ข่าวการย้ายไลน์รถกระบะ Nissan Navara ไปยังโรงงาน Mitsubishi แหลมฉบังเมื่อเดือนธันวาคม 2010
ตามข่าวดังนี้
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,9235.msg130742.html#msg130742บัดนี้ ความชัดเจนก็ใกล้เข้ามาแล้ว ครับ ซึ่งก็ตรงกับข่าวที่ได้ยินว่าปลายปีก็ย้ายไลน์แล้ว
นั่นก็ทำให้โรงงาน Nissan มีเนื้อที่ว่างเดือนละประมาณ 6-7 พันคัน
---------------------
นิสสันปล่อยดาบสองถล่มอีโคคาร์ โยกกระบะ"นาวารา"ไปรง.มิตซูฯ เคลียร์พื้นที่ขึ้นไลน์ "มาร์ช" 4 ประตู
นิสสันเตรียมถล่มดาบสองอีโคคาร์ ซุ่มศึกษาโปรเจ็กต์ โยกไลน์ผลิตปิกอัพ "นาวารา" ไปโรงงานมิตซูบิชิแหลมฉบัง เคลียร์พื้นที่รองรับการผลิต "มาร์ช" รุ่น 4 ประตู ดีเดย์ปลายเดือนกันยายนนี้
แหล่งข่าวระดับบริหารจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ 2 บริษัทค่ายรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส และนิสสัน มอเตอร์ได้เตรียมความพร้อมในการย้ายไลน์ประกอบรถยนต์ปิกอัพขนาด 1 ตัน นิสสัน นาวารา ซึ่งเดิมประกอบที่โรงงานนิสสัน ก.ม. 21 บางนา ไปผลิตที่โรงงานของมิตซูบิชิแหลมฉบัง (โรงงานที่ 1) แทน
ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง ระหว่างนิสสัน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นว่าจะมีการร่วมทุนกันคือ 1.ในส่วนของการผลิต หรือโออีเอ็ม โดยนิสสันจะผลิตรถยนต์ "light van" ให้กับมิตซูบิชิเพื่อจำหน่าย สำหรับตลาดในประเทศญี่ปุ่น และมิตซูบิชิจะผลิตรถยนต์ประเภทปิกอัพดัดแปลง หรือพีพีวีให้นิสสันนำไปทำตลาดในประเทศแถบตะวันออกกลาง
2.ความร่วมมือกันสำหรับโครงการใหม่ โดยนิสสันจะประกอบรถปิกอัพขนาด 1 ตัน นิสสัน นาวาราขึ้นที่โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิที่โรงงานแหลมฉบัง และในระยะยาวประเมินผลว่าจะร่วมกันผลิตรถกระบะ 1 ตัน ตัวใหม่ออกมาด้วยหรือไม่ รวมไปถึงการร่วมทุนกันแบบ 50/50 เพื่อวางแผนและผลิตรถยนต์ minicar รุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่น
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการเจรจาถึงความเป็นไปได้และรายละเอียด รวมทั้งศึกษาความพร้อมของการย้ายไลน์ผลิตรถปิกอัพนาวารา ทั้งนี้คาดว่า ภายในระยะเวลา 1-2 เดือนจากนี้ หรือราวเดือนสิงหาคม-กันยายน น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้นิสสันและมิตซูบิชิได้ลงนามสัญญาร่วมธุรกิจในการทำรถ minicar สำหรับตลาดญี่ปุ่น โดยจะเริ่มดำเนินธุรกิจในวันที่ 1 มิถุนายน ด้วยเม็ดเงินลงทุนจำนวน 10 ล้านเยน เป็นการลงทุนในสัดส่วนเท่า ๆ กัน
"โดยส่วนตัวเชื่อว่าทั้ง 2 ค่ายน่าจะต้องเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะค่ายนิสสัน ที่เร็ว ๆ นี้จะส่งรถรุ่นใหม่อย่างนิสสัน มาร์ช 4 ประตูออกสู่ตลาด ทำให้นิสสันยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปรับไลน์ผลิตบางส่วนเพื่อไปรองรับตรงนี้ เพราะปัจจุบันไลน์ผลิตเก๋งเล็กค่อนข้างแน่น" แหล่งข่าวกล่าว
เช่นเดียวกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้นิสสันมีแผนงานที่จะให้บรรดาตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศได้มีโอกาสสัมผัสกับนิสสัน มาร์ช 4 ประตูก่อน โดยจะนำรถไปทดสอบกันที่สนามแข่งรถ อ.แก่งกระจาน และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับบรรดาสื่อมวลชนอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายน หรือตุลาคมนี้อย่างแน่นอน
แหล่งข่าวยังกล่าวต่อไปว่า โรงงานของมิตซูบิชิที่แหลมฉบัง ในส่วนของโรงงานที่ 1 ตอนนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่บางส่วน ซึ่งตามแผนงานจะปรับย้ายไลน์ประกอบรถยนต์ปาเจโรสปอร์ตมาไว้ที่โรงงานที่ 2 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถปิกอัพแทน โดยจะให้พื้นที่ของโรงงานแห่งที่ 1 บางส่วนขึ้นไลน์ประกอบปิกอัพนิสสัน นาวาราแทน ซึ่งคาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมออกมา และจะมีการแถลงข่าวถึงความร่วมมือของทั้งมิตซูบิชิและนิสสันออกมาอีกครั้ง
จากการสอบถามไปยังนายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับว่ากำลังคุยและหารือถึงเรื่องดังกล่าวจริง แต่ทุกอย่างยังไม่ถือว่าเป็นทางการแต่อย่างใด
เช่นเดียวกันกับนายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงเรื่องดังกล่าวว่า จากนโยบายความร่วมมือของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ในขณะนี้ยังคงต้องมีการหารือในรายละเอียดอีกพอสมควร โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของการใช้ชิ้นส่วนรวมกันของทั้ง 2 ค่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมิตซูบิชิมีกำลังการผลิตจากโรงงานทั้ง 2 โรง คือ โรงงานที่ 1 ซึ่งผลิตรถยนต์นั่งแลนเซอร์ ซีเอ็นจี, แลนเซอร์ อีเอ็กซ์, สเปซ แวกอน และปาเจโร สปอร์ต ซึ่งมีกำลังการผลิตร่วม 60,000 คันต่อปี ขณะที่โรงงานที่ 2 ซึ่งผลิตรถปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน กำลังการผลิต 140,000 คันต่อปี
นอกจากนี้ยังมีโรงงานในส่วนของโรงงานแห่งที่ 3 ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ จะใช้สำหรับผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่บริษัทได้เข้าร่วมในโครงการรถอีโคคาร์กับทางรัฐบาลไทย ซึ่งตามแผนงานนั้นคาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่ 150,000 คันต่อปีในระยะแรก และจะเพิ่มเป็น 200,000 คันต่อปีในอนาคต และจะมีการจ้างงานเพิ่มอีก 3,000 อัตรา ส่วนนิสสันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 147,000 คันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศที่ 76,000 คัน ส่วนที่เหลือ 158,000 คัน เป็นการรองรับตลาดส่งออก
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1307504677&grpid=&catid=08&subcatid=