ผู้เขียน หัวข้อ: ++ [Thai Rumor] หึ่งซูซูกิซุ่มผลิตเค-คาร์ ราคาไม่เกิน 3 แสนบาท++  (อ่าน 9163 ครั้ง)

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
"ซูซูกิ"ย่องเงียบยึดไทยเป็นฐานผลิตรถเล็กเต็มสูบ  เตรียมผุดโครงการผลิตรถ  เค-คาร์ ในนิคมฯเหมราช เปิดตัวปีนี้ ผลิตจริงปี 2556 ชี้เดินแผนคู่ขนานกับรถอีโคคาร์ส่งออกเป็นหลัก ราคาคันละไม่เกิน 3 แสนบาท ด้านวงการผลิตชิ้นส่วนเดินสายทาบป้อนชิ้นส่วนให้  จับตาอัดงบก้อนแรก 6,500 ล้าน กรุยทางอีโคคาร์ก่อนเฟสแรก เดือน ก.พ. ปี2555 ผลิตได้    บีโอไอลั่นถ้าคนละสเปกกับอีโคคาร์ต้องขอส่งเสริมใหม่
 แหล่งข่าวจากวงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายต่างวิ่งเข้าหาบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น หรือค่ายรถซูซูกิ เพื่อเสนอขายชิ้นส่วนสำหรับประกอบรถประหยัดพลังงานหรือรถอีโคคาร์  ขณะเดียวกันก็มีข่าวจากวงในว่าขณะนี้ค่ายรถซูซูกิ กำลังซุ่มเงียบที่จะยึดไทยเป็นฐานการผลิตรถเล็กเต็มรูปแบบ หลังจากที่ประกาศยึดไทยเป็นฐานการผลิตรถอีโคคาร์ไปแล้วด้วยเม็ดเงินลงทุนทั้งโครงการ 9,500 ล้านบาท ที่พร้อมจะทยอยผลิตได้ในต้นปี 2555 นี้
 +ดัน เค-คาร์ ตีคู่อีโคคาร์
 ล่าสุดซูซูกิกำลังอยู่ระหว่างเตรียมแผนที่จะทำการผลิตรถ รถเค-คาร์ หรือรถมินิ ที่บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นมักเรียกว่าเป็นรถ "มินิอีโคคาร์"ที่มีขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1000 ซีซี  ในประเทศไทย โดยใช้ฐานการผลิตเดียวกันกับการผลิตรถอีโคคาร์ในนิคมอุตสาหกรรม เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยองบนพื้นที่ 614 ไร่
 โดยโครงการนี้จะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2556 หลังจากที่รถอีโคคาร์ออกสู่ตลาดไปแล้วระยะหนึ่ง โดยจะผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก
 +ขายไม่เกิน3แสนบาท/คัน
 ทั้งนี้การผลิตรถเค-คาร์ จะเดินคู่ขนานไปกับการผลิตรถอีโคคาร์ โดยระยะแรกจะลงทุนก่อน 6,500 ล้านบาท   เพื่อเดินหน้าการผลิตรถทั้ง 2 ส่วนให้ได้อย่างน้อย 100,000 คันขึ้นไป ภายใน 5 ปี โดยจะเริ่มต้นที่การผลิตรถอีโคคาร์ก่อนจำนวน 56,000 คันต่อปี  ภายใต้แบรนด์ "สวิฟท์" ที่จะเริ่มผลิตได้เดือนกุมภาพันธ์ ปี2555 และอีกส่วนหนึ่งประมาณ 50,000 คันจะเป็นการผลิตรถเค-คาร์ ซึ่งประหยัดกว่ารถอีโคคาร์ ที่จะเปิดตัวได้ภายในปีนี้และจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2556 คาดว่าขายในราคาไม่เกิน 300,000 บาท/คัน       
 แหล่งข่าวจากผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อีกรายกล่าวว่า เป็นหนึ่งรายที่เข้าไปเสนอราคาขายชิ้นส่วนรถรถเค-คาร์    ซึ่งที่ผ่านมาได้เสนอขายชิ้นส่วนรถอีโคคาร์อยู่แล้ว   โดยเสนอไปมากกว่า 100 รายการ แต่ซูซูกิซื้อไปไม่ครบทุกรายการ ซึ่งขึ้นอยู่กับการต่อรองระหว่างผู้เสนอขายกับผู้ซื้อ  ถ้าผู้เสนอขายรายใดยอมลดราคาลงมามากก็จะขายได้  และยอมรับว่าเจรจาต่อรองกันยากมาก แต่บริษัทก็ไม่ได้เร่งรีบ เพราะรถเค-คาร์ดังกล่าวจะเกิดหลังอีโคคาร์ 1 ปี หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
            "โครงการผลิตรถเค-คาร์ ของซูซูกิขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และไม่น่าจะอยู่ในโครงการเดียวกันกับอีโคคาร์ได้ เพราะเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กกว่า ขณะที่รถอีโคคาร์มีการกำหนดเงื่อนไขชัดเจนแล้ว "
 +เค-คาร์ยังไม่ขอส่งเสริมบีโอไอ
 ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า กรณีของซูซูกิถ้าจะลงทุนผลิตรถที่มีขนาดเล็กกว่ารถอีโคคาร์ หรือเป็นรถโมเดลอื่น คนละสเปกกันก็ต้องมายื่นขอส่งเสริมใหม่  หรือจะลงทุนได้ก็ต้องเป็นนโยบายที่บีโอไอกำหนดเงื่อนไขใหม่ออกมา  ซึ่งขณะนี้โครงการผลิต รถเค-คาร์ จากค่ายซูซูกิยังไม่ได้ติดต่อเข้ามา
           " สำหรับค่ายซูซูกิ ก่อนหน้านี้เข้ามาขอส่งเสริมในนามบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการส่งเสริมไปแล้วในการผลิตรถอีโคคาร์และชิ้นส่วน มูลค่าเงินลงทุน 9,500 ล้านบาทมีขนาดกำลังผลิตปีละประมาณ 138,000 คัน โดยจำหน่ายในประเทศ 19% และส่งออก 81% ในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและแอฟริกา ตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง"แหล่งข่าวกล่าวและว่า
  การลงทุนดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องหลังจากที่ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550  บอร์ดใหญ่บีโอไออนุมัติให้เปิดประเภทกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐาน สากลหรือรถอีโคคาร์  โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขไว้หลักๆ เช่น ผู้ขอรับส่งเสริมจะต้องเสนอการลงทุนเป็นโครงการรวม (Package) ประกอบด้วย โครงการประกอบรถยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ และการผลิตหรือจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ และมีขนาดการลงทุนของโครงการรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งการประกอบรถยนต์และการผลิตชิ้นส่วน โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและยกเว้นภาษีเงินได้ไม่เกิน 8 ปีในทุกเขตที่ตั้ง ทั้งการประกอบรถยนต์ (จำกัดวงเงินยกเว้นไม่เกินมูลค่าลงทุนของโครงการ) การผลิตเครื่องยนต์ และการผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ 
 +ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด5%
 นอกจากนี้ ยังจะต้องมีปริมาณการผลิตจริงไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป จะต้องเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงไม่เกิน 5.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องมีมาตรฐานมลพิษ EURO  4 หรือสูงกว่า และมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนด้านความปลอดภัย จะต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสาร กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ ตามมาตรฐาน UNECE Reg.94 และ Reg.95 ตามลำดับ เป็นต้น
 ปัจจุบันซูซูกิมีรถยนต์จำหน่ายในรุ่น สวิฟท์ ,เอฟเอ็กซ์-4,แกรนด์ วีทาร่า,เอพีวี และ แคร์รี่ โดยตามแผนงานที่วางไว้จะทำการเปิดตัวรถอีโคคาร์ ในเดือนมีนาคม 2555 ขณะที่แผนงานด้านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2554 จะมีทั้งสิ้น 60 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นเป็น 100 แห่งภายในปี 2558  นอกจากนั้นแล้วแผนงานรุกตลาดของซูซูกิตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีการวางงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 380 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เติบโตขึ้น 55% จากปีที่ผ่านมา คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีตัวเลขยอดขาย 10,000 คัน ด้านแผนงานระยะยาวซูซูกิตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไว้ที่ 5% ภายในปี 2558 โดยมีรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถอีโคคาร์เป็นรถธง
 +ซูซูกิขายรถเล็กมากสุดที่ญี่ปุ่น
 ด้านนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า รถเค-คาร์ หรือรถมินิ ขนาดเล็กนั้นมีการผลิตและจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น โดยสัดส่วนตลาดของรถประเภทดังกล่าว จะมีปริมาณการขายจำนวน 1,500,000 คันต่อปี จากจำนวนตลาดรวมรถทั้งหมดที่มีอยู่ 4,000,000 คันต่อปี ซึ่งผู้ที่ครองตลาดคือซูซูกิ และไดฮัทสุ ที่นอกจากจะผลิตออกมาจำหน่ายในแบรนด์ของตนเองแล้ว ยังมีการผลิตเพื่อป้อนแบรนด์ใหญ่ๆอาทิ ไดฮัทสุ ผลิตป้อนโตโยต้า
 ปัจจัยที่รถในกลุ่มเค-คาร์ได้รับความนิยมและเติบโตในประเทศญี่ปุ่น เป็นผลมาจากพื้นที่ที่มีจำนวนจำกัด ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นเลือกใช้รถขนาดเล็ก เพราะสามารถจอดได้ง่ายและใช้พื้นที่น้อย ประกอบกับนโยบายโครงสร้างภาษีของญี่ปุ่นมีการสนับสนุนรถยนต์ขนาดเล็กนี้เป็นพิเศษ ทำให้ราคาจำหน่ายไม่สูง และทำให้รถได้รับความนิยม
 "ประเทศญี่ปุ่นมีปัญหาทางด้านพื้นที่การจอดรถ ส่งผลให้เกิดรถประเภทเค - คาร์ นี้ขึ้นมา ซึ่งรถดังกล่าวจะมีการกำหนดข้อมูลเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นความสูง-กว้าง-ยาว รวมไปถึงขนาดเครื่องยนต์ที่ไม่เกิน 660 ซีซี และมีอัตราโครงสร้างภาษีพิเศษ ทำให้ราคาที่ขายไม่แพง และสามารถตอบสนองพฤติกรรมของคนญี่ปุ่นได้ อย่างไรก็ตามผู้ผลิตที่ประกอบรถประเภทนี้มีเพียง 2 ค่ายหลักๆคือซูซูกิ และ ไดฮัทสุ ส่วนค่ายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นนิสสัน ,มิตซูบิชิ หรือโตโยต้าก็ไม่มีใครประกอบรถในรุ่นนี้ "
  นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกระแสข่าวของการผลิตรถเค-คาร์ ในประเทศไทย ในตอนนี้ยังไม่รับทราบข้อมูลว่าจะมีค่ายรถค่ายไหนที่จะเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการผลิต เนื่องจากมองว่าค่ายรถส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับตลาดอีโคคาร์ก่อน อย่างไรก็ตามอาจจะมีการประกอบรถยนต์ขนาดเล็กขึ้นมา และไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ปกติทั่วไปแต่อาจจะเป็นการใช้มอเตอร์ หรือไฟฟ้า

http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=72604:-3&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
อ่านข่าวนี้ ผมก็ตกใจเลยนะ แต่มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า

และเชื่อว่าไอ้รถคันที่ว่า ยังไง ๆ มันก็เป็นอีโคคาร์รุ่นที่ 2 นั่นแหล่ะ

แต่จะเป็นสเปคเคคาร์ 660 ซีซีหรือเปล่านั้น คงต้องดูต่อไป

ออฟไลน์ Northbridge

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 751
เค้าเรียกว่า Mini Eco car จริงหรอ ?

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
น่าสนใจ K-car ราคาไม่เกิน 3 แสน
ถ้ามาจริงปี 56 ผมคงดีใจมากๆ(ยอมรอต่อไป ถ้ายังไม่รีบใช้รถนะ)
เพราะอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในตลาดและคันเล็ก

ว่าแต่ K-car นี่ขนาดพอๆกับ Brio ไหมครับ

และขอถามพี่ Homy ว่าราคามันจะต่ำกว่า 3 แสนจริงหรือเปล่าครับ และเป็นไปได้หรือไม่ครับ

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
น่าสนใจ K-car ราคาไม่เกิน 3 แสน
ถ้ามาจริงปี 56 ผมคงดีใจมากๆ(ยอมรอต่อไป ถ้ายังไม่รีบใช้รถนะ)
เพราะอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในตลาดและคันเล็ก

ว่าแต่ K-car นี่ขนาดพอๆกับ Brio ไหมครับ

และขอถามพี่ Homy ว่าราคามันจะต่ำกว่า 3 แสนจริงหรือเปล่าครับ และเป็นไปได้หรือไม่ครับ

พี่กำลังคิดว่า Suzuki อาจจะกำลังซุ่มพัมนารถในกลุ่ม Emerging Market ล่ะครับ

เน้นราคาเป็นหลัก อย่างน้อยในตลาดอินโดมีรองรับชัวร์ ๆ อยู่แล้ว

แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องสืบ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
น่าสนใจ K-car ราคาไม่เกิน 3 แสน
ถ้ามาจริงปี 56 ผมคงดีใจมากๆ(ยอมรอต่อไป ถ้ายังไม่รีบใช้รถนะ)
เพราะอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในตลาดและคันเล็ก

ว่าแต่ K-car นี่ขนาดพอๆกับ Brio ไหมครับ

และขอถามพี่ Homy ว่าราคามันจะต่ำกว่า 3 แสนจริงหรือเปล่าครับ และเป็นไปได้หรือไม่ครับ

พี่กำลังคิดว่า Suzuki อาจจะกำลังซุ่มพัมนารถในกลุ่ม Emerging Market ล่ะครับ

เน้นราคาเป็นหลัก อย่างน้อยในตลาดอินโดมีรองรับชัวร์ ๆ อยู่แล้ว

แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องสืบ

คล้ายๆกับ Nissan ที่กำลังทำอยู่ใช่ไหมครับ ถ้ามีทางเลือกนี้ให้แก่ผู้บริโภค ผมดีใจมากครับ
บางทีรถที่เขาทำมา เราก็ไม่ได้ต้องการอะไร มากมายแบบที่ ณ ปัจจุบัน เขาให้กัน แต่เราต้องการรถสักคันหนึ่งที่พอไปไหนมาไหนได้
และราคาถูกเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ไม่จริง ไม่เชื่อว่าจริง และไม่น่าเป็นไปได้ครับ

ออฟไลน์ pamungkas

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
ถ้าสมมุติว่าเค้าจะทำรุ่นนี้จริงๆ
3 แสนนี่ ผมว่าจ่ายสามแสน ทอนร้อย -สองร้อยแง๋ๆ

ว่าแต่ อีโคคาร์คันแรกของไทยเริ่มต้นที่ 375,000บ.
สมมุติ ถ้าซูซูกิมีรุ่นนี้จริงๆ ก็น่าจะเริ่มต้นที่ 3.2-3.3แสน
แบบที่ไม่มีอ๊อปชั่นอะไรเลยจะเป็นไปได้ไหมครับ?

ส่วนสวิฟท์ก็มีราคาเริ่มต้นสักประมาณบริโอ้ แต่มีอ๊อปชั่นมากกว่า

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ถ้าจริงนะ TATA NANO ไม่มีทางเกิดอีก ;) ;) ;)
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ TJA

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 644
เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงกระทู้ฮอตๆเมื่อช่วงก่อน..
ซูซุกิ สแปลชรึเปล่าครับ?

.-_-.

ออฟไลน์ Boyd

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 105
    • อีเมล์
ถ้าทำได้นะราคาที่ข่าวว่ามานี้....จะสุดยอดมากครับ

ซูซูกิ สู้ๆๆ  ;D

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงกระทู้ฮอตๆเมื่อช่วงก่อน..
ซูซุกิ สแปลชรึเปล่าครับ?

.-_-.

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11812.0.html

จัดไป :D

ออฟไลน์ pamungkas

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงกระทู้ฮอตๆเมื่อช่วงก่อน..
ซูซุกิ สแปลชรึเปล่าครับ?

.-_-.

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11812.0.html

จัดไป :D


ยังมีคนเชื่อป้ายนี้อีกหรือ?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 27, 2011, 16:31:35 โดย pamungkas »

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ไม่จริง ไม่เชื่อว่าจริง และไม่น่าเป็นไปได้ครับ

อืมม ผมขอตั้งไว้แค่ว่า ไม่น่าเป็นไปได้ก่อนละกัน (ถึงผมจะเห็นด้วยกับพี่ก็ตาม)
1. Suzuki มีฐานการผลิตในตลาดประเทศโลกที่สามอยู่แล้วใน India และ Indonesia โดยเฉพาะ India นี่ ยอดขายมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามคือ ในเมื่อ Alto/Fronte ขายดีชิบหายวายป่วงใน India อยู่แล้ว จะมาเสียค่าใช้จ่ายตั้ง line เพิ่มในไทยทำไม?
2. ถ้าจะขายในไทย ก็น่าจะใช้เครื่อง 1.0 แบบที่ขายใน India มากกว่า 660 cc แน่นอน เพราะสภาพการใช้รถของคนไทย กับคนญี่ปุ่นต่างกัน แต่อย่าลืมว่ารถที่ใช้ body ของ Kei-Car ที่ลงเครื่อง 1.0 นี่ มันมีใน India อยู่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่ Import จาก Maruti Suzuki ที่ India มาเลยละ (ยังไงก็ไม่ได้ภาษี Eco Car อยู่แล้ว เพราะหมดลงทะเบียนไปแล้ว แล้วจะเสียเวลาตั้งไลน์ใหม่ทำไม??)

แต่สิ่งหนึ่งที่คาใจผมมากคือ

อ้างถึง
ผลิตจริงปี 2556 ชี้เดินแผนคู่ขนานกับรถอีโคคาร์ส่งออกเป็นหลัก

ปี 2556 คืออีกสองปี ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้ง Cervo, Alto, Fronte จะหมดอายุตลาดพอดี (รุ่นปัจจุบันขายตั้งแต่ปี 08) ดังนั้นถ้าจะบอกว่า รถพวกนี้ จะลงเครื่อง 660 cc ผลิตป้อนเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น ผมก็อาจจะเชื่อนะ เพราะว่าช่วงนี้บริษัทญี่ปุ่นพยายามย้ายมาตั้งไลน์นอกประเทศเยอะเหมือนกัน หลังจากที่เกิดปัญหาเงินเยนแข็ง และ Tsunami

งานนี้ต้องดูกันต่อไป ตอนนี้ผมคงไม่เชื่อ 70 เชื่อ 30 ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
เห้นด้วยกับความเห็นข้างบนครับ (ยาวมาก เลยขอไม่อ้างอิง)
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะย้ายฐานจากญี่ปุ่นมาไทย
แต่ผมว่าน่าจะหลังจากเปิดตัว swift ecocar ซะก่อน

ออฟไลน์ HOMY_DEMIO

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,821
    • อีเมล์
เห้นด้วยกับความเห็นข้างบนครับ (ยาวมาก เลยขอไม่อ้างอิง)
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะย้ายฐานจากญี่ปุ่นมาไทย
แต่ผมว่าน่าจะหลังจากเปิดตัว swift ecocar ซะก่อน


แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้

รถเคคาร์น่ะต้องผลิตที่ญี่ปุ่นถึงจะได้สิทธิ์ภาษีของที่ญี่ปุ่นเขา

อีกอย่างต้นทุนรถเคคาร์ไม่ได้ต่ำขนาดที่จะขายราคา 2.9 แสนบาทได้หรอก


ราคาแค่นี้ ทำได้ด้วยการเอา alto 1992 มาผลิตใหม่นั่นแหล่ะ ไม่ใช่รถรุ่นใหม่แน่ ๆ

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
เห้นด้วยกับความเห็นข้างบนครับ (ยาวมาก เลยขอไม่อ้างอิง)
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะย้ายฐานจากญี่ปุ่นมาไทย
แต่ผมว่าน่าจะหลังจากเปิดตัว swift ecocar ซะก่อน


แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้

รถเคคาร์น่ะต้องผลิตที่ญี่ปุ่นถึงจะได้สิทธิ์ภาษีของที่ญี่ปุ่นเขา

อีกอย่างต้นทุนรถเคคาร์ไม่ได้ต่ำขนาดที่จะขายราคา 2.9 แสนบาทได้หรอก


ราคาแค่นี้ ทำได้ด้วยการเอา alto 1992 มาผลิตใหม่นั่นแหล่ะ ไม่ใช่รถรุ่นใหม่แน่ ๆ

อ้าว แต่ Smart K (For Two รุ่น 660 cc.) ก็ยังจดทะเบียนเป็น Kei-Car นี่ครับ หรือว่ารุ่นนี้ประกอบในญี่ปุ่นครับ?
JDM เท่านั้น จะครองโลก!