ผู้เขียน หัวข้อ: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง  (อ่าน 12009 ครั้ง)

ออฟไลน์ osment

  • Internship
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 791
จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 01:13:01 »
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอ่านเจอในเว็บ Dek-D.com
ผมอ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจมากเลยครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำแท้งครับ
อยากให้เพื่อนพี่น้องชาว HML ได้อ่านกัน

---------------------------------------------------------------------------------

คนไข้ชื่อ นางสาววิมวล อายุ 16 ปี

ป้ายหน้าเตียงเขียนว่า Septic abortion (ติดเชื้อจากการทำแท้ง)

นางสาววิมวล เป็นนักเรียนชั้น ม.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง พ่อแม่เป็นชาวนา อยู่บ้านนอก

ส่งเธอเรียนหนังสือในเมือง ให้เช่าหอพักเอกชนอยู่

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนร่วมห้องกลับบ้าน วิมวลบอกไม่กลับ จะทำการบ้านอยู่ที่หอ

วันจันทร์เย็น เมื่อเลิกเรียน เพื่อนกลับมาที่หอ พบวิมวลนอนตัวร้อนจัดอยู่ที่ห้อง จึงพามาโรงพยาบาล

หมอมานพ แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉิน ตรวจนางสาววิมวลและบันทึกไว้ว่า

\"คนไข้อายุ 16 ปี เพื่อนร่วมห้องพามาส่งโรงพยาบาล บอกว่า มีไข้สูง ไม่พูดไม่จา ตรวจร่างกายพบว่า

หน้าตาซีด ร่างกายขาดน้ำ ปากและลิ้นแห้ง ไข้สูงมาก 41 องศาเซลเซียส ซึม ถามคำตอบคำ

ตามตัวมีจ้ำเลือดสีม่วงขึ้นทั่วตัว ปอดปกติ หัวใจเต้นเร็วและเบา

หน้าท้องนูน แข็ง คลำพบก้อนโตจากหัวหน่าวขึ้นมาเหนือสะดือหนึ่งฝ่ามือ ฟังหัวใจเด็กทารกในครรภ์ไม่ได้

มีเลือดกลิ่นเหม็นไหลซึมออกมาจากช่องคลอด วินิจฉัย ส่งสัยไปทำแท้งเถื่อนมา\"

หมอมานพปรึกษาฉัน ให้มาดูนางสาววิมวลโดยด่วน เพราะความดันคนไข้ต่ำมาก

เมื่อฉันไปถึงห้องฉุกเฉิน หมอมานพสั่งการให้เลือด ให้น้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะ ฆ่าเชื้อโรคไปแล้ว

ฉันตรวจภายในนางสาววิมวล และบันทึกไว้ว่า

\"อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกปกติ ช่องคลอดสีคล้ำ เป็นลักษณะของคนตั้งครรภ์

มีน้ำเลือดกลิ่นเหม็นไหลออกมา ปากมดลูกมีการฉีกขาด เหมือนกับถูกสอดวัสดุแข็งเข้าไปด้านใน

มดลูกโตเท่ากับคนตั้งครรภ์เจ็ดเดือน\"

ฉันลากเครื่องอุลตร้าซาวนด์มาตรวจหน้าท้องของนางสาววิมวล จริงดังคาด

เธอตั้งครรภ์เจ็ดเดือน ในโพรงมดลูกมีเด็กทารกนอนขดในท่าขวาง \"เด็กนั้นเสียชีวิตแล้ว\"

และไม่มีน้ำครำเหลืออยู่เลย

\"หนูวิมวล\" ฉันเรียกเธอ เธอลืมตา

\"ไปทำแท้งที่ไหนมา\"

เธอลืมตาด้วยความยากลำบาก มองไปที่กระเป๋าเสื้อนักเรียนที่เธอสวม

ฉันเอามือล้วงดู เป็นเบอรฺโทรศัพท์มือถือ ของใครสักคน

อาการของนางสาววิมวลรุนแรงมาก ผลการตรวจเลือด พบว่ามีการติดเชื้ออย่างรุนแรง

จนทำให้เลือดในกายไม่แข็งตัว

ฉันรีบรับเธอไว้ในห้องไอซียู สั่งให้ยาฆ่าเชื้ออย่างดีที่สุดถึงสามชนิด

เพื่อให้ฆ่าเชื้อโรคที่เกิดจากการทำแท้งเถื่อนให้ได้

สั่งให้น้ำเหลือง (Palsma) และเกร็ดเลือด เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัว

ถ้าเลือดแข็งตัวดีขึ้นฉันจะผ่าตัดเอาเด็กที่ตายออกจากครรภ์

ส่งการรักษาวิมวลเสร็จ ฉันเชิญเพื่อนของวิมวลที่ส่งเธอเข้าโรงพยาบาลมาพบ เพื่อนนางสาววิมวล ชื่อ ลำดวน

ลำดวนหน้าตาซีดเผือดกลัวความผิด เมื่อฉันซักไซ้ไล่เลียง

\"พ่อแม่ของวิมวลอยู่ที่ไหน\"

\"อยู่บ้านไผ่ประทับทรง\" ลำดวนบอกชื่อหมู่บ้านที่อยู่รอยต่อของจังหวัด

ห่ างจากที่นี่เป็นร้อยกิโล และหนทางไปมาไม่สะดวก

\"พ่อแม่เขามีโทรศัพท์มือถือไหม\"

\"ไม่น่าจะมี เห็นวิเล่าว่า ไฟฟ้าเพิ่งเข้าปีนี้เอง\"

\"แล้วแฟนของวิมวลเป็นใคร\"

\"หนูไม่รู้\" ลำดวนรีบปฏิเสธปากคอสั่น

\"หนูรู้ไหมว่า วิมวลท้อง\"

\"หนูไม่รู้จริงๆ หนูไม่ได้สนใจวิเลย จะไปไหนมาไหน ก็ไม่เคยถาม\"

\"แล้วหนูรู้ไหมว่า วิมวลไปทำแท้งที่ไหน\"

\"หนูไม่รู้\"

\"งั้นหนูช่วยติดต่อพ่อแม่ของวิมวล ว่า วิมวลป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้

หนูจะติดต่อได้ใหม\"

\"ได้ค่ะ\" หน้าตาลำดวนแช่มชื่นขึ้น เมื่อฉันหยุดซักไซ้เธอ

เบอร์โทรศัพท์นี้ของใคร...?

วันรุ่งขึ้น การแข็งตัวของเลือดดีขึ้น ไข้ลดลง แต่ปัสสาวะของวิมวลเริ่มออกน้อย

นั่นคือไตของวิมวลเริ่มวาย จากการติดเชื้อในร่างกาย ร่วมกับสารพิษที่หมอเถื่อนฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก!

ฉันรู้จากประสบการณ์ ในทันที

วิมวลตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ เธอจึงไปทำแท้งโดยวิธีให้หมอเถื่อนฉีดน้ำยาเข้าไปในโพรงมดลูก

วิธีนี้นอกจากสามารถฆ่าเด็กทารกในครรภ์แล้ว ยังทำให้น้ำครำรั่วออกมา เกิดการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์ คลอด

หรือแท้งได้

วิธีนี้เป็นวิธีโบราณที่หมอเถื่อนนิยมทำเมื่อมีการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ขนาดท้องสี่เดือนขึ้นไป

และทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัยยี่สิบก่อน ตั้งแต่ฉันยังเป็นนักศึกษาแพทย์

การทำแท้งวิธีนี้ง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไร อาศัยคนที่รู้จักว่า ปากมดลูกอยู่ตรงไหน เท่านั้นก็พอ

พวกเขาใช้ท่อแยงยัดเข้าไปในโพรงมดลูก และฉีดน้ำยาเข้าไป

การทำแท้งแบบนี้ ผู้ทำแท้งไม่ต้องลงทุนอะไร ไม่ต้องสนใจว่าเด็กทารกในท้องจะโตเท่าไร

เพราะเด็กก็ไม่ใช่ลูกของเขา มดลูกก็ไม่ใช่มดลูกของเขา

มิหนำซ้ำ ผู้ทำแท้งเถื่อน ยังสั่งผู้ทำแท้งอย่างหน้าชื่นตาบานหลังจากเก็บเงินอัตรา มาตรฐาน

คือเดือนละพัน ว่า

\"ใจเย็นๆ เดี๋ยวเด็กจะแท้งออกมาเอง ภายในสองวัน ถ้าปวดท้องมาก หรือไม่แท้ง ให้ไปหาหมอในโรงพยาบาล

เดี๋ยวหมอก็จะเอาเด็กในท้องออกให้เอง\"

แต่...ผู้ทำแท้งเถื่อนไม่ยอมบอกหญิงผู้เคราะห์ร้ายว่า

\"คุณอาจจะต้องเสียมดลูก และเสียชีวิตได้\"

โดยเฉพาะวิมวล เด็กทารกอยู่ในท่าขวาง เด็กไม่สามารถแท้งออกมาได้เอง ต้องผ่าตัดออกประการเดียว

พ่อแม่ของวิมวลมารอพบฉันที่หน้าห้องไอซียูแล้ว

\"ลูกวิเป็นอย่างไรบ้างหมอ\" พ่อแม่ของนางสาววิมวลถามพร้อมกัน

\"วิมวลตั้งครรภ์เจ็ดเดือน เขาไปทำแท้งเถื่อนมา มีการติดเชื้อจากการทำแท้ง อาการหนัก

เด็กทารกในครรภ์ตายไปแล้ว ตอนนี้ไตของวิมวลเริ่มผิดปกติ\" หน้าตาฉันเคร่งเครียด

แม่เรอเอิ้ก หน้าตาซีดเผือด เขาทรุด พ่อเข้าประคองไว้

\"เป็นไปได้อย่างไร ลูกคนเดียว ลูกคนดีของเรา\" แม่พร่ำพรรณนา

วิมวลเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ เรียนเก่ง และได้ทุนเรียนดีมาตลอด

นี่เองที่ทำให้พ่อแม่ส่งเธอมาเรียนต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัด เพื่อให้ลูกมีอนาคตที่สดใสกว่าพ่อแม่

การตั้งครรภ์ไม่ได้แสดงว่า วิมวลเป็นคนไม่ดี สังคมปัจจุบันมีสิ่งเย้ายวนมากมาย ถ้าอ่อนต่อโลก

ก็อาจจะพลาดได้

\"ที่บ้านพ่อแม่ หรือญาติๆ มีโทรศัพท์มือไหมคะ\" ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจ

\"ไม่มีเลย\" พ่อตอบอย่างสงสัย

\"ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ\" ฉันกลบเกลื่อน

\"พอรับวิมวลไว้ในห้องไอซียู ก็อยากจะปรึกษาพ่อกับแม่ด่วน เพราะอาจจะต้องผ่าตัดเอาเด็กออก

แต่อาการของวิมวลหนักมาก ไม่รู้ตัว ภาวะการแข็งตัวของเลือดไม่ปกติ ตอนนี้ไตก็ไม่ทำงาน

การผ่าตัดอาจจะเสี่ยง\"

\"ถ้าไม่เอาเด็กออกจะเป็นอย่างไร\" พ่อถามขณะแม่เอามืออุดปากร้องไห้

\"ถ้าไม่เอาออก เด็กทารกที่ติดเชื้อจากการทำแท้งเถื่อนที่ไม่สะอาด ก็เป็นแหล่งแพร่เชื้อ

อาการก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม

\"ผ่าเถอะหมอ\" พ่อบอก

\"ถ้าผ่าตัด โอกาสรอดแค่ห้าสิบห้าสิบ ถ้าไม่ผ่า แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย\"

สิ้นคำพูดของฉัน แม่ทรุดลงในอ้อมกอดพ่อ

ไม่ใช่เพราะฉันเป็นหมอที่โหด แต่รายของนางสาววิมวล การบอกความจริงเป็นสิ่งที่พึงต้องกระทำ

เพราะอาการของวิมวลแย่ลง จนไม่อาจจะหายใจเองได้แล้ว

ฉันผ่าตัดเข้าช่องท้องของวิมวล ใช้ยาสลบอ่อนที่สุด

เพราะร่างกายของเธอแทบไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ

อนาจใจนัก เมื่อเห็นมดลูกของวิมวลมีรอยทะลุจากการถูกของแข็งแทงหลายรู มีสีคล้ำ และกำลังเน่า

ในช่องท้องมีหนองและส่งกลิ่นเหม็น

ฉันตัดสินใจตัดมดลูก โดยวิธี Subtotal hysterectomy เพื่อใช้เวลาสั้นที่สุด

เพียงสิบห้านาทีการผ่าตัดก็สิ้นสุด

มองเด็กทารกในมดลูกที่เน่าเละ มีสีม่วงคล้ำ ส่งกลิ่นเหม็น คะเนจากสายตาถ้ายังไม่ตาย

เด็กต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลกรัม

ออกจากห้องผ่าตัด วิมวลกลับไปอยู่ที่ห้องไอซียู

ไม่น่าเชื่อว่า หลังการผ่าตัดมดลูกทิ้ง แม้เธอจะใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่เธอลืมตาได้

และเขียนหนังสือคุยกับพ่อแม่ได้

\"พ่อแม่จ๋า หนูขอโทษ\" เธอเขียนดังนี้

\"ใครทำลูกท้อง\" พ่อแม่คาดคั้น

เธอสั่นหน้าน้ำตาไหล

ฉันบอกพ่อแม่ของเธอเป็นส่วนตัว

\"วิมวลเขาอยากได้กำลังใจ พ่อแม่อย่าไปทำให้เขาเครียดไปกว่านี้\"

วันที่สองของการออกมาจากห้องผ่าตัด พ่อแม่เข้าเยี่ยมเหมือนเคย วิมวลรีบลืมตาเมื่อพ่อแม่เข้าใกล้

\"วิ พ่อแม่เข้าใจลูก พ่อแม่อภัยให้ลูก ขอให้ลูกหายใวๆ\" พ่อแม่บอก

นางสาวิมวลยิ้ม ใบหน้าแจ่มใสขึ้นมาทันที

\"ลูกต้องหายแน่ๆ หน้าตาลูกแจ่มใสเป็นคนละคนกับวันแรกที่เรามาหาลูก\" แม่บอกพ่ออย่างดีใจ

คืนนั้นเอง พยาบาลห้องไอซียูรายงาน

\"ความดันของวิมวลเหลือเจ็ดสิบห้าสิบ ปัสสาวะไม่ออกเลย\"

\"ให้โดปามีน\" ฉันสั่งให้ยาเพิ่มความดันโลหิต และรีบไปดู วิมวลนอนนิ่ง

ความดันลดลงจนคลำไม่ได้ ไม่ตอบสนองต่อยาที่รักษา

\"ปั้ม\" ฉันส่งสัญญาณ เมื่อเสียงแหลมของเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจร้องเตือน

ก่อนคลื่นไฟฟ้าหัวใจของวิมวลจะแบนราบ

ฉันรีบปีนขึ้นเตียงไอซียูที่รูดม่านกั้น ไม่ให้เตียงข้างๆเห็น สองมือวางซ้อนกัน กดไปที่หน้าอกวิมวล

เด็กสาวอายุ 16 ปี

\"พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ\" เสียงปั้มหน้าอก

\"ฉีดอดรีนาลีน และไบคาร์บ\" ฉันสั่งฉีดยากระตุ้นหัวใจ และลดความเป็นกรดของเลือด

การปั้มหัวใจช่วยชีวิต ดำเนินไปถึงสองชั่วโมง ไม่อาจพาชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งกลับคืนมา

\"เชิญพ่อแม่ของวิมวล พบหมอด้วย\" ฉันบอก

พ่อแม่ของวิมวล นอนเฝ้าดูลูกสาวที่หน้าห้องไอซียูนี่เอง

เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวดของแม่และพ่อ ที่ตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้ความจริงว่า

วันต่อไปนี้จะไม่มีลูกสาวที่ชื่อวิมวลอีกแล้ว

เป็นเสียงที่ประทับในความทรงจำฉันตลอดมา

ฉันโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่วิมวลให้มา...เป็นชื่อของสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง

เจ้าของสถานพยาบาลนั้นเป็นพยาบาลอายุห้าสิบปี

ฉันรู้ทันทีว่า

นี่คือสถานที่ที่ทำแท้งให้วิมวล...เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อมานานในการรับทำแท้งเถื่อน

โดยที่ไม่มีใครเอาผิด

เมื่อเจ้าของสถานพยาบาลที่รับทำแท้งเถื่อนรับสายและพูดว่า

\"ฮัลโหล\"

ฉันอยากบอกเธอเหลือเกินว่า

\"นางสาววิมวลตายพร้อมลูกในท้องไปแล้ว\"

แต่ที่ทำได้ คือค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลง โดยไม่ส่งเสียง

ฉันถามตนเองว่า ใครผิด

พ่อแม่ที่ส่งลูกมาเรียนไกลหูไกลตา ?

เด็กสาวที่หลงระเริงกับความรัก ความใคร่ ?

ผู้ชาย ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ?

ครูบาอาจารย์ที่ไม่อาจสอนเด็กให้มีศิลธรรมและความยับยั้งชั่งใจ ?

สังคม ที่มีแต่เรื่องลามก อนาจาร และสนุกสนาน ?

คนทำแท้งเถื่อน ?

หมออย่างฉันที่ไม่สามารถรักษาชีวิตเธอไว้ได้ ?

กฏหมายที่หย่อนยาน ไม่สามารถเอาผิดกับคนรับทำแท้งเถื่อน ?

หรือกฏหมายการทำแท้งที่ล้าสมัยไม่รับกับเหตุการณ์บ้านเมืองและสังคม ?

แม้ในวันนี้ ปัญหาความสัมพันธ์ทางเพศจะพลิกโฉม การร่วมเพศตั้งแต่วัยเรียน

เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป...แต่กฏหมายการทำแท้ง ยังเป็นกฏหมายของกว่ายี่สิบปีก่อน

...นั่นคือ การทำแท้งที่ถูกกฏหมาย คือการทำแท้งเพื่อการรักษา...โดยแพทย์

เมื่อพิจจารณาเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้ครรภ์ดำเนินต่อไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาและเด็ก

หรือครรภ์ที่เกิดจากการข่มขืนที่มีการแจ้งความตามกฏหมาย

การทำแท้ง เมื่อไม่พร้อมจะมีลูก เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ผิดศิลธรรม

แล้วทางออก ของเด็กวัยเรียนที่พลาด ไม่พร้อมจะมีลูก อยู่ที่ไหน ?

\"อัฑฒฺ เจว ทฬิทฺทา จ สพเพ มจฺจุปรายนา ...ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า\"

แม้คนเราทุกคนเกิดมาต้องตาย...แต่วิมวลตายจากไปโดยไม่สมควรอย่างยิ่ง

คุณล่ะ คุณคิดว่าใครทำให้วิมวลต้องตายก่อนวัยอันสมควร ?


Credit : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=923043#ixzz1OzagOrdP


ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,988
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 01:40:46 »
สิ่งหนึ่งที่ผมกลัวเกี่ยวกับ การพยายามทำให้บุหรี่ผิดกฎหมายก็คือ บุหรี่เถื่อนเป็นพิษ

ท่านอาจจะงง ว่าผม reply คนละเรื่องเลย แต่มาดูนี่ก่อน

Prohibition Era ใน USA ห้ามกินเหล้า = เหล้าเถื่อนโต = มาเฟียรวยครองเมือง
ยกเลิกหวยใต้ดิน = เจ้ามือหวยรวย = อาชญากรรมเกิด
ห้ามทำแท้งก์ = คลินิกแทงก์เถื่อน = เกิดอันตรายกับแม่ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

ผมมอง Sex เหมือนกับเหล้า บุหรี่ นะครับ คือมันเป็นอบายมุขที่ พลาดได้ และทำใจเลี่ยงได้ยาก
บุหรี่ ดูดแล้วปอดพัง ก็ยังดูด
เหล้ากินแล้วเกิดตับแข็ง ก็ยังกิน
อึ้บกันแล้ว อาจท้อง หรือติดโรค ก็ยังทำ

บางที การนำมันขึ้นมาบนดิน อาจจะควบคุมได้ง่ายกว่าก็ได้ครับ

คิดดี ทำดี สังคมดี แต่พลาดแล้วต้องมีทางถอยครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,615
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 01:57:32 »
นี่ก็เป็นอีกเคสหนึ่ง ที่ผมมองว่า ผู้ใหญ่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในบ้านเรา "ล้มเหลวในการแก้ปัญหานี้โดยสิ้นเชิง"

ผมกลัวว่าคืนนี้ผมจะนอนฝันร้ายด้วยเรื่องนี้

และผมกลัวที่จะต้องตื่นขึ้นมาเจอความจริงว่า ปัญหานี้ มันยังไม่มีการแก้ไข

ถ้าแค่พ่อแม่ กล้าสอนลูก ว่า "ใส่ถุงเสมอทุกครั้งนะลูก พุดเผื่อไว้ก่อน กลัวจะห้ามใจไม่ไหว"
ถ้าแค่ ผู้ชาย มันไม่หงี่เงี่ยน เอาแต่สนุกตามอำเภอใจ
ถ้าแค่ ครู อาจารย์ในโรงเรียน ใส่ใจในหน้าที่ ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู
ถ้าแค่ สังคม มีทางออกที่ดีให้กับคนที่พลาดพลั้งมา ไม่ใช่จะกระทืบจนจมดิน อย่างที่เป็นกันอยู่

ถ้าทุกฝ่าย ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ไม่ใช่แค่ทำอะไรลูบหน้าปะจมูก ไม่ใช่แต่จะหาเงินซื้อข้าวใส่ปากเลี้ยงท้อง

ทุกเรื่องในเมืองไทย จะคลี่คลายลงได้ แค่พวกเราทั้งหมด ช่วยกัน แค่นั้นเลย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,447
  • Long live M/T
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 02:07:13 »
อันนี้มันจะพาความเห็นเข้าไปที่มุมมองส่วนตัวมาก ผมไม่รู้จะยกเหตุผลดีๆมายังไง ทุกข้อล้วนมีเหตุผลสนับสนุน

แต่ถ้าถามผม
เรื่องแบบนี้

มันอยู่ที่ตัวผู้ชายนั่นล่ะที่จะพาชีวิตผู้หญิงคนนึงไปเจออะไร
ถ้าผู้ชายทำในสิ่งที่เขาคิดไว้ดีแล้วเสมอและรับผิดชอบต่อฝ่ายหญิงเสมอ
เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด

เรื่องแบบนี้โยนขี้ให้ใครก็ได้ แต่การพัฒนาจิตและสำนึก ต้องเล็งไปที่ผู้ชาย
ซึ่งควรหาวิธีให้เขารู้ก่อนให้ได้ว่ารักใครจริง มันต้องทำอย่างไร
ในสังคมที่มองการทำแท้งเป็นการฆ่าคน ก็ต้องบอกว่าถ้ามีเซ็กส์กันแล้วมีลูก
คุณเลือกได้ทางเดียวคือต้องเลี้ยง ต่อให้ตัวคุณตายทั้งเป็นก็ต้องเลี้ยงให้ได้
เอาไปฝากที่อื่นก็ไม่ได้..บาป...ทำแท้ง..บาปฆาตกรรม

ผมอยู่ในฝ่ายที่มองว่าเราต้องยังคงค่านิยมว่าการตั้งครรภ์เมื่อภาวะรอบตัว
ยังไม่พร้อมนั่นคือบาปประการที่ 1 การทำแท้งเป็นแค่การเลี่ยงบาปข้อนึง
ไปอีกข้อนึง

แต่พูดให้คิด ว่าบาปประการหนึ่ง ..ไปอยู่ประเทศไหนก็บาป
บาปประการที่สอง..บางประเทศทำได้นะ แม้ไม่ถือว่าเสรีจนไม่มีใครด่า
ทางเดียวที่จะไม่เผชิญบาปสองข้อก็คือรู้ถึงความเสี่ยง รู้ถึงผลที่ตามมา
รู้ถึงสิ่งที่จะต้องยอมแลกเมื่อความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้นจริง

ถ้ารู้แล้วยังห้ามอะไรมันไม่ได้ ..อันนี้ก็จนแล้วซึ่งปัญญา

แต่ถ้ามันมีบาปจากการทำแท้งข้อหาฆ่ามนุษย์ ผมก็สงสัยเหลือเกินว่าการที่
เราคอยสาปแช่งการทำแท้งเสียจนเด็กสาวหลายคนต้องย่องไปทำแท้งจนติดเชื้อตาย
แบบน้องวิมวล..มีมนุษย์ถูกฆ่าไป 2 คน

มันน่าจะเป็นบาปที่หนักที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?




- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,988
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 02:17:23 »
นี่ก็เป็นอีกเคสหนึ่ง ที่ผมมองว่า ผู้ใหญ่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในบ้านเรา "ล้มเหลวในการแก้ปัญหานี้โดยสิ้นเชิง"

ผมกลัวว่าคืนนี้ผมจะนอนฝันร้ายด้วยเรื่องนี้

และผมกลัวที่จะต้องตื่นขึ้นมาเจอความจริงว่า ปัญหานี้ มันยังไม่มีการแก้ไข

ถ้าแค่พ่อแม่ กล้าสอนลูก ว่า "ใส่ถุงเสมอทุกครั้งนะลูก พุดเผื่อไว้ก่อน กลัวจะห้ามใจไม่ไหว"
ถ้าแค่ ผู้ชาย มันไม่หงี่เงี่ยน เอาแต่สนุกตามอำเภอใจ
ถ้าแค่ ครู อาจารย์ในโรงเรียน ใส่ใจในหน้าที่ ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู
ถ้าแค่ สังคม มีทางออกที่ดีให้กับคนที่พลาดพลั้งมา ไม่ใช่จะกระทืบจนจมดิน อย่างที่เป็นกันอยู่

ถ้าทุกฝ่าย ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ไม่ใช่แค่ทำอะไรลูบหน้าปะจมูก ไม่ใช่แต่จะหาเงินซื้อข้าวใส่ปากเลี้ยงท้อง

ทุกเรื่องในเมืองไทย จะคลี่คลายลงได้ แค่พวกเราทั้งหมด ช่วยกัน แค่นั้นเลย

ผมว่า ยังไม่ต้องถึงขั้นไปแก้ปัญหาด้วยซ้ำครับ จะเลือกยาเสพติด พนันบอล หรือ แม่วัยรุ่น มันต้องเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ครับ

ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคมที่ผู้ใหญ่กับเด็กไม่เปิดใจให้กันและกัน ผมว่าไม่ต้องพยายามแก้ปัญหาหรอกครับ เพราะคนเราถ้าไม่พูดกัน ก็ไม่มีทางทำอะไรได้ครับ

แต่ถ้ามันมีบาปจากการทำแท้งข้อหาฆ่ามนุษย์ ผมก็สงสัยเหลือเกินว่าการที่
เราคอยสาปแช่งการทำแท้งเสียจนเด็กสาวหลายคนต้องย่องไปทำแท้งจนติดเชื้อตาย
แบบน้องวิมวล..มีมนุษย์ถูกฆ่าไป 2 คน

มันน่าจะเป็นบาปที่หนักที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?




อันนี้คมมากครับ พี่แพน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2011, 02:18:59 โดย YIM (yimyont) »
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,615
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 02:20:54 »
คนที่เริ่มเปิดใจ ควรเป็นผู้ใหญ่....และต้องเปิดให้จริง เปิดให้หมด กล้ายอมรับฟัง
ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ ขอไปที

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,654
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 02:25:39 »
โรงเรียนในไทยผมว่ามันทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  การไปห้ามสิ่งที่ไม่สามารถทำได้นั้นจะไปห้ามทำไม ทำไมไม่คิดจะสอนเด็กให้เข้าใจ  โรงเรียนไทยมีแต่คิดว่าสอนไปแล้วมันจะทำให้เลยเถิด ผมว่าไม่จริงเรื่องแบบนี้เชื่อได้เลยว่าห้ามใครไม่ได้หรอก  การสอนควรจะเป็นการสอนให้เด็กรู้จักป้องกันดีกว่า  คนไหนที่มันไม่บ้าเรื่องพวกนี้ เชื่อเถอะมันก็ไม่บ้าหรอกสอนไปเถอะ ไม่ใช่สอนแล้วเด็กจะไปทำเรื่องแบบนั้นหมด ไม่ใช่เลย  ผมตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเลย  ไอคนที่มันไม่ไหวแล้วห้ามไม่ได้หรอก แต่ถ้าไปสอนให้มันป้องกัน เชื่อเถอะได้ผลกว่าไปห้ามแน่ๆ

ปล.ผมบริสุทธิ์นะ  ;D ;D ;D เกิดมา 20 ปี อยู่มหาลัยปี 3 ไม่มีอ่ะ  ;) ;) ;)

-----

เสริมนิด ถ้ามีการให้ทำแท้งถูกกฏหมาย ปัจจุบันจะมีแว๊นมั้ย ผมเชื่อว่าไม่มี เพราะอะไร พวกแว๊นคือพวกที่พ่อแม่มันไม่รักลูกไม่ใส่ใจลูก  นั่นเชื่อเถอะถ้ามีทำแท้งถูกกฏหมายนะ ไม่ได้เกิดหรอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2011, 02:28:36 โดย 옴 크라비 »
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,059
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 04:21:52 »
พวกแว๊นคือพวกที่พ่อแม่มันไม่รักลูกไม่ใส่ใจลูก  นั่นเชื่อเถอะถ้ามีทำแท้งถูกกฏหมายนะ ไม่ได้เกิดหรอก

อ่านข้อความนี้แล้วไม่สบายใจเลยครับ ยังมีพ่อแม่อีกหลายคน ที่วันๆหาเงินงกๆ อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือ มีอะไรดีๆเหมือนคนอื่น จนไม่มีเวลาดูแลลูก จนลูกเป็นแว๊น   แต่สาเหตุไม่ใช่เพราะพ่อแม่ไม่ใส่ใจหรอกครับ

ส่วนเรื่องทำแท้งถูกกฎหมาย ผมว่ายากพอๆกับ ตั้งโรงนิวเคลียร์แหละ >_< คงต้องรออีกซัก 2 Generation

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,665
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 10:43:06 »
ฟังดูน่าสะเทือนใจครับ
แต่มันเป็นเรื่องจริง ที่โรงเรียนแถวบ้านผมก็มีกรณีแบบนี้ แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต

อยากจะเอาไปเป็นตัวอย่างให้นักเรียนในโรงเรียนแถวบ้านผมดูบ้าง เพื่อที่ว่าอาจจะลดปัญหาแบบนี้ได้บ้าง

และสุดท้าย ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ

*ถึงแม้ว่า ถ้าทำแท้งถูกกฏหมายได้ แต่ปัญหาไม่จบง่ายๆหรอกครับ อาจมีติดเชื้อนู่นนี่อีก
ถ้าไม่เข้มงวดเสียอย่าง ก็เท่านั้นครับ(ไม่พาดพิงใครครับ แค่อยากให้ผู้ปกครองเข้มงวดมากขึ้น)
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,966
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 12:20:25 »
ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำร้ายตัวเอง ที่มาจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นล่ะครับ ช่างน่าสงสาร

ออฟไลน์ *Zatan_p2*

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 905
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 12:40:37 »
ผมว่ามันเกี่ยวกับทุกๆคนนะ  ทั้งเด็ก พ่อแม่ ครูอาจารย์  ภาครัฐ  และทุกๆคน

ครูที่สอนบางคนก็ไม่กล้าจะพูดแบบตรงๆว่าต้องทำอย่างไร   พ่อแม่เด็ก ก็ไม่เคยให้ลูกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง 
มันทำให้เกิดแบบว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ    ตัวเด็กเองก็ไม่ได้ไปไหนเพราะพ่อแม่คอยห้ามตลอดหรือดูในสายตา 
ภาครัฐก็ไม่เคยเห็นปัญหาที่ชัดเจนเอาแต่เกิดเรื่อง แล้วแก้ไปทีหลัง 


แฟนผมก็เคยมีประสบการณ์แบบนั้นเหมือนกัน  แต่ยังดีที่ของแฟนผมมันแท้งเอง   ตอนแรกแฟนผมก็ไม่ได้บอกผมนะ 
แต่แฟนผมมันมีอาการข้างเคียงจากการแท็งมา   แฟนผมก็เลยต้องบอก  ผมก็บอกไปว่า ดีแล้วที่บอกตอนนี้ถ้าเราแต่งงานกันไป
อยากจะมีลูกจะได้บอกหมอหาวิธีช่วยแก้ไข 
เก่งแกมดีเป็นศักดิ์เป็นศรีกว่าเก่งแกมโกง

civicferio

  • บุคคลทั่วไป
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 13:07:36 »
พูดยากในเรื่องจิตสำนึกขิงคน กับในสังคมของไทย  ย้ำนะคะ ว่าไทย

ริงโกะ กล้าพูดได้เต็มปากเต้มคำ ว่าเมือง tolair  ซึ่งคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่จะเป้นสงคมดี แต่ส่วนมากล่ะ??

แล้วทุกวันนี้  ถ้าไม่มี เรื่องภาษีเหล้า บุหรี่  มาช่วยประเทศอยู่

ริงโกะว่า ไม่ต้องมาขายจะง่ายกว่าค่ะ
ฉากสูบบุหรี่ ดืมเหล้า เซนเซอร์ถี่ยิ่งกว่า ABS อีก
แต่ พ่อแม่ จุงเด็ก ผ่านหมู่บ้านเจอวินมอเตอร์ไซค์ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่(ไหนอาจจะมีเล่นยาอีก)   ทำไม่มีโมเสก บ้างล่ะคะ   ของพวกนี้บอกตรงๆ มันควบคุมยากจริงๆ และวัยเด็กน่ะวัยอยากรู้อยากลองกันทั้งนั้น

แต่ สภาพ ครอบครัวน้อยรายที่จะเปิดใจคุยเรื่องนี้ และแนะนำ แนวทางป้องกันและปรับตัวได้อย่างถูกต้อง

ครอบครัวริงโกะ ก็คือเกือบเป็นหนึ่งในนั้น ที่ เจ้าของกระทู้ได้ตั้ง แต่ นั่น คนในครอบครัวเขายังอยู่ในกลุ่มใหญ่ เขายังกลัวบาป และพ่อมีความรับผิดชอบ ถ้าป่านนี้ ละก็ริงโกะคงไม่มาโพสแบบนี้หรอกค่ะ
ยิ่งการดูแลครอบครัว ห่างออกไป และยิ่งบางครั้ง การสอนเรื่องเพศและการปรับตัวช่วงระกว่างวัย ครอบครัวบางท่าน ยังมองว่าเป็นสิง่ที่ไม่สมควรและน่าบอาย (แล้วจะสอนได้เมื่อไร??)

เป็นไงคะ??
ท้องแล้วพลาด ติดเอดส์ ลูกที่ไม่มีพ่อแม่

ไหนอาชญากรรมจากเรื่องอื่นอีก


ถ้าจะพูดว่าทุกฝ่ายในสังคมไทยตอนนี้ ..........ริงโกะว่า ล้มเหลวแล้วค่ะ เพระแม่แต่กระทรวงที่ควบคุมเรื่องนี้ ผลงานยยังไม่เป้นชิ้นเป้นอันได้มากกว่าสร้างกระแส
แม่กรัทั่งพ่อแม่บางท่าน ยัง หัวโบราณว่าเรื่องนี้หยาบคายสำหรับคนไทยค่ะ

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,972
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 23:11:49 »
ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมอง(แคบๆ เล็กๆ)ของผมนะครับ

เรื่องเพศ และ การป้องกัน เอาจากที่อ่านๆมาเยอะๆนะครับ
1.บางครอบครัว ถ้าพูดถึงเรื่องพวกนี้ก็จะหาเรื่องเปลี่ยนเรื่องคุยไป ปล่อยให้เด็กเกาหัว งงต่อไป
2.บางครอบครัวเห็นถุงยางในห้องหรือกระเป๋าลูก โดนด่าเป็นชุด
3.ยับยั้งใจตัวเองไม่ได้  ข้อนี้เนี่ย ขอบอกได้แค่ว่า เกินไป กรุณามองออกไปให้ไกลกว่านั้น ก่อนจะทำอะไรลงไป

แต่ทุกวันนี้สิ่งเร้า ยั่วยวนเยอะมาก แล้วพัฒนาทางร่างกายและการเรียนรู้สิ่งต่างๆก็เร็วขึ้นเยอะมากครับ
คิดดูว่าเด็ก ป.5 โรงเรียนผมรู้เรื่องการ Masturbate กันแล้ว โอ๊ววววโน๊วววว แต่คิดดูอีกทีมันก็ดี เรียนรู้เร็วดีกว่ารู้ช้า แล้วก็ สายไปเสียแล้ว

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ผมยังงงๆอยู่ ใครเอาถุงยางกล่องใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะทำงานผมเนี่ย จะถามทีไรก็ลืมทุกที  :-\
ปล.ผมยัง Virgin นะครับ  รอมีแฟนและแต่งงานก่อนค่อยว่ากัน(ชาติไหนก็ไม่รู้)   :P :P :P

พวกแว๊นคือพวกที่พ่อแม่มันไม่รักลูกไม่ใส่ใจลูก  นั่นเชื่อเถอะถ้ามีทำแท้งถูกกฏหมายนะ ไม่ได้เกิดหรอก

อ่านข้อความนี้แล้วไม่สบายใจเลยครับ ยังมีพ่อแม่อีกหลายคน ที่วันๆหาเงินงกๆ อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือ มีอะไรดีๆเหมือนคนอื่น จนไม่มีเวลาดูแลลูก จนลูกเป็นแว๊น   แต่สาเหตุไม่ใช่เพราะพ่อแม่ไม่ใส่ใจหรอกครับ

ส่วนเรื่องทำแท้งถูกกฎหมาย ผมว่ายากพอๆกับ ตั้งโรงนิวเคลียร์แหละ >_< คงต้องรออีกซัก 2 Generation

ตรงนี้นะครับ ไล่มาเลย
1.พื้นฐานครอบครัว การดูแลเอาใจใส่
2.รสนิยมของตัวเด็ก
3.การคบเพื่อน

ก็คือถ้าครอบครัวเค้าสอนมาดี  ถึงแม้เด็กมันจะมีรสนิยมยังไง  พ่อ แม่ก็คงจะบอกได้  และก่อนเค้าจะทำอะไรเค้าก็คงจะคิดก่อน หรือ ถ้าทำแล้วก็น่าจะแก้ง่าย
แต่ถ้าไม่เจอเพื่อนที่ไม่ดี ครอบครัวก็ไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอน เด็กไม่มีจุดยืนในชีวิต กลุ่มนี้แก้ยากมากครับ แต่หลักๆก็วนอยู่แค่นี้ล่ะครับ ไม่ไปไหนมากกว่านี้ล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 15, 2011, 20:41:14 โดย vellcap »

ออฟไลน์ RockYou

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 69
    • http://facebook.com/akkarat.ton
    • อีเมล์
Re: จากชีวิตจริงของเเพทย์คนหนึ่ง
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2011, 21:50:46 »
อ่านแล้วน้ำตาแทบไหล
ชีวิตของ เด็กคนหนึ่งต้องจบลงเพียงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ไม่รุนะ ผมรุสึกว่า ที่ทุกวันนี้เมืองไทยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ มันเปนเพราะ
1.กฏหมายเราอ่อนมาก!
2.ขาดการรณรงค์อย่างจริงจัง
3.ครูที่ รร. ไม่อบรมเท่าที่ควร

อย่าให้ความรุเท่าไม่ถึงการณ์ ต้องทำให้ชีวิืตคนๆนึงจบลง
มันน่าเสียดายนะ T^T
พูดไม่เพราะแต่จริงใจ
ดีกว่าปากปราศรัย  แต่น้ำใจเชือดคอ!!