« เมื่อ: เมษายน 30, 2011, 01:39:56 »
ตั้งชื่อกระทู้แบบนี้เพราะมีประสบการณ์ตรงกับลักษณะขับขี่ที่ผมได้พบมาในสัปดาห์นี้นะครับ เกริ่นหน่อยนะ
วันพุธประมาณก่อนเที่ยงผมขับรถอยู่ในซอยมหาดไทย (ลาดพร้าว 122มั้ง) สอนเสร็จก็มุ่งหน้าถ.ลาดพร้าวกลับไปทานข้าวที่บ้านครับ
ขับไหลไปเรื่อยๆความเร็วพอเหมาะ ทีนี้ มีแอ็กขอด G6 โผล่หัวมา ในซอยย่อยด้านขวา เห็นไฟเลี้ยวซ้ายกระพริบครับ
แน่นอนในเมืองไทยที่รถวิ่งด้านซ้าย หากเขาจะเลี้ยวซ้ายออกมาจากทางขวาแล้วอยู่ทางขวาของผม ผมวิ่งทางซ้าย เราไม่เกี่ยวข้องกันแน่นอน
แต่ว่า!! ผ่านไป ไฟสองสามแว่บ รถคันนั้นก็โผล่หัวออกมาอีก เกือบถึงเส้นแบ่ง ผมก็ เฮ้ย!! ทำไมแม่งโผล่ออกมาไกลจังวะยังไม่หักพวงมาลัยเลี้ยวเลย
ดังนั้นจึงบีบแตรเตือนไปสองสามจังหวะ สั้นๆพอสมควรครับ พอเลยคันนั้นหางตาขวาก็ อ๋อ ไอ้นี้เปิดไฟฉุกเฉินแล้วจะตรงนี่หว่า!!
อีกคืน ที่ผ่านมาผมไปส่งเพื่อนสาว อยู่บนถนนลาดพร้าว เลนกลาง ครุยส์ไปเรื่อยๆ ก็มีอีคลาส 211 เลี้ยวซ้ายออกมาจากชายคาพักกาย
ออกมาไม่ทันไร มันก็ปาดขวาจะเข้ามาเลนกลางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว เกือบเบียดผมแล้ว ประชิดด้วย ก็จัดแตรยาวๆไปหน่อยครับ เมาแน่นอน
เรื่องพวกนี้เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงทราบดีล่ะครับแต่เมื่อคราวผมได้เจอเองก็อยากมาแบ่งปันให้ได้ทราบบ้าง
โดยเฉพาะกรณีแรกมันเป็นการยืนยันจริงๆว่าถ้าทำแบบนี้ใช้ไม่ได้นะ ขาดตรรกะครับ
เพราะหากผู้ขับขี่อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เห็นแบบผม ไฟเลี้ยวซ้าย เพียงข้างเดียว นั่นหมายความว่าเราสามารถเข้าใจว่าเขากำลังจะเลี้ยวซ้ายได้เท่านั้น ไม่อาจเห็นไฟที่กระพริบอยู่อีกข้างได้เลย ลองเปลี่ยนสถานการณ์ คือไม่สามารถเห็นไฟเลี้ยว นั่นคือ หนึ่ง เขาอาจเปิดไฟเลี้ยวขวา นั่นก็คือ เขาต้องการเลี้ยวขวาซึ่งจะต้องตัดกับเส้นทางจราจรของเรา หรือ สอง ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวขวา แต่เราไม่รู้ว่าเขาเปิดหรือไม่ ทำให้มีสองความเป็นไปได้คือจะเลี้ยวขวา ไม่ก็ตรง ซึ่งทั้งสองกรณีนี้เราต้องเกี่ยวข้องกับเขา และตัดสินว่าจะให้ทาง หรือไม่ให้แน่ ก็ต้องให้สัญญานที่ถูกต้องกลับไป ในทางกลับกันถ้าจะเลี้ยวซ้ายก็ต้องเปิดสัญญานไฟให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าเราสามารถไปได้โดยสะดวก
ดังนั้น มั่นใจว่าท่านสมาชิกคิดในด้านนี้ได้ แต่หากใครยังทำอยู่หรือมีผู้รู้จักก็ฝากไปเตือนหน่อยนะครับ
กรณีถัดมาก็ขอสรุปสั้นๆว่าถ้าอยู่ภายใต้อิทธิผลของแอลกอฮอล หรือง่ายๆเมาแล้วอย่าขับเลยครับ
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ