ผู้เขียน หัวข้อ: มาว่ากันถึงเรื่องของโช๊คต่อครับ  (อ่าน 20612 ครั้ง)

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
มาว่ากันถึงเรื่องของโช๊คต่อครับ
« เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 11:14:47 »
คราวที่แล้วผมอยากไปเยือนเชียงกงเพราะอยากหา tein มือสองสภาพดีมาซ่อมใช้ต่อมาคราวนี้เจอข้อคิดบางอย่างมีถามมามาแบ่งปันกันต่อครับ ประเด็นของคราวนี้คือคุณภาพระหว่าง twin tube กับ mono tube และเรื่องของราคาสินค้าค่าตัวโช๊ค  :)


ข้อมูลความแตกต่างระหว่างโช๊คสองชนิดนี้ผมลองหามาจากในเน็ตดูได้ความแตกต่างตามข้างล่างนี้ครับ

XXXXXXX
suspension ระบบ Mono-Tube ดียังไงครับ เรามารู้จักกันครับ

จะได้เข้าใจไปในทางเดียวกัน ว่าสาเหตุใดทำไหม ระบบ Mono-Tube มันจึงทำให้รถเกาะถนนดีกว่าและนิ่มกว่า

ผมจะเริ่ม จากรูปภาพแสดงระบบกลไกลภายในก่อนเลยจะได้เข้าใจง่ายขึ้น รูปเดียวเข้าใจง่ายครับ 

เรามาดูรายละเอียดและดูรูปตามจะเข้าใจการทำงานของ suspension ระบบMONOTUBE ว่าดีกว่าและแตกต้างยังไงจาก ระบบ TWIN TUBE

       ลูกสูบของระบบ MONO TUBE ใหญ่กว่าTWIN TUBE ทำให้ความจุน้ำมันในในกระบอกมีปริมาณมากกว่า ไหลผ่านได้ง่ายโดยไม่เกิดแรงดันสูงเกินไป เมื่อเกิดการกระแทกก็เปิดได้ไวและปิดได้ไว ทำให้ขับขี่นิ่มนวล ลดอาการกระด้างลงได้มากครับ  ระบบ MONOTUBE เมื่อดูที่ห้องน้ำมันที่เป็นสีเหลือง จะมีพื้นที่ให้ลูกสูบเลื่อนขึ้นลงได้ และมีน้ำมันเต็มพื้นที่ 100% การยุบและยืดจะไม่มีช่องว่างของน้ำมันเลยเลย 2 ห้องแก๊สจะแยกออกจากห้องน้ำมันอย่างสิ้นเชิง ทำให้แก็สไม่ไปผสมกับน้ำมัน เหมือน  ระบบ TWIN TUBE

การทำงานจังหวะยืด (Extension หรือ Rebound) น้ำมันจากห้องด้านบนจะถูกรีดผ่านวาล์วทั้งหมดมายังห้องข้างล่าง วาล์วที่ใหญ่ทำให้ปล่อยน้ำมันได้ในประมาณมาก ลดแรงดันในห้องน้ำมันได้ดี น้ำมันที่เลือกใช้เป็นน้ำมันเกรดโช๊คอัพโดยเฉพาะ ไม่ใช่น้ำมันเกียร์ ที่กิดความร้อนแล้วจะใสค่าความหนืดจะหายไปเรื่อยๆ ทำให้ยุบ ย้วยขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย

การทำงานจังหวะยุบ (Compression) ยิ่งยุบหรืออัดแรงมากเท่าไหร่แรงดันในห้องน้ำมันก็ยิ่งมาก แต่ระบบ Mono-Tube แรงดันนั้นกับไปอยู่ที่ห้องน้ำมันด้านล่าง น้ำมันที่ถูกรีดผ่านวาล์วนั้นจะมากหรือน้อยก็ไม่เกี่ยว เพราะจะไปดันอยู่ในห้องแก๊สมากกว่า ข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือ

เมื่อจังหวะยุบนี้ แกนจะเลื่อนเข้ามาในกระบอกทำให้ดันห้องน้ำมันเอ่อเพิ่มขึ้นไปดันห้องแก๊ส ให้มีปริมาตรน้อยลง ก็ทำให้แรงดันแก๊สสูงขึ้น พอแก๊สมีแรงดันสูงขึ้นก็พยายามดันให้แกนเลื่อนกลับออกไปทำให้เกิดความเสถียรสำหรับตัวรถครับ.

     ระบบ MONO TUBE มันต่างกันยังไง Twin tube จะมีห้องสองห้องซ้อนกันอยู่โดยจะมีห้องแก๊สอยู่ด้านนอกซึ่งเวลาที่เพื่อนๆเอาโช๊คไปโมก็คือเค้าก็อัดแก๊สไนโตรเจนเข้าไปในห้องด้านนอกนั่นเองมำให้โช๊คแข็งขึ้น ซึ่งเมื่ออัดแก๊สลงไปแก๊สและน้ำมันก็จะผสมกันอยู่ ซึ่งหลักการทำงานก็คือ เมื่อโช๊คเกิดการ bump หรือยุบตัวลูกสูบจะเลื่อนลงดันน้ำมันจากห้องด้านในออกไปด้านนอก ซึ่งถ้าด้านนอกมีแก๊สอยู่มากโช๊คยิ่งแข็ง และดันน้ำมันจากห้องนอกเข้ามายังห้องในเพื่อ rebound นั่นเอง
สำหรับ mono tube กระบอกโช๊คจะมีชั้นเดียวคือ น้ำมันจะอยู่ด้านบนและแก๊สจะอยู่ด้านล่างโดยแบ่งแยกกันชัดเจน

ข้อดีของ mono tube

1. จากการที่ mono tube เป็นห้องชั้นเดียวจึงทำให้สามารถใช้ลุกสูบได้ขนาดใหญ่ขึ้น ข้อดีของลูกสูบที่ใหญ่ขึ้นคือ การตอบสนองที่เร็วขึ้น ควบคุมได้ดีขึ้น และไม่กระด้าง เพราะการตอบสนองของ mono tube กระทำโดยตรงในห้องเดียวกันไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำมันผ่านออกไปห้องด้านนอก ดังเช่น twin tube

2. เนื่องจาก mono tube เป็นกระบอกชั้นเดียวทำให้ระบายความร้อนออกสู่ด้านนอกได้โดยตรง ทำให้น้ำมันและแก๊สภายในร้อนช้ากว่า twin tube มาก ข้อดีคือ อายุการใช้งานนานกว่า และที่สำคัญเคยขับรถเป็นระยะทางไกลซัก 50-70 กิโลเมตรขึ้นไป จะรู้สึกว่าโช๊คนิ่มขึ้นเกาะน้อยลงนั่นเป็นเพราะความร้อนสะสมภายในเยอะครับ ทำให้น้ำมันเป็นฟองและแก๊สขยายตัว mono tube จะไม่เกิดปัญหานี้ครับ

XXXXXXXXX


ถ้าข้ามระดับไปอีกขั้นก็จะเป็น Invert mono tube ที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าที่ระยะยืดหดจะดีกว่า mono tube ธรรมดาซึ่งไม่สูญเสียความยืดหยุ่นทำให้เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น (เนื้อหาอธิบายละเอียดหาไม่เจอแล้ว) ซึ่งจะพบได้ในโช๊คของรถสปอร์ตประสิทธิภาพสูงเป็นนต้นไป  แต่ผมยังไม่สามารถอาจเอื้อมไปถึงระดับนั้นเพระมันค่าตัวเกือบแสนแล้ว กลับมาที่เรื่องของโช๊คห้องเดี่ยวห้องคู่ดีกว่า  :)


หลังจากที่ผมได้อ่านถึงคุณสมบัติทางกายภาพโดยรวมของโช๊คแล้ว ผมหันกลับมาดูโช๊คสตรัทปนับเกลียวทั้งหลายที่ผมเคยสนใจมาก็พบว่ามันมีความแตกต่างครับ Tein Super Street เป็นโช๊คแบบ twin tube ส่วนยี่ห้ออืนๆอย่าง BC sport หรือ Silver neomax จะเป็นโช๊คแบบ mono tube ซึ่งก็น่าจะถือได้ว่าสองชนิดหลังโดยทางวิศวกรรมแล้วควรจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าใช่ไหม? แต่ถ้าไปดุที่ราคาค่าตัวของแต่ละอันนั้นผมค่อนข้างที่จะงงเป็นอย่างยิ่งเพราะสนค่าตัว tein ต้องมี50000บาทเป็นอย่างน้อยแต่ถ้ามาดูสองยี่ห้อหลังค่าตัวอยู่ในระดับ40000บาทหรือไม่เกิน30000บาทก็ยังมีเลย ทั้งๆที่เทคโนโลยี tein ดูเหมือนว่าจะด้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆแต่ทำไมค่าตัวถึงได้แพงกว่าเค้าเป็นสองเท่าล่ะ? หรือว่าแม้ tein จะเป็นระบบห้องคู่แต่ว่าประสิทธิภาพของมันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าห้องเดี่ยวยี่ห้ออื่นๆเลย? หรือว่า tein ลงทุนในเรื่องของศูนย์ซ่อมทางการในประเทศไทยที่ซ่อมได้ทุกชิ้น เลยจำเป็นต้องเพิ่มราคาสินค้าสำหรับบริการหลังการขายในส่วนนี้ด้วย?    ???


ส่วนตัวแล้วคิดว่าอาจจะเป็นเพราะ tein เป็นสินค้าที่มีการลงทุนทางการตลาดไปมากและเป็นที่นิยมอย่างสูงทำให้เพิ่มราคามากว่าคู่แข่งได้มาก แต่ทาง silver ที่มาจากฮ่องกงเองก็กำลังพยายามตีตื้นในเรื่องนี้ด้วยการมีศูนย์ซ่อมมตราฐานในบ้านเราและสามารถซ๋อมได้แทบจะทุกชิ้นส่วนเช่นกันแต่ silver ค่าตัวอยู่ในข่ายที่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งเลย(ผมเน้นโช๊คที่สามารถซ่อมบำรุงได้เพื่อการใช้งานที่ยาวนานคุ้มค่าครับ silver ก็ตีตื้น tein ในเรื่องนี้ได้ดีมากสำหรับยี่ห้อที่เพิ่งเปิดตัวใหม่)..................ตกลงแล้วอะไรเป็นตัวชี้วัดราคาของโช๊คกันแน่? ยี่ห้อของสินค้าหรือว่าคุณภาพของสินค้า?...............ยิ่งคิดยิ่งงงว่ะครับ  :P



จากที่ผมลองไล่อ่านดูจากหลายๆเสียงที่ใช้ tein มาพบว่าการใช้งานทั่วไปดีกว่าโช๊คจากโรงงานมากแต่ถ้าหากเอา super street ไปแล่นในสนามจริงจังมันจะย้วยควรจะต้องข้ามขั้นไปหา tein type flex (invert mono tube) แล้ว ส่วนตัวแล้วคิดว่าในระดับของ tein ss เองอาจจะไม่ได้มีคุณภาพสูงไปกว่าคู่แข่งอื่นๆอันใดหรือไม่ก็ทำได้เทียบเท่ากับmono tubeยี่ห้ออืนๆ แต่ผมก็ยังไม่กล้าฟันธงแบบปักใจเชื่อเพราะได้แต่อ่านประสบการณืของคนที่เคยใช้มายังไม่ได้ลองของจริงเลยสักครั้ง บางที tein อาจจะมีการตั้งราคาที่สูงเกินไป(หรือเปล่า?) เพราะมันยังคงมีปัญหาที่ควรจะต้องแก้ให้เห็นอยู่ประปรายเช่น เสียงกุ๊กๆๆๆๆหลังติดตั้งหรือไม่ก็ค่าkของสปริงเพี้ยนหากว่ามีการปรับความสูงที่ไม่เหมาะสม อันหลังนี่เพื่อนผมเจอกับตัวเองเพราะว่าประบตั้งไว้สูงสุดแล้วพบว่ารถเด้งๆไมม่เกาะอย่างที่ควรจะเป็นทำให้ค่าkสปริงไม่เหมาะสม แต่หลังจากไปปรับความสูงมาให้พอดีแล้วรถเกาะถนนได้ดียิ่งหว่าเดิมเยอะพอตัวอยู่ ซึ่งในจุดนี้เองคู่แข่งอย่าง bc sport และ silver เองรับประกันเลยว่าการปรับความสูงไม่ส่งผลอะไรต่อประสิทธิภาพของตัวโช๊คเลย 


ในเรื่องนี้ทุกท่านมีความเห็นว่ายังไงกันบ้างครับ?     :)
 

หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ power2002

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 689
  • ประหยัดได้ด้วยเท้าตัวเอง!
Re: มาว่ากันถึงเรื่องของโช๊คต่อครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 16:08:18 »
ราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์ การตลาด และการบริการหลังการขายครับ

ช้อคเมดอินไทยแลนด์ เยี่ยมๆ แจ่มๆ ก็มีนะครับ แต่ราคาก็สูงตาม  ;)

ออฟไลน์ Sarutino

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 758
  • อยากออกไปกอดเมืองไทย^ ^
Re: มาว่ากันถึงเรื่องของโช๊คต่อครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 22:39:23 »
ผมว่าราคา TEIN มันสูงเวอร์ไปจริงๆ

TEIN SS ก่อนหน้านี้ไม่เกิน 3 ปี ยังได้ราคา 38xxx ในงาน Motorshow อยู่เลย

ไม่ใช่ครึ่งแสนเหมือนตอนนี้ ไม่เข้าใจเค้าเลยจริงๆ ><
"Lose who you are to save what you love."

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: มาว่ากันถึงเรื่องของโช๊คต่อครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 21, 2011, 10:41:28 »
ป๊าดดดดดไม่เกินสามปีราคาเคยอยู่ที่ 38000 บาท!!!!  :o

เป้นข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวขอบคุณมากๆครับ พอจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมไหมครับว่าเค้ามีการปรับปรุงใส่อะไรใหม่ๆลงไปไหมหรือว่าเดิมทุกอย่าง? เห็นมีคนเอาเสป็คญี่ปุ่นมาขายต่อยังมีบางท่านรำพันอยู่เลยว่าทำไมราคาขึ้นมาจากเดิมอีกตั้ง 4000 บาท แบบนี้พอจะมีแนวทางคำตอบในใจผมแล้วนะนี่  :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com