« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2009, 11:56:57 »
ในเมื่อภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากการให้กู้เงินเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่าง ไม่ถูกต้องแล้วเกิดผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่จนทำให้ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐ อเมริกาลดลงทำให้ค่ายรถต่างชาติที่มุ่งมาขุมทรัพย์แห่งนี้เจ็บตัวทุกหย่อม หญ้ายิ่งใครฝังรากลึกกับตลาดนี้มากเท่าไรก็เจ็บทวีคูณ หนำซ้ำค่ายรถญี่ปุ่นทุกค่ายยังเจอมรสุมที่ควบคุมไม่ได้เลยคือ การแข็งค่าของเงินเยน เพราะยิ่งมีการทำธุรกรรมจากฐานญี่ปุ่นมากเท่าไรก็ยิ่งได้กำไรน้อยลงเท่านั้น คิดง่ายๆคือถ้าขายรถได้เท่าเดิมแต่รายได้น้อยลงนั่นเอง ลองคิดสิว่าถ้ายอดขายยอดส่งออกลดลงกำไรจะไม่หดหายไปมากกว่านี้รึ? แล้วไม่มีหนทางหรือคำตอบน่ะมีแน่แต่ขึ้นอยู่กับความกล้าฉีกขนบออกไปหรือ เปล่า
โตโยต้าบริษัทรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ทั้งในตลาดโลกและญี่ปุ่นประกาศทันทีว่าสิ้นปีงบประมาณ 2008 (มีนาคม 2008) ขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆสิบปีสาเหตุหลักก็กล่าวไว้ในย่อหน้าที่แล้วทำ ให้มีมาตรการหยุการผลิต 14 วันในโรงงาน 11 แห่งทั่วญี่ปุ่นในไตรมาสแรกของปี2009 ทำให้ยอดการผลิตลดลงจากปีที่แล้วมากถึง 54%
ฮอนด้าถึงขั้นคิดจะย้ายอา ร์แอนด์ดี (Reasearch and Development) ออกนอกญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว นิสสันยักษ์ใหญ่อันดับ 3 เพิ่งประกาศภาวะ financial crisis เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 คาดการณ์ขาดทุนถึง 2.9 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐหรือ 100 พันล้านบาท เมื่อปิดปีงบประมาณมีนาคม 2009 ขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ต้องออกมาตรการปลดพนักงานออกทั่วโลก 20,000 คน จำนวน 12,000 คน คือในญี่ปุ่นล้วนๆ สาเหตุสำคัญเกิดจากค่าเงินเยนที่แข็งมาก 92.8 เยนต่อ 1 เหรียญสหรัฐ (ผู้เขียนอ้างอิงค่าเงินบาทจากเวบไซต์ xe.com ณ วันที่เขียนต้นฉบับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 เวลาในไทย 10.51 น.)
นาย อเลน ดาซซาน ผู้อำนวยการด้านไฟแนนซ์ของนิสสันให้สัมภาษณ์รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับ การโยกฐานผลิตรถคอมแพคท์ไปยังประเทศเม็กซิโกวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 กล่าวว่า “ค่าเงินเยนที่แข็งตัวถึง 90 เยนต่อ 1 เหรียญสหรัฐทำให้เราสูญเงินไป เราจึงต้องหยุดการผลิตรถบางรุ่นในญี่ปุ่นและยกภาระส่งออกรถคอมแพคท์ไปยัง ตลาดตะวันออกกลางให้เม็กซิโกส่งออกแทน ถ้าค่าเงินยังคงที่ 90 เยนต่อดอลล่าร์อยู่ตลอดเราคงต้องทำอะไรสักอย่าง “ ปกตินิสสันญี่ปุ่นรับหน้าที่ส่งออก Tiida ไปยังตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทำยอดขายหลักหนึ่งของ โลก ขณะที่ฐานการผลิตเม็กซิโกจะประกอบ Tiida/Versa จากโรงงาน 2 แห่งเพื่อส่งตลาดทวีปอเมริกาเหนือ,ละตินอเมริกา,ยุโรป ล่าสุดตลาดใหม่ก็คือตะวันออกกลางแทนที่ญี่ปุ่นเท่ากับว่าโรงงานโอปามา ญี่ปุ่นผลิตป้อนสำหรับตลาดในประเทศเท่านั้น ผู้เขียนคาดการณ์ว่าแนวโน้มที่จะย้ายฐานการประกอบ Tiida โฉมใหม่จากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยทั้งกระบิก็น่าจะมีความเป็นไปได้
ส่วน รายละเอียดการย้ายฐานการผลิต Nissan March มายังประเทศไทยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายฐานการผลิตต้นทุนต่ำ (Leading Competitive Countries) 5 ประเทศอันได้แก่ ไทย อินเดีย จีน เม็กซิโก และประเทศที่ยังไม่ระบุนามอีกแห่งหนึ่งเพื่อส่งออกในตลาดโลก 150 กว่าประเทศ การโยกไลน์การผลิต March จากญี่ปุ่นมาประเทศไทยยกกระบิ(ไม่ประกอบในญี่ปุ่นอีกต่อไป)คือตัวอย่างของ แผนการนี้เน้นการลดต้นทุนการผลิตลงได้ 30% เพราะค่าแรงต่ำและจัดหาชิ้นส่วนภายในประเทศให้มากถึง 90% ในแต่ละฐานการผลิตก็ถือว่าเป็นการฉีกขนบของค่ายรถญี่ปุ่นเพราะส่วนใหญ่รถยอด นิยมหรือรถสำหรับขายตลาดโลกมักจะประกอบที่ญี่ปุ่นและเป็นฐานส่งออกหลักแต่นิ สสันกลับฉีกตัวเองด้วยการโยกฐานผลิตรถยอดนิยมไปยังฐานผลิตต้นทุนต่ำแทน ประเทศพัฒนาแล้วอย่างอังกฤษ,อเมริกา ที่มีปัญหาด้านต้นทุนสูงมากก็คงเรียกว่าตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่าให้คาราคาซัง เหมือนในอดีต ประเทศไทยจะส่งออกไปยังตลาดอาเซียน,ญี่ปุ่น,โอเชียเนีย และเอเชียบางประเทศ
Nissan March โฉมใหม่คือ 1 ใน 3 โมเดลโครงการยักษ์ Global A-platform project ที่ช่วยแก้ปัญหารถขนาดเล็กของนิสสันจากเดิมมีขายกันแค่ญี่ปุ่นและยุโรป ประมาณ 58 ประเทศให้กลายเป็นรถยนต์สำหรับตลาดโลกวางจำหน่ายในทุกประเทศที่มีแบรนด์นิ สสันขายกว่า 150 ประเทศทั่วโลกโดยให้ฐานการผลิต ไทย อินเดีย จีน รับผิดชอบป้อนตลาดโลก นอกจากโมเดลนี้ยังมีรถอีก 2 โมเดลคือซับคอมแพคท์ซีดานตลาดเดียวกับ วีออส,ซิตี้และอาวีโอ และรถเล็กท้ายตัดอีก 1 รุ่น วางขายทั่วโลกด้วย เป็นการออกสินค้าที่เข้ากระแสนิยมในปัจจุบันที่คนหันมาเล่นรถขนาด A-B segment มากขึ้นไปเรื่อยๆยากที่สร่างซาในระยะสั้นๆ
ดังนั้น ประเทศไทยในฐานะบริษัทลูกของนิสสัน มอเตอร์ญี่ปุ่นอย่างเต็มตัวจึงมีรถใหม่มาจำหน่ายเพิ่มอีกมากภาย ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2012 จะมีรถรุ่นใหม่ทั้งโมเดลเชนจ์และโมเดลใหม่10-13 รุ่น (ไม่นับไมเนอร์เชนจ์ และตัด X-trail,Murano ทิ้งได้เลย)) มีรถใหม่ประกอบในประเทศอย่างต่ำ 7 รุ่น ถ้าลองนับแล้ว Product Portfolio เมื่อถึงตอนนั้นจำนวนจะพอๆกับเจ้าตลาดอันดับ1คือโตโยต้าเลยทีเดียว หรือเหนือกว่าเมื่อเทียบกับฮอนด้าที่จะต้องมีสินค้าขาย 7 รุ่น ทำให้นึกถึงสมัยสยามกลการในยุคถาวร พรประภาที่มีโมเดลให้เลือกหลากความต้องการเพียงแต่ว่ายุคนี้ความต้องการมัน หลากหลายและซับซ้อนขึ้นมากก็เท่านั้นเอง