ผู้เขียน หัวข้อ: "โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่" เรื่องจริง หรือแค่ข่าวลือ??  (อ่าน 6589 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,177
ได้ข่าวมานานแล้ว เรื่องโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่
ที่บอกว่าจะเอามาใช้ในเร็วๆนี้(แต่ก็นานแล้วนะ)

เลยมีคำถามต่อไปนี้ตามมาครับ

1. เมื่อไหร่จะบังคับใช้ครับ ตกลงมันมีอยู่จริงหรือเปล่า??

2. ได้ข่าวมาว่า โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ โหดร้ายมากๆ
อยากทราบว่า จะมีผลกระทบอะไรบ้างมั้ยครับ??
หรือเค้าตั้งใจให้คนซื้อรถน้อยลง หันมาใช้รถไฟฟ้า รถเมล์มากขึ้น??

คิดว่า มันจะเป็นเรื่องดี หรือเรื่องแย่ครับ??

3. ทุกท่านมีความเห็นยังไงบ้างครับ

.........................

ส่วนตัวผม คิดว่ามันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
ข้อดีคงเป็นเรื่องของจำนวนรถบนท้องถนน
และเราคงเห็นคนออกรถใหญ่เครื่องความจุเยอะๆลดลง หันมาใช้รถเล็กแทน

ส่วนข้อเสีย คงเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีที่สูงขึ้น
ยิ่งบ้านไหนมีรถมากๆ ต้องจ่ายกันอีกเยอะเลย

ออฟไลน์ nuionline

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 248
ผมว่าเป็นเรื่องดี  แต่ต้องมีระบบขนส่งที่ดีตามมาด้วยนะ  ถ้าเป็นแบบปัจจุบันไม่ไหวครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,153
ตามจริงใช้ปีนี้ แต่ผู้ประกอบการอ้างว่าปรับตัวไม่ทัน ให้เลือนไปอีกประมาณ 2 ปี ส่วนตัวผมว่าโหดร้ายกับผู้ประกอบการมากกว่าบางรายมากกว่า(รายที่มาจากทางตะวันตก)
ส่วนรายละเอียดเชิงลึก ขอหาก่อนมันไปอยู่ไหนไม่รู้  :D

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,630
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
เขายังเถียงกันไม่จบเลยนี่ครับ?

ออฟไลน์ firstime911

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 454
ถ้ามันทำให้รถแพงขึ้นผมกลับว่าไม่ดีครับ ;D
เพราะ จริงๆแล้วรถยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็น การที่ขึ้นภาษีสูงขึ้น ไม่ได้ทำให้คนใช้รถน้อยลงแต่ประการใด
1. คนที่มีรถอยู่แล้วก็ยังใช้อยู่
2. รถแพงขึ้น คนก็ยังซื้อครับ เพราะรถมันจำเป็น
3. คนจะหันไปขับ มอเตอร์ไซด์ กันมากขึ้นซึ่ง การบังคับใช้กฏจราจร กับมอเตอร์ไซด์ แทบจะทำไม่ได้เลย
4. ขนส่งสาธารณะ ไม่ได้คุณภาพ
ผมว่าควรลดภาษีรถยนต์ ให้คนสามารถเข้าถึงได้

แต่ให้เพิ่มภาษีน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลบังคับให้คนใช้รถกันน้อยลง และหันไปใช้ ขนส่งสาธารณ กันมากขึ้น
เพราะถ้าน้ำมันแพงคนจะขับกันน้อยลง และเริ่มหันไปสนใจทางเลือกอื่น (เหมือนในต่างประเทศ)

อีกอย่าง ระบบขนส่งสาธารณ บ้านเรา ถือว่าแย่มาก มีให้เลือกมากแต่ไม่ได้เรือ่งซักกระอย่าง (ตุ๊กๆ,รถเมล์เขียว,รถเมล์แอร์,รถเมลส้ม,รถเมแดง,รถ BRT,แทกซี่,สองแถว,เรือข้าฟาก,เรือด่วน,วินมอเตร์ไซด์,รถตู้,BTS,MRT,รถไฟ.ฯ)
แต่การจัดการนั้นไม่ได้ทำให้คนใช้สะดวกขึั้นหรือแต่อย่างไรกลับทำให้รถติดมากขึ้น
ถ้าจัดการให้ดีให้สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงกันได้ ผมเชื่อว่า ไม่ต้องมีเยอะขนาดนี้ก็ยังได้คุณภาพ และช่วยแก้ปัญหาการขนส่งได้ดีมาก

ความเห็นส่วนตัวนะคับ จากการศึกษาหาข้อมูลทั้งในประเทศและ ต่างประเทศที่มีการจัดการแก้ปัญหารถติดได้สำเร็จ :P

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,153
โครงสร้างภาษีสรรพสามิต จะจัดเก็บตามระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02)

1.รถยนต์นั่ง
- หากปล่อย C02 อยู่ที่ระดับ 150-200 กรัมต่อกิโล จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 30%
- หากปล่อย C02 อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโล จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่ลดลง 5% (25%)
- หากปล่อยก๊าซสูง 200 กรัมต่อกิโล จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่เพิ่มขึ้นอีก 5% (35%)
- หากขนาดเกิน 3000 ซีซี จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 50% แต่กรณีต่ำกว่าจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 30%

2. กลุ่มอัตราพิเศษ (เพดานวัดการปล่อย C02 อยู่ที่ 200 กรัมต่อกิโล)
- รถกระบะ ปัจจุบันจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 3% หากปล่อย C02 เกินเพดานที่กำหนด จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 5%
- รถยนต์นั่งที่มีกระบะ(Double Cab) ปัจจุบันจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 12% หากปล่อย C02 เกินเพดานที่กำหนด จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 15%
- รถยนต์นั่งกึ่งรถบรรทุก(PPV) ปัจจุบันจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 20% หากปล่อย C02 เกินเพดานที่กำหนด จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 25%
- รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์  พยายามรักษาระดับส่วนต่างไว้เดิม ปัจจุบันจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 10% และ 17%
- รถยนต์ E20 และ E85 จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 20% แต่ปัจจุบันได้ปรับลดอัตราภาษี ทุกขนาดเครื่องยนต์ลงมาอีก 5% ส่วน E85 ลดลงมาอีก 3%
- รถยนต์ NGV ได้ปรับลดอัตราภาษีมากอยู่ที่ 20%
หมายเหตุ รถยนต์ E85 และ NGV จ่ายเงินอุดหนุน 30,000 บาทต่อคัน


ทั้งนี้ทั้งนั้นรอรัฐบาลใหม่มาตั้งสินใจอีกครั้งนึง

เจตนารมณ์ จากข้าราชการประจำกระทรวงการคลังเขาบอกว่า "จากการก่อปัญหาของรถยนต์ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดผลจากความสูญเสียขึ้นมหาศาล จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องยอมรับ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2011, 19:51:24 โดย prai »

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085

เจตนารมณ์ จากข้าราชการประจำกระทรวงการคลังเขาบอกว่า "จากการก่อปัญหาของรถยนต์ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดผลจากความสูญเสียขึ้นมหาศาล จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องยอมรับ"

ประเด็นนี้คงเป็นที่ถกเถียงไปอีกนานแน่ๆเลยครับ เพราะคนอยากสบายยังไงก็จะซื้อ ไม่อยากขึ้นรถเมล์ เพราะมันไม่สะดวก ไม่สบาย ฯลฯ แล้วคนไทยส่วนมากก็ไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเท่าไร ถือว่ายังไงนั่งในรถก็สบายกว่า ขนาดเรื่องจำกัดความเร็ว ยังทำกันไม่ค่อยได้เลย
คงต้องรอประเทศไทยแผ่นดินไหว มีคนตายบ้างล่ะครับ ถึงจะใส่ใจเรื่องธรรมชาติกันมากขึ้น 55+

ออฟไลน์ Aun Noi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
  • aAuN
    • http://www.oknation.net/blog/lifecar
    • อีเมล์
เคยเห็นในรายการอะไรซักอย่างทางเคเบิลทีวี บอกว่าหากมีการติดตั้ง ABS Airbag ESP จากโรงงาน จะลดให้อย่างละ 10,000 บาทต่อคัน ไม่รู้จะมีจริงรึเปล่า

ออฟไลน์ parwitch

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
ประเทศไทยไมได้มีแค่กรุงเทพครับ
ยังมีประชาชนในอีก 70 กว่าจังหวัด
ที่ต้องการใช้รถ จะให้ใช้บริการรถ
สาธารณะ ก็ไม่มีรถไฟฟ้า
รถไฟ รถทัวร์ บางพื้นที่มีแค่ 2 เที่ยวต่อวัน
Taxi ก็ไม่มี

ถ้าออกกฏมาเพื่อแก้ปัญหาในกรุงเทพ
แต่กระทบคนส่วนใหญ่ ผมว่าไม่ดี

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,604
    • อีเมล์
ถ้าปรับตามนี้ พวกที่ใช้รถราคาแพง เทคโนโลยีสูงๆ อย่างเบนซ์ ที่ใช้เครื่อง1800 ปล่อย co2 น้อยๆ ก็จะเสียภาษี น้อยกว่าพวกรถทั่วไปหรอครับ ทั้งๆที่ซื้อรถมาราคาแพงกว่า

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,013
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ถ้าปรับตามนี้ พวกที่ใช้รถราคาแพง เทคโนโลยีสูงๆ อย่างเบนซ์ ที่ใช้เครื่อง1800 ปล่อย co2 น้อยๆ ก็จะเสียภาษี น้อยกว่าพวกรถทั่วไปหรอครับ ทั้งๆที่ซื้อรถมาราคาแพงกว่า

อันนี้แหละครับ ที่แฟร์จริงๆ

คนที่ซื้อรถที่มีเทคโนโลยีที่สะอาดกว่า ทำลายมลพิษน้อยกว่า สมควรจะจ่ายภาษีน้อยกว่าคนที่ขับรถที่กินน้ำมัน ปล่อยควันมากกว่าครับ เพราะเขาจ่ายเงินมากกว่าเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ตั้งแต่ตอนซื้อรถ ต่อไปกฎหมายทั่วโลกก็จะเป็นแบบนี้หมด
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

Blue 229

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าผลักดัน โครงสร้างใหม่นี้ออกมาได้จริงๆ จะ "แฟร์" อีกหลายเรื่องเลยครับ
เพราะกรอบของโครงสร้างใหม่นี้ ไม่ได้วางไว้แค่เรื่อง การปล่อยมลพิษครับ
กรอบที่เค้าเสนอกัน ยังครอบคลุมเรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถด้วยครับ
ผู้บริโภคอย่างเรา จะได้ใช้รถที่มีความปลอดภัย และเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นครับ
เพราะตัวภาษีจะผลักให้ ผู้ผลิตต้องพัฒนาตัวเองครับ
และผู้ผลิตเองคงไม่ชอบนักหรอกครับ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
แม้รัฐจะบอกว่า ให้เวลาผู้ผลิตปรับตัวอีก 2-3 ปี
แต่ผมมองว่า ประเด็นมันไม่ใช่ เวลา ครับ
มันคือเรื่องของการเสียประโยชน์ ได้ประโยชน์มากกว่า
ถ้าเจ้าตลาด หรือแบรนด์ใหญ่ๆ ไม่ได้ภาษีที่เอื้อประโยชน์เหมือนเดิม
เค้าไม่น่าจะยอมนะครับ

และถ้าในมุมมองผม ผมมองว่าโครงสร้างนี้บังคับใช้จริงได้ยากครับ
เพราะ "เงิน"มันมีค่ามากกว่าความ "แฟร์" ครับ

ออฟไลน์ parinda

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 73
ผมว่า โลกนี้ ไม่มีอะไร ที่แฟร์ หลอกครับ

มีแต่ ผู้ที่ได้ผลประโยชน์ กับ ผู้เสียผลประโยชน์