ผู้เขียน หัวข้อ: ถึง พี่ จิมมี่ อยากทราบว่า ระบบแปรผันวาล์วในเครื่องยนต์ 3แบบ อันไหนดีที่สุดครับ  (อ่าน 14128 ครั้ง)

ออฟไลน์ karn5811

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 595
    • อีเมล์
 คือผม  อยากทราบว่า ระบบแปรผันวาล์วในเครื่องยนต์ 3 แบบ ที่พี่จิมมี่กล่าวมาใน รีวิว อัลติสใหม่ อันไหนดีและประหยัดและทนที่สุดครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
บอกได้แต่เพียงว่า ถ้าตามหลักการแล้ว

แปรผันได้ครบทั้งหัวแคมชาฟต์ และที่กระเดื่องวาล์ว นั่นละดีที่สุดครับ
เพราะลบข้อจำกัดของระบบที่ แปรผันได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ไปได้
และช่วยให้การนำส่วนผสมไอดีเข้าห้องผาไหม้ เป็นไปอย่างเหมาะสมต่อสภาพการขับขี่
ที่แตกต่างกัน ได้มากที่สุดแล้วครับ

แต่แบบไหนจะทนที่สุด ตอบไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบเครื่องยนต์นั้นๆด้วย


ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
การเซ็ตรูปแบบการแปรผันในแต่ละรอบ ก็มีผลต่อการประหยัดด้วยครับ
ยกตัวอย่างเครื่องตระกูล R กับตระกูล K ของ Honda ครับ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
แล้วทำไมถึงมีฮอนด้ายี่ห้อเดียวที่ใช้ระบบวาวแปรผันเท่านั้นแต่ทำให้ความเร็วปลายสูงกว่าระบบในยี่ห้ออื่นๆล่ะครับ? อย่างเช่นมาสด้า ฟอร์ดถ้าจะทำให้แรงก็ใส่เทอร์โบเพิ่มความจุเข้าไป แต่กับฮอนด้าความจุเท่าเดิมแต่เปลี่ยนระบบวาวแปรผันเท่านั้นแต่แรงได้เทียบเท่าเค้าแล้ว  ??? 


ในระดับรถบ้านๆเช่นกันทำไมค่ายอื่นถึงไม่ทำระบบอย่างวีเทคบ้างหรือว่าติดเรื่องของลิขสิทธ์ ถ้าจะให้ได้อย่างฮอนด้าต้องออกแบบระบบวาวใหม่หมดกัน?
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
เค้าว่ารถยุโรปมีระบบวาวล์แปรผันมานานแล้วนะ

แค่ไม่คุย  8)

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
เค้าว่ารถยุโรปมีระบบวาวล์แปรผันมานานแล้วนะ

แค่ไม่คุย  8)
คงไม่เด่นเท่าวีเทคล่ะมั้งครับ

ออฟไลน์ AIMU

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 283
รถยุโรปมี แปรผันได้ที่หัวแคมชาฟต์ มาตั้งแต่ยุคต้น 90
อย่างเช่น w124 CODE C, E34 M50TU, 155TS
รถเค้ามีจุดขายอื่น เลยไม่เอามาเป็นจุดขาย
เรื่องเด่นไม่เท่า vtec คงจะพูดเกินไปหน่อย

ออฟไลน์ MandM

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 54
    • อีเมล์
แล้วทำไมถึงมีฮอนด้ายี่ห้อเดียวที่ใช้ระบบวาวแปรผันเท่านั้นแต่ทำให้ความเร็วปลายสูงกว่าระบบในยี่ห้ออื่นๆล่ะครับ? อย่างเช่นมาสด้า ฟอร์ดถ้าจะทำให้แรงก็ใส่เทอร์โบเพิ่มความจุเข้าไป แต่กับฮอนด้าความจุเท่าเดิมแต่เปลี่ยนระบบวาวแปรผันเท่านั้นแต่แรงได้เทียบเท่าเค้าแล้ว  ???  


ในระดับรถบ้านๆเช่นกันทำไมค่ายอื่นถึงไม่ทำระบบอย่างวีเทคบ้างหรือว่าติดเรื่องของลิขสิทธ์ ถ้าจะให้ได้อย่างฮอนด้าต้องออกแบบระบบวาวใหม่หมดกัน?



เครื่องวีเทคเป็นเครื่องที่สามารถแปรผันระยะยกของวาล์ว เนื่องจากมีเพลาลูกเบี้ยว 2 ชุด
ชุดแรกระยะยกน้อยทำงานที่รอบต่ำ  ชุดสองระยะยกสูงทำงานที่รอบสูง  ประมาณว่ายกได้ 2 จังหวะ
ทำให้สร้างแรงม้าได้ดีในรอบสูง  แต่เทคโนโลยีตัวนี้เท่าที่อ่านสเป็กเครื่องส่วนใหญ่
สร้างแรงบิดได้ไม่ค่อยดีนะครับ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีแบบอื่น
ค่ายรถอื่นเลยไม่คิดทำตามมั่งครับ  ใครจะเอารถบ้านมาวิ่งด้วยความเร็วปลายตลอดจริงไหมครับ

ออฟไลน์ Ohmmypp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,042
คหสต.  ผมว่าฮอนด้าท้อปสปีดเยอะเพราะทดเกียร์ยาวครับ   
JC TU #54

ออฟไลน์ karn5811

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 595
    • อีเมล์
แสดงว่า ระบบ i-vtec ก้ดีกว่า vvt-i อยุ่สิครับ เพราะแปรผันหมด แต่ไม่อาจสู้ dual vvt-i ใช่มั้ยครับ

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
แสดงว่า ระบบ i-vtec ก้ดีกว่า vvt-i อยุ่สิครับ เพราะแปรผันหมด แต่ไม่อาจสู้ dual vvt-i ใช่มั้ยครับ

คร่าวๆ

vtec = แปรผันระยะยก เวลายก และ ระยะเวลาในการยกแบบ 2 ระดับ ระดับประหยัดและระดับแรง
vvt-i = แปรผันเวลาในการยกให้เร็วขึ้น แต่ระยะยก ระยะเวลาในการยก เท่าเดิม

i-vtec = vtec + vvt-i

dual vvt-i = vvt-i ที่แคมชาร์ฟไอดีและไอเสีย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
คิดว่าเวลาพูดถึง VTEC ควรต้องนึกถึงตาถัง FD ซึ่งจะอธิบายได้ละเอียดสุด
แต่เนื่องจากถังเปลี่ยนแนวไปเล่นเครื่องบินมานานแล้ว ตอนนี้คงไม่ว่างก็จะลองนึกดูให้

เมื่อพูดถึงคำว่า VTEC มันเป็นสิ่งที่น่าปวดกบาลมากเพราะ VTEC มีหลายแบบ
หลายคนชอบนึกไปเองว่าเครื่องที่มี VTEC แปลว่ารอบสูงเกิน 5,000 แล้วต้องจี๊ดจ๊าด
ซึ่งที่บอกไปด้วยความรู้สึก แต่ยังไม่ทราบการทำงานของมัน ต้องเข้าใจว่า VTEC
มีทั้งแบบที่ทำมาเพื่อเอาแรงม้า กับ VTEC สำหรับการขับขี่ทั่วไป

VTEC ที่ทำงานโดยเปลี่ยนระยะยกของวาล์วพร้อมกับเปลี่ยนองศาไปด้วย อันนี้
ถือว่าเป็น VTEC คลาสสิคอย่างที่พบใน B16A, B16B, B18C, H22A ที่เป็นเครื่อง
DOHC VTEC ยุค 89-2000

VTEC พวกนี้สังเกตดูว่าแคมองศาต่ำ จะใกล้เคียงแคมปกติของรถทั่วไป แต่แคม
องศาสูง จะสูงประมาณกึ่งรถแข่ง พูดง่ายๆคือถ้าให้รถทำงานโดยใช้แคมองศาสูง
อย่างเดียว..รับรองขับไปทำงานกับขึ้นห้างลำบาก

ส่วน VTEC บางพวกอย่างในเครื่อง Civic Dimension D17A ใช้แคมไอดี
แบ่งเป็นสองระดับองศาเช่นกัน แต่อันนึงเป็นองศาต่ำพิเศษในขณะที่อีกอันเป็น
องศาปกติ ในรอบต่ำกว่า 2,700 วาล์วไอดีอันนึงจะเปิดองศาปกติ แต่อีกอัน
เปิดองศาเตี้ยพิเศษ ทำให้การประจุอากาศเข้าที่รอบต่ำเป็นไปอย่างเสถียร
พอรอบสูงกว่านั้น ก็จะมีกระเดืองล็อคให้วาล์วทั้งคู่เปิดตามแคมองศาปกติ
จึงได้อัตราเร่งที่เร็วเหมือนรถ 4 วาล์วต่อสูบทั่วไป

พอยุคหลังๆ มี i-VTEC อย่างใน K20 ฝาดำธรรมดา ใช้หลักการแคมองศาต่ำ
กับแคมองศาปกติ บวกกับการหมุนแท่งแคมแบบ VVTi โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
สร้างแรงบิดให้มีลักษณะเป็นช่วงกว้าง และปล่อยมลพิษต่ำลงโดยการเลือก
องศา (lobe) และเวลา (Timing) ที่เหมาะสมกับรอบเครื่องและโหลดเครื่อง
ให้ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลภาวะน้อย

พอมาเป็น i-VTEC ในพวก Kฝาแดง ก็เอาหลักการของ DOHC VTEC
มาบวกกับการแปรผันแท่งแคม ที่ทำให้มีช่วงกำลังกว้างและ Flexible กว่าเดิม


Honda ถือลิขสิทธิ์ในคำว่า "VTEC" แต่โดยหลักการของการประจุไอดีโดยใช้
แคมองศาสูงกว่าปกติสำหรับรอบสูงนั้น Mitsubishi ก็ทำใน 4G92MIVEC
ซึ่งอยู่ใน Mirage Cyborg-R มีแรงม้า 175 ตัว และ Nissan ก็ทำใส่ใน
SR16VE NEO VVL 175 แรงม้า, SR16VE NEO VVL ใน Pulsar N1 มี 200ม้า
SR20VE 187-190 ม้าและ SR20VE รุ่นสุดท้าย 6 สปีดm/t 201 แรงม้า
แต่ค่ายที่พูดทั้งหมดนี้ทำเครื่องแบบนี้ออกมาหลังจาก Honda อย่างน้อย 3 ปี
และไม่มีของแต่งสนับสนุนและผู้ที่ศรัทธาในแบรนด์คอยค้ำจุนมากเท่า


แต่เครื่องรอบจัดแบบนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร เพราะแม้จะมีผู้นิยม
เพราะความเป็น NA เพียว แต่ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าความจุเท่ากัน อัตราทด
เท่ากัน อย่างอื่นเท่ากัน เทอร์โบที่มีแรงบิดมากตั้งแต่รอบกลางๆจะแซงไปไวกว่าเสมอ
ดังนั้นรถ NA จึงต้องใช้อัตราทดเกียร์ที่จัดกว่าเข้ามาช่วย

หากวิ่งอยู่ 80 แล้วต้องการแซงไป 120 รถเทอร์โบมีแรงบิดเยอะตั้งแต่ 3,000 รอบ
จะใช้เกียร์ 4 กดเอาก็ได้ แต่ถ้าเป็นเครื่อง NA ที่อัตราทดเกียร์เท่ากัน ใช้เกียร์ 4 กด
รับรองช้ากว่า แต่ถ้ายอมขืนใจเครื่อง ลาก 8,000 ก็ลดลงมาเกียร์ 2 หรือ 3
ก็อาจได้ความเร็วที่ไวกว่าเทอร์โบ แต่ข้อเหวี่ยงกับก้านสูบบอกว่ากูเหนื่อย ข้อเหวี่ยงบอกว่า
หมุนรอบจัดๆมากๆเอวอั๊วะพองตายห่า ก้านสูบบอกเอ็งเล่นกระชากขึ้นกระชากลง 8,000 รอบ
บ่อยๆเครียดตายชัก

รถอย่าง Lamborghini, Ferrari ยังอยู่กับแนวทาง NA รอบจัดต่อไป
ส่วน BMW นั้น M5 ตัวต่อไปเลิกทำ V10 8,500 รอบมาหา V8 เทอร์โบที่รอบต่ำลง
Nissan ไม่มีเครื่องสี่สูบรอบจัด 8,000 แล้ว แต่มี HR16DDT รอบต่ำกว่าแต่แรงม้า
แรงบิดสวยกว่า SR16VE ยุคเก่ามาก

ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งจากเว็บไซต์ CO2 ก็คือ พวกรถที่รอบจัด เวลาวิ่งปกติ
มักจะปล่อย CO2 มากกว่ารถที่แรงบิดเท่าๆกันแต่ใช้เทอร์โบ หรือเป็นดีเซลเทอร์โบ

ดังนั้นถ้าถามความเห็นผมตอนนี้

แคมชาฟท์แปรผันของอนาคต ควรโฟกัสไปที่การทำ powerband เป็นช่วงกว้าง
และทำให้การเผาผลาญเชื้อเพลิงออกมาสะอาดที่สุด ส่วนในเรื่องอัตราเร่ง
ให้เทอร์โบเข้ามาเป็นตัวช่วยจะดีกว่า
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
ความรู้ ความรู้  :D

เข้ามาเก็บเช่นเดียวกันครับ ความรู้อีกแล้ว  ;D
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ TTL

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,277
ได้ความรู็เพิ่มมึ้น มากๆเลยครับสำหรับกระทู้นี้  :D

ออฟไลน์ Diavolo

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
คอนเซป VTEC คลาสสิคของฮอนด้าคือ Sport + Comfort รอบต่ำก็ดี รอบสูงก็จี๊ด
ที่เครื่อง VTEC โดดเด่นขึ้นมาคงเพราะ ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 89 สมัยนั้น น่าจะยังไม่ค่อยมีใครใช้วาล์วแปรผันแบบปรับระยะลิฟท์เลยในรถบ้านๆ
ฮอนด้านำมาใช้กับรถราคาไม่สูง เครื่อง 1.6 ลาก 7-8,000 รอบ แถมยังวิ่งดีทั้งรอบต่ำ-สูง เสียงและฟีลลิ่งก็เป็นเอกลักษณ์

ลองดูยุคใกล้ๆกัน โตโยต้ายังเป็นแคมแปรผันแบบไทมิ่ง คุมด้วยแรงดันน้ำมันเครื่องอยู่เลย
BMW เองมาทำวาล์วแปรผันแบบปรับระยะลิฟท์ (วาล์วโทรนิค) ก็หลังฮอนด้าร่วม 10 ปี แถมมีปัญหาใช้งานในรอบสูงอีก รถสมรรถนะสูง M Car ก็ไม่นำไปใช้

ไม่รู้ว่าเครื่องบล็อก K ของฮอนด้าจะยังใช้อยู่อีกนานแค่ไหน
ล่าสุดได้ข่าวว่า Ariel Atom จะทำรุ่นพิเศษ ใช้เครื่องของ Mugen Civic Type R 2 ลิตร 240 แรงม้า
มาปรับแต่ง เพิ่มเป็น 270 แรงม้าที่ 8,600 รอบ +เพิ่มแรงบิดอีก
สุดๆไปเลย 135 แรงม้าต่อลิตร  :o

สำหรับผม บล็อก K นี่ถือเป็นที่สุดของเครื่อง 4 สูบ 2 ลิตร NA จากโรงงานตัวนึงเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2011, 18:17:55 โดย Diavolo »

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับพี่แพน

แต่ตอนนี้ผมยังมึนๆกับการทำงานของเครื่อง R-Series , L-Series อยู่เลยครับ