ผู้เขียน หัวข้อ: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป  (อ่าน 13963 ครั้ง)

ออฟไลน์ nonpatan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
    • non-motocycle
    • อีเมล์
ผมมีข้อสงสัยว่าทำใม เขาถึงพูดกันว่าเครื่องญี่ปุ่นทนกว่า ไม่จุกจิกเหมือนเครื่องยุโรป เช่น เครื่องโตโยต้า กับ บีเอ็ม ครับ
เครื่องยุโรปเทคโนโลยีน้อยกว่าเครื่องญี่ปุ่น หรือยังไงครับ หรือว่าเครื่องยุโรปทันสมัยมีอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์เยอะเลยไม่ทนครับ

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2009, 20:10:35 »
ผมว่าไม่จริงเสมอไปครับ ผมเทียบดูแลรักษาตามสเปกเท่าๆกันเปลี่ยนถ่ายของเหลวใช้ของดีเท่าๆกัน เครื่องยุโรปอึดกว่า
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,633
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2009, 20:32:23 »
ผมว่าไม่จริงเสมอไปครับ ผมเทียบดูแลรักษาตามสเปกเท่าๆกันเปลี่ยนถ่ายของเหลวใช้ของดีเท่าๆกัน เครื่องยุโรปอึดกว่า

จิงป่าว คุณพี่ อิอิ  ;D

ออฟไลน์ boykung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
  • ตอนเด็กๆ โคตรอยากเป็นจีบันเลย
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2009, 20:36:32 »
ผมว่าเครื่องยุโรปอึดกว่าครับ แรงยังไงก็แรงยังงั้น

ผมเทียบกับรถที่บ้าน Volvo S80 3200cc. กับ Nissan CefiroA33 3000cc.

เมื่อก่อนทั้ง2คันเหยียบได้ 200 สบายๆ จนทุกวันนี้ ไมล์เลย 150,000 ไปแล้ว

ปรากฏว่า Cefiro กว่าจะถึง 200 ต้องลุ้นรอลากครับ แต่ Volvo ไม่ต้องรอ เหยียบเพลินๆบนทางด่านบางครั้งถึง 200 ไม่รู้ตัว
Hyundai Grand Starex 2012
Kia Rio 2013
Volvo XC60 D4 Hybrid with Engine Oil 2013
Mercedes Benz S300Hybrid AMG 2014
BMW 420D Coupe M Sport 2016

ออฟไลน์ nonpatan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
    • non-motocycle
    • อีเมล์
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2009, 20:52:24 »
อืม พอดีผมเห็นเขาโพสต์ กันในเน็ตหนะครับ เห็นมีแต่บอกว่ารถญี่ปุ่นทนทาน (โดยเฉพาะโตโยต้า) ผมก็เลยสงสัยว่าไหงเป็นอย่างงี้หละ
และรถแพงๆมันทำรถกันไม่ดีเลยเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2009, 21:39:54 »
คือผมว่ามันต้องแยกเรื่องความทนออกเป็นสามอย่างด้วยนะครับ
1) ทนต่อการใช้งาน-ไม่จุกจิก ไม่รวนง่าย ไม่ตายกลางทาง
2) ทนต่ออายุการใช้งาน
3) ทนต่อความโหดร้ายในการโมดิฟาย - เซ็ตเทอร์โบ โมดิฟาย ขยายปอด หยอดไนตรัส

ถ้าในเรื่องของข้อแรก ประสบการณ์ส่วนตัวผมคิดว่าญี่ปุ่นทนกว่านะ แต่เรากำลังมาถึงยุคสมัยของที่ทุกอย่างเป็นไฟฟ้าไปหมดแล้ว ผมต้องขอสังเกตดูอีกสักระยะว่าเป็นยังไง

จริงๆแล้วถ้าว่ากันเป็นรายๆไปจะดีกว่านะ สมัยก่อนผมมี Vento สองคันที่บ้าน ภายใน 50,000กิโลแรกทั้งสองคันโดนเปลี่ยนยางฐานหัวฉีดไปสองครั้ง จนกระทั่งช่วงหลังมียางฐานหัวฉีดที่ทนทานขึ้น ก็ใช้ยาวเลย
แต่นิสสัน NX เครื่อง 16 วาล์วหัวฉีดมัลติพอยท์..อายุแก่กว่า Vento 4 ปีและวิ่งมานานกว่า ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยจนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 10

แต่ยุโรปทนๆก็มี เบนซ์คันก่อนผมไงล่ะ 200,000กิโลนี่ไม่มีอะไรจุกจิกกับเครื่องยนต์เลย ตอนหลังก็มีเปลี่ยนชุดจ่ายน้ำัมัน เปลี่ยน Switching Unit พอวิ่งครบ 250,000 รื้อเครื่องออกดู โอโห้จะบ้าตาย จะรื้อมาทำไมวะ ไม่เห็นมีส่วนไหนต้องเปลี่ยนเลย โดนแค่แหวนลูกสูบอย่างเดียว

ยิ่งถ้าย้อนกลับไปสมัยพ่อผม มีอะไรบ้างล่ะ VW Beetle ก็มีมาแล้วพร้อมๆกับ KE35 และ Subaru ST ปี 79
KE35 นี่แทบไม่เคยเปิดกระโปรงเลย..Beetle เหรอ เข้าอู่ประจำ Subaru ก็เข้าประจำเหมือนกัน

ในยุค 90เป็นต้นมา เครื่อง M104 ของเบนซ์มีปัญหาสายไฟกรอบแตก ตัวคุมรอบเดินเบาเดี้ยง กล่องพัง อันนี้เป็นปัญหาที่ถามใคร ใครก็รู้ ลองเอาเรื่องนี้มาพูดกับคนใช้ 1JZ-GE, 2JZ-GE เขาก็ไม่ได้มีปัญหานี้กัน แต่ถ้าพูดถึงความทนทานของเนื้อในท่อนล่าง โอเค วัสดุภายในเครื่องเบนซ์ทนนะ เจวิ่ง 400,000 เบนซ์ก็วิ่ง 400,000ได้ แค่คอยปรับกลไกดันโซ่ให้แน่นเสียงเครื่องก็จะไม่ดังกราวน่ารำคาญ

ส่วนยุคใหม่หน่อย เอ้าอย่าง E220CDi W210 รุ่นน้องผมเป็นไง 50,000โลเทอร์โบรั่ว 60,000 โลไดชาร์จพัง
จะว่าไม่รักษาก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ดูแลดีน้องๆภรรยามันยังเป็นได้ขนาดนี้ VIGO Commonrail ที่วิ่งอยู่กันทั่วไป นอกจากปัญหาพวกเรื่องSCV แล้วมีเทอร์โบรั่วหรือไดชาร์จพังบ้างหรือเปล่า

หรือจะเอาบ้านเพื่อนผม ซึ่งมี LS400 ปี 95 อยู่คันนึง และ S500 คันนึง เครื่องของ LS ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเปลี่ยนหัวเทียนและกรองต่างๆ ทุกวันนี้ระบบจุดระเบิด เซ็นเซอร์ ECU และทุกอย่างไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน และเจ้าของก็แฮปปี้มาก ส่วน S500 โดนคอยล์จุดระเบิดไปแล้ว 1 ชุด ECU เสียแล้ว 1 ครั้ง นี่คือเท่าที่จำได้ แต่ยังมีอีก 2-3 รายการเป็นเซ็นเซอร์อะไรสักอย่าง

ดังนั้นในภาพรวม เทียบรุ่นต่อรุ่น เครื่องต่อเครื่อง มันก็ไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นไม่เคยมีปัญหานะ แต่เท่าที่เจอมาเห็นมา ผมว่าในพิกัดเท่าๆกัน เทคโนโลยีปีเท่าๆกัน ญี่ปุ่นทำเครื่องที่จุกจิกน้อยกว่าเกือบจะเสมอ แต่ต้องเทียบดีๆ อย่าบอกว่า 4A-FE ทน แต่ M119 V8 ไม่ทน โอโห้ ก็เครื่องมันต้องมีอวัยวะมากกว่ากันตั้งเยอะ ต้องยอมต่อให้หน่อยสิ

- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Steeringwheel Father

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 63
    • อีเมล์
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 10:09:45 »
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มเซ็ง E46 ของผมและกำลังจะหันหัวเรือ (รถ) ไปหา Lexus หรือ  Honda อะไรสักอย่างในเร็ว ๆ นี้นี่แหละ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 13:01:25 »
E46 มีปัญหาอะไรกับเครื่องเล่าให้ฟังบ้างครับ

ที่ถามเพราะ E46 ก็เป็นหนึ่งในรถที่ผมอยากได้อยู่เหมือนกัน คือเวลาขับ ผมรู้สึกชอบมัน
แต่เวลาซ่อม ยังไม่รู้ครับ ตาเบิ้มรุ่นน้องผมใช้อยู่ ก็ฟ้องแค่ว่ากระจกตกราง แต่อย่างอื่นยังไม่ได้สอบถามเพิ่ม
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 13:02:32 »
ถ้าเทียบ สูบเท่ากัน เทคโนโลยีพอ ๆกัน ผมว่า เครื่องยุโรปทนกว่านะครับ มีคนเคยวัดความแข็งกระบอกสูบ กับการทนแรงอัดกระบอกสูบ การทนความร้อน ขอไปหาข้อมูลก่อน แต่ที่แน่ ๆ ที่ใช้เอง ผมว่า รถญี่ปุ่นมันมีอะไรให้เสียน้อยกว่าแค่นั้นเองครับ ไม่ได้ทนกว่าเลย

ูู^^^^
ใช้ E46 รุ่นไหนครับคุณ Steeringwheel Father
ผม M43 ใช้ ๆ จอด ๆ นอกจากประเก็นฝาวาล์วแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยอะนะ รถจะเก้าปีแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2009, 13:08:22 โดย jaesz »

ออฟไลน์ nonpatan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
    • non-motocycle
    • อีเมล์
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 21:59:31 »
อืม หรือว่าจะเป็นเพราะว่าการออกแบบรถของยุโรปเข้าใช้สภาพของยุโรปเป็นเกณฑ์ เช่นพวกอุณหภูมิ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปในเครื่องมีเยอะกว่า เช่นพวกอิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆทำให้เมื่อเวลานานเข้าจึงรวนง่ายกว่ารถญี่ปุ่น เพราะผมว่ามันต้องมีสาเหตุสิ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 22:08:10 »
บางทีมันก็ไม่ใช่ความซับซ้อนทางอิเล็กทรอนิกส์ บางทีมันก็พื้นๆมากแค่เรื่องของการเลือกวัสดุ

อย่างเคสเบนซ์มัลติวาล์วยุค 92-95 สายไฟกรอบแตก สายไฟก็ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อน ที่กรอบแตกเพราะใช้วัสดุรีไซเคิล
ยางฐานหัวฉีด Golf, Vento 1.8CL ก็เหมือนกัน ตัวเครื่องไม่มีอะไรเลย หัวฉีดไฟฟ้าเดี่ยวด้วยซ้ำ แต่รั่วเพราะวัสดุไม่ดี

ผมเดาว่ายุโรปคงยังไม่รู้จักคำว่ารถติดกลางแดดเปรี้ยงๆได้ดีเท่าชาวกทม. มั้งครับ  แต่ไม่ได้ว่ายุโรปเขาใช้ของห่วยทำอุปกรณ์ติดเครื่อง ผมเดาว่าเขาพยายามใช้วัสดุรีไซเคิลเพื่อผลทางด้านสิ่งแวดล้อม โชคไม่ดีที่วัสดุเหล่านั้นแพ้สภาพอากาศบ้านเรา
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ ??????

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 20:50:52 »
เท่าที่หาข้อมูลมานะครับ

ที่รถญี่ปุ่น เครื่องยนต์ หรือ ระบบ ต่างๆ เข้าที่เข้าทางกว่าทางยุโรป นั้น

คือ มันมีปริมาณขายที่มาก มากพอที่จะกำหนดรายละเอียดต่างๆ มากมายเหล่านั้น

ให้เหมาะและสอดคล้องกับการใช้งานและสภาพต่างๆของไทยเรา ดังนั้น จึงมีปัญหาเกิดขึ้นน้อยกว่า

ส่วน ยุโรป นั้น ที่บอกว่ามีปัญหา นั้น ไม่ใช่รถไม่ดี หรืออะไร

แต่เหตุผล อย่างเดียวกัน คือ ขายไม่ดีเท่า ดังนั้น การนำมาใช้งานที่บ้านเรา

ถ้ารถยุโรป หรือ รถประเทศอะไร ก็แล้วแต่ เอามาวิ่งที่บ้านเรา

ใช้ไปซักระยะ ก็จะพบปัญหาได้ง่าย กว่า  เนื่องจากไม่ได้กำหนดสเป็ก ให้ครอบคลุมบ้านเรา

เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละครับ

ออฟไลน์ mann

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 725
  • นี่หรือรถโมเดล
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 17:52:09 »
ผมคิดว่า ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นคนจะจุกจิกแทนรถ แต่รถยุโรปรถจะจุกจิกแทนคน
จริงไหม
1995 honda civic eg 3dr become jdm+spoon
1997 mb c-class w202 elegance
2003 toyota hilux tiger sport cruiser 4x4 2.5 d4d
2006 kawasaki ksr 111
...........................................................................

ออฟไลน์ Khun Ray

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 02:20:15 »
ผมคิดว่า ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นคนจะจุกจิกแทนรถ แต่รถยุโรปรถจะจุกจิกแทนคน
จริงไหม
:D

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 12:04:30 »
ผมคิดว่า ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นคนจะจุกจิกแทนรถ แต่รถยุโรปรถจะจุกจิกแทนคน
จริงไหม

พณท่านครับ กระผมแปลไม่ออกครับ ช่วยไขก๊อกกระผมด้วย คือมันแปลว่ารถญี่ปุ่นคนจะชอบมากเรื่องแต่งนู่นแต่งนี่ แต่รถยุโรป พอรถจุกจิกเลยไม่มีเวลาแต่งหรือเปล่าครับ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ RhinoMango

  • Very Rhino User
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,290
  • Let's get back to '94.
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2009, 22:48:15 »
ไม่รู้จิขับ ปูโชว มา 17 ปี ไม่เห็นมันจะต้องซ่อมหนักเลย ;D

:. Volkswagen Vento VR6 '94 // :. Nissan NX "กูปรี" '94

You can Follow me on Twitter : @rhinomango

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2009, 00:27:48 »
เค้าทำเครื่องให้ทนไง จะให้เครื่องมันdecompose ตัวเองภายใน 20ปีด้วยก็กระไรอยู่นา
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,333
Re: ทำใม เครื่องญี่ปุ่น ถึงได้ทนกว่าเครื่องยุโรป
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2009, 17:37:06 »
 :D...............cooling system better than European engine...........bye

                                                                      aircrew