สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาว HLM ทุกคนครับ นี้เป็นรีวิวครั้งแรกของผมนะครับ
เลยขอประเดิมด้วยเจ้า Toyota Sport Cruiser ที่ใช้อยู่ทุกวันครับ
แต่เจ้านี้ดูแล้วไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ก่อนที่จะเริ่มรีวิวขอเล่าประวัติเกี่ยวกับรถคันนี้สักหน่อย ว่าได้มายังไง
ตอนสมัยผมอยู่ ป 4 (ยังเด็กๆอยู่เลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องรถเท่าไร) มีเช้าวันหนึ่งเป็นวันเสาร์ ซึ่งก็เป็นวันหยุดที่แสนจะดี แม่ผมก็เดินมาปลุกผมจากที่นอนบอกว่าให้รีบไปอาบน้ำไปแต่งตัว ซึ่งผมก็ถามแม่ว่าจะไปไหนกันหรอ แม่ผมก็บอกว่าจะไปซื้อ "ตุ๊กตา" ผมก็งงอะไรกันก็แค่ตุ๊กตาจะเอาผมไปด้วยทำไม ซึ่งพ่อกับแม่ผมก็ชวนอยู่นั่นแหละ จนสุดท้ายผมก็ยอมไป (แบบงงๆ) แล้วผมก็นั่งรถไปเรื่อยๆด้วยความสงสัยไประหว่างทาง ซึ่งระหว่างทางก็ผ่านร้านตุ๊กตาหลายร้านแล้ว แต่ทำไมถึงไม่แวะจอดซื้อสักร้านซะที จนอยู่ดีๆพ่อก็ขับรถเข้าไปในโชว์รูม โตโยต้า คราวนี้ผมงงกว่าเดิมอีก ว่าจะแวะเข้ามาทำไม แล้วก็ดันมองเห็นเจ้า Sport Cruiser ป้ายแดงคันหนึ่งกำลังจอดอยู่เหมือนกำลังรอให้คนมารอรับรถมาเอา แล้วผมก็ลงจากรถแบบงงๆ แล้วก็เข้าไปนั่งรอในโชว์รูม ผมมองออกไปนอกโชว์รูมเห็นพ่อเอาของต่างๆออกจากรถคันที่ผมพึ่งนั่งมา แล้วก็มาฝากไว้ที่ผม เอาละงงเลยผม(เด็กๆไม่ค่อยจะรู้เรื่อง สงสัยเป็นอย่างเดียว) แล้วสักพักหนึ่งพ่อก็บอกว่า กลับบ้านกัน แล้วพ่อก็เดินไปที่เจ้า Sport Cruiser ป้ายแดงคันที่จอดรอคันนี้นี่เอง ผมก็อึ่งไปสักพัก แม่ผมก็บอกว่า "นี่ไงรถใหม่เรา" ผมยิ้มและดีใจ(เซอร์ไพร์มากๆๆๆๆๆ) ผมก็รีบขึ้นไปนั่งบนรถด้วยความดีใจ จนมันเป็นเรื่องที่ผมประทับใจมากที่สุดในชีวิตผมเลย
มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า
รถผมนั่นเป็นรุ่น S เกียร์ธรรมดา
จำได้ว่า มีรุ่น S,E,G และ G Limited(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
มาเริ่มดูที่ภายนอกก่อนละกัน
ด้านข้าง ก็สวยใช้ได้เลยนะเนี่ย (แต่สภาพอาจจะสกปรกมากไปหน่อย เนื่องจากฝนตกทุกวัน ถ้าไปล้างรถก็กลัวล้างแปปเดียวแล้วฝนจะตกก็เลอะเหมือนเดิม จะล้างเองก็กลัวเสียดายแรง ก็เลยกะว่าจะล้างตอนฤดูหนาว 55555 ล้อเล่นๆๆครับ)
ด้านข้างอีกมุมหนึ่งๆ(แดดจ้าเชียว 55
)
ด้านหน้า ดูหน้าตาดุดันดี (เมื่อก่อนใส่ที่กันแมลงด้านหน้าแต่เอาออกไปเพราะพ่อบอกว่าเวลาขับมองไม่ค่อยจะเห็นข้างหน้า เลยเอาออก)
ด้านหลัง ก็ดูดี สติ๊กเกอร์เต็มไปหมด(ฝีมือผมเอง ติดจนเลอะเทอะแหละ 5555
)
ไฟตัดหมอกด้านล่าง ปกติรุ่น S จะไม่มีไฟตัดหมอกให้ครับ เลยไปซื้อมาติดเองซะเลย
ด้านหลังกระจกมองข้าง ตอนแรกว่าจะซื้อที่ครอบแบบมีไฟมาใส่ด้วยแต่ไม่เอาดีกว่า พับด้วยอัตโนมือนะจ๊ะ
ไฟเลี้ยวด้านข้างครับ ปกติจะไม่ใช่สีนี้ครับ แต่ไปซื้อมาเปลี่ยนใหม่ดูสวยดี
เสาวิทยุอัตโนมัติครับ ปกติเวลาจะฟังวิทยุมันจะขึ้นอัตโนมัติครับ แต่ตอนนี้มันไม่ขึ้นเสียแล้ว เลยอดฟังวิทยุเลย 55555(ตอนนี้พ่อบอกว่าเดี๋ยวจะไปเปลี่ยนมาใช้แบบอัตโนมือแหละ)
โลโก้ Hilux Toyota D4D รุ่นนี้เครื่่อง D4D แล้วนะ
สติ๊กเกอร์ D4D Commonrail (ถ้าเครื่อง 3000 จะมีตัวเลข 3000 แทรกอยู่)
ไฟท้ายเปลี่ยนใหม่เป็นแบบ LED ครับ สวยงามดีครับ
ที่เปิดท้ายกระบะและไฟเบรคดวงที่สาม(ตรงที่ผมวงไว้มันแตกตรงปลายอะครับ คือผมสงสัยอะครับ เห็นทุกคันแตกเหมือนผมเลย บางคันก็แตกข้างเดียวแต่ผมแตกตั้ง 2 ข้าง มันเปราะบางขนาดนั่นเลยหรอ
)
สติ๊กเกอร์ ECU SHOP ผมติดแค่สติ๊กเกอร์นะครับ จริงๆผมไม่ได้ติดกล่องแต่อย่างใด ให้รู้ว่ารถกูแรงนะ555(เคยคิดจะติดจริงๆอยู่เหมือนกัน
)
กันชนด้านท้ายของ Toyota ครับ(กลัวไม่รู้หรือไงว่าเป็นของโตโยต้าเนี่ย มีโลโก้ให้อีก
)
มาถึงจุดเด่นของรถคันนี้ดีกว่า ใช้ยาง Nitto nt420s ขนาด 265-50-20 เท่ดีจริงๆ
จะว่าไปผมไม่ค่อยเห็น Sport Cruiser ใส่สักเท่าไร แต่พอใส่แล้วก็ดูหล่อเลย (ถ้าล้างเช็ดเงาๆหน่อย มันจะดูสวยมากเลยแหละ) แต่มันก็แลกด้วยที่อัตราเร่งจะช้าลงหน่อย กินน้ำมันเพิ่มขึ้นนิดหนึ่ง ดูแลยาก แต่ถ้าวิ่งเกิน ร้อยกว่า รับรองเบรคกันแทบไม่อยู่เลย แต่มันเท่ดีผมชอบ
จุกปิดหน้ายิ้ม
เอาละเราจะมาดูภายในบ้าง ก็ต้องเปิดรถด้วยรีโมทซะก่อน(กดจนปุ่มจะพังแหละ
)
เมื่อคุณจะก้าวขึ้นมาคุณจะเห็นโลโก้ Tiger อยู่ตรงขอบประตู ด้านล่าง (ไปติดตอนที่รถวันแรกเลย)
เมื่อคุณขึ้นมานั่งจะพบกับหน้าปัด ตัวเลขดูไม่ยากเท่าไร ถือว่าดูโอเคเลย
พวงมาลัย 3 ก้าน (ผมชอบพวงมาลัย 3 ก้านมากกว่า 4 ก้านนะ
)
สวิตซ์ ไฟเลี้ยว ไฟต่างๆนาๆ สารพัด 555
ด้านหน้าถือว่ามองได้ชัดเจนดี (กระจกด้านหน้ามันร้าว โดนก้อนหินเล็กๆจากพวกรถขนหิน พอดีไปขับตามเลยโดนเลย ตอนแรกร้าวนิดเดียวมีอยู่วันเอารถไปล้างกลับมามันยาวอย่างที่เห็นนี้แหละ เซงจริงๆ
)
เกียร์ กับ เกียร์เอาไว้ขับเคลื่อน 4 ล้อ
นาฬิกาเอาไว้บอกเวลา และ ปุ่มขอทาง
ด้านหลังถือว่ามองได้ชัดเจนดี ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย
กระจกมองหลัง มองได้ชัดเจนดี
กระจกมองข้างถือว่าดูได้ชัดเจนดีครับ ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน
กุญแจสตาร์ทซุปเปอร์ไซย่าๆๆๆ 55555
สวิตซ์กดกระจกทุกบาน ปรับกระจกมองข้าง แหละ ปลดล็อกหรือล็อกรถ
Turbo Time ครับ
มาเริ่มดูฝั่งคนนั่งข้างคนขับดีกว่า มีที่เก็บของได้บ้าง
เบาะเป็นเบาะผ้าครับ ก็นั่งสบายดี แต่นั่งนานๆก็เมื่อยอยู่(มีเบาะให้ก็บุญแหละ จะเอาอะไรกันอีก 555)
เมื่อมองไปยังใต้เท้า จะพบกับ Poweramp ไว้คอยปรับเสียงต่างๆบนรถจ้าา
ด้านหน้าจะมีช่องเอาไว้เก็บของได้ตามอัธยาศัย
ที่วางของตรงกลางครับ
เมื่อมองมาตรงกลางคุณจะพบกับจอ DVD สารพัดอย่าง เช่น วิทยุ(ซึ่งตอนนี้ก็ยังฟังไม่ได้เพราะเสาไม่ขึ้น) บลูทูธ ดีวีดี ซีดี USB แหละก้ออะไรอีกต่างๆนาๆเยอะแยะไปหมด55
มองขึ้นด้านบนจะพบกับไฟไว้อ่านแผนที่ หรืออะไรก็ตามแต่จะทำ และตัวจับสัญญาณกันขโมย(สีดำๆ) ของเขาดีจริงๆนะ(ขนาดแมลงเข้าไปบินในรถมันยังจับได้เลย แล้วรถมันก็ร้องจนผมรำคาญ555)
มาขึ้นด้านหลังดีกว่า ถือว่าขึ้นลงยากลำบากหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ แต่ก็ขึ้นได้ไม่มีปัญหา
แล้วก็จะเจอกับโลโก้ Tiger อีกแล้ว พร้อม คมแฝก(อยู่ใกล้ๆร่ม) 5555
เมื่่อขึ้นมานั่ง ถือว่าไม่ได้นั่งลำบากอะไรมากมายหนัก ด้านหลังเบาะหน้า มีที่ไว้ใส่พวกหนังสือต่างๆนาๆ
เบาะด้านหลังมีที่วางแขนด้วย ว้าวๆๆๆๆ
ส่วนเครื่องยนต์เป็น 2KD-FTV 2,500 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 102 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 Nm ที่ 1400-3400 รอบต่อนาที(ต้องขออภัยด้วยภาพข้างบนไปยืมเขามา เพราะไม่ได้ถ่ายไว้)
สำหรับผมคิดว่า มันก็ถือว่าไม่ค่อยแรงมากเท่าไร(ก็ใส่ขอบ 20 นี่นาา) แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเรี่ยวมีแรงนะ ถ้าวิ่งประมาณ 120 ขึ้นไป ถือว่าเร็วแต่เสียงเครื่องจะดังมาก
เคยเจอรถ Tiger D4D ตัว 4x2นะ เป็นวัยรุ่นขับ แล้วพ่อผมก็ขับคู่กันจน Tiger คันนั่นเปิดกระจกแล้วโบกมือให้รถผมแซงไป(ก็ล้อผมใหญ่กว่านี่นาา)
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เขามาชมรีวิวของผมตั้งแต่ต้นจนจบครับทิ้งท้ายด้วย
แหละก็
โฆษณา เจ้า SportCruiser กับ Sport Rider
ขอบคุณครับบบ