แต่สิ่งที่แปลกไปหน่อยคือ มันไม่ได้แอบอยู่ในหลุมลึกดังเช่นกาลก่อนที่ประจำการใน E60 (ซึ่งรุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2009 ก็มีเวอร์ชั่นใหม่มาแล้วครับ ขนาดพอดีช่องเลย)

คุณภาพเสียงของ Harman Kardon ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดีมาก ลำโพงมีทั้งบริเวณแผงข้างประตูทั้งสี่ ด้านหลังเบาะนั่งแถวหลังอีกสอง บนคอนโซลหน้าอีกหนึ่ง ใต้เบาะนั่งคู่หน้าอีกข้างละหนึ่งตัว ทวิตเตอร์ที่เสาเออีก 2 ตัวครับ รวมเบ็ดเสร็จแล้วมีทั้งหมด 11 ตัวครับ

[Best_Vorakit]

แผงข้างประตูออกแบบมาได้ดี เข้าชุดกับคอนโซลด้านหน้า ที่วางแขนก็สามารถรับการวางแขนได้ดีกว่าตัว E60 อันต่ำเกินไปนิดนึง รุ่นนี้ปรับปรุงแล้ว ขอปรบมือให้เลย…

[Best_Vorakit]

เบาะนั่งด้านหน้านุ่ม กระชับ รับทุกสัดส่วนตามคอนเซ็ปต์ของ Comfort Seat ครับ ปรับได้ทุกทิศทางจริงๆ เบาะนั่งภายในคันนี้เป็นสี Oyster and Black Dakota Leather ตัดกับวัสดุตกแต่งแบบ Titanium Silver Metallic ครับ

[Best_Vorakit]

ส่วนเบาะหลังนั้น ตำแหน่งเหมือนจะเปลี่ยนจากตัวเดิมพอสมควรเลยทีเดียว รู้สึกว่าองศาของพนักพิงเอนมากขึ้นนิด ช่วงรองนั่งกระดกขึ้นมารับข้อพับหน่อย ซึ่งทำให้นั่งสบายขึ้น เมื่อย้ายจากด้านหน้ามานั่งด้านหลังครับ แล้วยังรู้สึกว่าตัว E60 ตัวไมเนอร์เชนจ์ยังนั่งได้สบายกว่า ในบางครั้ง ยกเว้นตำแหน่งของการวางแขนด้านที่ติดประตูครับ ซึ่งตัวใหม่แก้ไขในจุดนี้แล้วครับ อย่างไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคนด้วยล่ะครับ

[Best_Vorakit]

ที่นั่งตรงกลาง สามารถเปิดทะลุไปห้องเก็ของด้านหลังได้ รวมทั้งยังสามารถพับเบาะได้แบบ 60:40 อีกด้วย

[Best_Vorakit]

เบาะนั่ง Comfort Seat ด้านหน้าก็ช่างตัวใหญ่ สูง ถ้าใครอยากมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับคนขับ มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้า อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดนึงครับ แต่จะมีอยู่สองตำแหน่ง คือ ด้านหลังคนขับ กับตำแหน่งกลาง ในบางมุม ผู้โดยสารจากสองตำแหน่งนี้ จะได้เห็นจอ Mystery อันเป็นชื่อที่ผมตั้งขึ้น ซึ่งก็คือ Head up display นั่นเอง หน้าจอจะบอกความเร็วที่ใช้อยู่ นำทางไปพร้อมๆ กับ Navigator แล้วก็แสดงการทำงานของระบบ Lane Departure Warning

[Best_Vorakit]

ข้อมูลทางเทคนิค

เครื่องยนต์ทั้งสองคันนั้นเป็นบล็อคเดียวกัน เครื่องเดียวกัน เท่าที่ได้มีโอกาสสัมผัส(เพียงแค่นั่ง) ก็มีแรงดึงที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่ F10 นั้น เคยได้นั่งแต่โหมด Comfort อันซึ่งคุณเกียร์ 8 สปีดจะเปลี่ยนเร็ว เพื่อรักษารอบเครื่องให้ต่ำ (ประมาณ 1,500-2,000 rpm ก็เปลี่ยนแล้ว) ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล แต่พอเหยียบคันเร่งลึกหน่อยล่ะก็ อารมณ์ลั่นล้าก็มาได้เหมือนกันครับ แต่คงจะเร้าใจกว่านี้ในโหมด Sport ครับ (ซึ่งยังไม่ได้ลอง ขอนุ่มนวลไปก่อนตอนนี้ อิอิ)

ในโหมด Normal เกียร์จะไปเปลี่ยนที่ช่วง 2,500 - 3,000 rpm ครับ

Spec ของเครื่องยนต์ก็เป็บแบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,979 cc. Dual Overhead Cam (DOHC) 24 วาล์ว 300 แรงม้า (hp) ที่ 5,800 rpm แรงบิดสูงสุด 406 NM ที่ 1,200-5,000 rpm! ความยาวกระบอกสูบ 83.82 mm ช่วงชักกระบอกสูบ 88.9 mm มีอัตราส่วนกำลังอัดที่10.2:1 มาพร้อมกับระบบอัดกำลังแบบ TwinPower Turbo หัวฉีดเป็นแบบ Piezo Direct injection และแน่นอนระบบวาล์วแปรผัน Valve Tronic และ Double VANOS ก็ต้องมาทำงานตามเคย
 
(จะกลับมาเพิ่มรูปให้นะครับ)

[Best_Vorakit]

ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 8 สปีด มีอัตราทด
เกียร์ 1: 4.71:1 (สูงไปไหนเนี่ย?!)
เกียร์ 2: 3.14 :1 (เกียร์ 1 ของชาวบ้านเขาเลยนะเนี่ย)
เกียร์ 3: 2.11:1
เกียร์ 4: 1.67:1
เกียร์ 5: 1.29:1
เกียร์ 6: 1.00:1 (เกียร์ 4 ของชาว 5 สปีดกันล่ะ สูงสุดของเกียร์กำลังแล้ว ต่อไปเป็น Overdrive ลดรอบล่ะนะ)
เกียร์ 7: 0.84:1
เกียร์ 8: 0.67:1 (อืม ต่ำดี รอบก็จะต่ำตามไปด้วย แต่กำลังยังมาอยู่)
เกียร์ R: 3.30:1
อัตราทดเฟืองท้าย 3.08:1
 
Paddle Shift จะมีมาให้เป็นออพชั่น คันนี้ไม่ได้เลือกไว้เลยไม่มีมาให้ตบเล่น ต้องใช้วิธีโยกคันเกียร์ครับ

[Best_Vorakit]

เห็นๆ กันแล้วว่า ทดมาชิด เวลาเปลี่ยนเกียร์ก็จะไม่สูญเสียกำลังมาก อัตราเร่งต่อเนื่องดีครับ และด้วยผลจากแรงบิดแบบ Flat torque ซึ่งกว้างมากนั้น ผลทดสอบอัตราเร่งจาก 50-70 MPH (ประมาณ 80-112 กม./ชม.) ด้วยเกียร์สูงสุด BMW 535i (ไม่ใช่ xDrive ซึ่งจะต่างกับคันนี้นิดหน่อยในเรื่องของน้ำหนัก แต่ผมก็ไม่ได้ทำเรื่องอัตราเร่งอยู่แล้ว เพราะยังขับรถไม่ได้ แล้วก็อันตรายเกินไปที่จะลองในชีวิตประจำวันครับ) ทำได้ 3.9 วินาที แซงหน้า Audi A6 3.0 T Quattro (ระบบขับเคลื่อนต่างกัน) ด้วยเวลา 4.0 วินาที แล้วก็ Infinity M37 ด้วยเวลา 4.2 วินาทีครับ (ที่มา: นิตยสาร CAR AND DRIVER ฉบับ August 2010)