ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กจบใหม่ เงินเดือน 14,000-20,000 ผ่อนรถเล็กๆกัน ไหวมั้ยครับ??  (อ่าน 81413 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,162
อยากถามเป็นความรู้ครับ
ช่วงนี้เพื่อนๆผมเริ่มซื้อรถ ผ่อนรถกันแล้ว
(โบนัสออก) เริ่มดาวน์รถกันมาแล้วล่ะ

ทีนี้...

ส่วนตัวผมกับคุณแฟนอยากจะรู้ว่า
เด็กจบใหม่อย่างพวกผม ทำงานมาแค่ราวๆ 1ปี
กับช่วงเรทเงินเดือนราวๆ 15,000-20,000
พอจะผ่อนอีโค้คาร์อย่างมาชร์หรือรถเล็กๆอย่างวีออสกันไหวมั้ยครับ??

โดยมีเคสดังต่อไปนี้

- เริ่มจากเพื่อนผมทำงานอยู่ PWC
มันกำลังจะออกรถเร็วๆนี้(น่าจะเดือนหน้า) เห็นมันเล็งซิตี้มานานแล้ว
คาดว่าคงเป็นซิตี้ ตัวท๊อป
เรทเงินเดือนราวๆ 20,000 นิดๆไม่รวม Per diem กับ OT ไม่มีภาระ
พอไหวมั้ยครับ ถ้าจะดาวน์ต่ำๆ แต่ผ่อนระยะยาวเอา

- คุณแฟนผม ก็เรทเงินเดือนราวๆ 20,000 เค้าว่าอีก 1ปี คือราวๆ กรกฎาคมปีหน้า
คุณเธอจะออกมาชร์ตัวรองท๊อปไว้ขับบ้าง ไม่มีภาระเช่นกัน
มีเงินเย็นเป็นก้อนอยู่แล้ว อยากทราบว่า จะไหวมั้ยครับ??
(คุณเธอไหวแน่นอน เพราะถ้าเงินหมด มันเดือนร้อนผมแน่ๆ T^T)
จะใช้วีธีดาวน์ แล้วผ่อนเอา หรือว่าซื้อสดดีครับ ดอกเบี้ยต่างกันมากมั้ย??

- และยังมีหลายๆคนอีกมากมาย เงินเดือน 15-17k
เล็งๆว่าจะออกอัลติสมาขับบ้าง แจ๊สบ้าง บริโอ้บ้าง กลายเป็นเรื่องคุยกันไป
โชคดีที่เพื่อนผมแต่ล่ะคนไม่มีภาระอะไร เพียงแค่พ่อแม่จะดาวน์ให้เท่านั้น
แล้วไปลองผ่อนเอาเอง(ดูซิ๊ว่าจะรอดมั้ย)

กับเด็กจบใหม่อย่างนี้ ไม่อยากให้เล่นรถมือ2 เพราะไม่มีประสบการณ์
แต่ก็กังวลว่า จะไหวกันมั้ยครับ กำลังจะสร้างหนี้ก้อนโตกันแล้ว??

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ของผมเงินเดือน 15,000 กลางๆเอง ทำงานมา 3 ปีแล้ว

ที่ทำงานบอกว่าเงินเดือนเยอะแล้ว(เพราะคนอื่นๆ 9 พัน)

กำลังจะผ่อน March CVT ครับ

แต่ให้พ่อแม่ซื้อแล้วเราผ่อนให้ 3 พัน 2 ร้อย ก็น่าจะพอไหว

แต่ผมให้เงินก้อนเยอะเพราะความที่บริษัทอยู่นอกเมือง

รายจ่ายค่าอาหารไม่เยอะ(ข้าวจานละ 20 บ.) ;)

ออฟไลน์ MJunior

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 343
    • อีเมล์
มันมีหลายปัจจัยครับ ตอบยาก
1 ต้องทำบัญชีค่าใช้จ่ายของตัวเองดูก่อนเช่น
  - ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อเดือน 5000
  - ค่ีาที่พัก 3000 บาท
  - ภาระทางบ้านให้พ่อแม่  2000
  - ค่าเที่ยว ชอปปิ้ง 2000
  - เงินออมสะสม 2000
2. ประมาณการค่าใช้จ่ายในการมีรถ
  - ค่าผ่อนรถ 7000 (x 60 เดือน สมมติว่ารถราคา 500000  ต้องดาวน์ 120000)
  - ค่าน้ำมัน วิ่ง 50 กม/วัน x 30 วัน x 36 บาทต่อลิตร  /12 กมต่อลิตร = 4500 บาทต่อเดือน
  - ค่าซ่อมบำรุง  1500 กมต่อเดือน ประมาณ 1000 บาท
  - ประกันชั้นหนึ่ง  15000 ต่อปี  = 1250
รวมทั้งหมด = 27750 บาท/เดือน

ประมาณนี้ครับ
ถ้าความเห็นส่วนตัวนะ  มีรถคันแรกควรจะมีเงินเดือน 30000 บาทขึ้นไป
ยกเว้นจะมีคนมาร่วมหารหรือมีภรรยานั้นเอง ซึ่งก็จะต้องรวมรายรับรายจ่ายของภรรยาด้วย

ผมเองมีรถคันแรกตอนเงินเดือน 19000  มือ2 เมือ 12 ปีที่แล้ว รถราคา470000  แม่ออกให้ก่อน
แลัวผ่อนให้แม่แทน ปรากฎว่าผ่อนได้ 4-5 เดือนเท่านั้นครับ รับภาระไม่ไหว คุณแม่เลยยกให้เลย ;D

แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ภาระของแต่ละบุคคลครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่ารายจ่ายสำคัญนะครับ เช่นเงินเดือน 19,000

อยู่ในเมืองหรืองาน office อันนี้สังคมก็จะมีค่าใช้จ่ายเยอะหน่อย

แต่อย่างผมตอนนี้เงินเดือนน้อยกว่า แต่ว่าภาษีสังคมต่ำ
ไม่ค่อยไปไหน ที่ทำงานใกล้บ้าน ไม่เสียค่ารถไฟฟ้า ค่าอาหารก็ถูก

เลยพออยู่ได้ ผ่อนได้

แต่ต้องหางานเสริมครับ ;)

ออฟไลน์ GUDJA-MAN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,639
ผมคิดว่าคนที่ได้เงินเดือน rate เดียวกับนโยบายหาเสียง ถ้าไม่จำเป็นมาก ก็อย่าพึ่งดีกว่า
มีรถใครๆ ก็อยากมีไว้ใช้ เพื่อความสะดวกสบาย แต่ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ

ผ่อนรถ ตีซะว่าเดือนละประมาณ 8-9 พัน ผมคิดค่าข้าว + ค่าน้ำมัน ให้ทุกวันๆ ละ 200 ทำงานเดือนนึง 22-23 วัน
เสาร์ อาทิตย์ คิดซะว่าอยู่บ้านไม่ต้องจ่าย แล้วอย่าลืมว่าต้องเจียดเงินเป็นค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัย ต่อทะเบียนประจำปีอีก
และแน่นอน สังคมทำงาน หลีกเลี่ยงไม่ได้กับ party กินข้าว สังสรรค์ มื้อนึงเดี๋ยวนี้ก็ใช่ย่อย
เด็กจบใหม่ เงินเดือน 15,000 ถ้าไม่มีที่บ้านช่วย ยังแทบไม่พอเลยครับ ผมเห็นมาเยอะแล้ว

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,737
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
ไหวอยู่นะครับแต่พี่ เคยผ่านตรงนี้มานะ เหนื่อยโคตรๆ14000เราต้องคิดขั้นต่ำเพื่อไม่ได้อย่างที่หวังไว้ ค่าน้ำมัน3000/เดือน =5เดือนเปลี่ยนของเหลวในรถ มาร์ชกินประมาณ กิโลละ 2.3-2.5บาท ค่าบำรุงรักษา ต่อปี 5000บ ประกัน 18000ป.1 เดียวมาพิมพ์ต่อ

ต่อ ถ้าไม่จำเป็นก็ใช้รถแท๊กซี่ดีกว่าครับ บางครั้งบางคราวไหนจะต้องเก็บเงินแต่งเมียอีก เยอะมากเลยนะครับค่าใช้จ่าย
เวลาลองคิดให้ดีๆนะครับ ถ้าจำเป็นก็เอาถ้าไม่จำเป็นก็พักไว้ก่อน

ต้องคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราจะคิดมีครอบครัว หรือแต่งงาน เราทำตามกระแสสังคมไม่ได้นะครับ ต้องดูครอบครัว ดูตัวเราไว้ก่อน
อย่างเอาคนอื่นเป็นเกณฑ์ภาระแต่ละคนมันไม่เท่ากัน คิดไกลๆไว้นะครับ ถ้าเราผ่อนไม่ไหวใครจะซัพพอร์ทเราได้บ้าง

ยังไงก็ฝากไว้นะครับ
ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2011, 10:24:52 โดย liveshow »
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ LaTeX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 969
จริงครับมีหลายปัจจัย
เช่น
-ทำงานในเมือง/นอกเมือง  ค่าอาหารแพง ค่าที่จอดรถตามสถานที่ต่างๆ
-อาศัยกับครอบครัวรึเปล่า ถ้าอาศัยกับครอบครัวก็ทุ่นค่าที่ัพักไปได้ ค่าอาหารอีกเดือนละหลายมื้อ

รถยนต์ส่วนตัวนั้นไม่ได้มาแค่เงินผ่อนต่อเดือนอย่างเดียว
แต่มาทั้งค่าน้ำมันอีกเดือนละหลายพัน
ึค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง เช่น น้ำมันเครื่อง ยาง ค่าล้างรถ(หรืออุปกรณ์ล้างรถเอง) ประกันภัย ภาษี

ยกตัวอย่างว่า ถ้าผมเงินเดือน20k ทำงานในกรุงเทพต้องเช่าหอพัก กินอยู่เอง ปกติใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงาน ไม่มีภาระทางบ้าน แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากนักปล่อยให้เลี้ยงดูตัวเอง มีแฟนแต่แยกรายจ่าย(เผื่อเลิก 555)
ผมไม่ซื้อแน่ๆครับลำพังค่าครองชีพก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าต้องผ่อนรถรวมน้ำมันตีถ้วนๆสักหนึ่งหมื่นแล้วเก็บอีกหมื่นไว้ใช้ในกรุงเทพ ผมว่าต้องประหยัดสุดๆเลยกินข้าว เงินเหลือเก็บคงมีแต่น้อยแน่ๆ แทบซื้อของเกินจำเป็นอะไรไมไ่ด้เลย เผลอๆจะไม่พอกินเอา ปกติแบบนี้มักจะซื้อพวกอสังหาริมทรัพย์กันเป็นอันดับแรกครับ

แต่ถ้าผมเงินเดือน15kทำงานอยู่ต่างจังหวัด อาศัยอยู่กับครอบครัว(กับพ่อแม่ มีข้าวกิน มีบ้านอยู่) การเดินทางไปทำงานไม่สะดวกนักต้องซิ่งแว้นไป หรือเอารถของครอบครัวไปใช้  เงินเดือนส่วนใหญ่จะใช้เก็บหรือส่วนตัว เพราะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ค่าใช้จ่ายอื่นๆออกให้หมด(เผลอๆมีแถม) แบบนี้ผมคงออกสักคันครับ เพราะภาระต่างจากกรณีบนสุดๆ เงินเดือนนั้นแทบจะเก็บเต็มๆ หรือต่อให้มีปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังทางบ้านก็ยังช่วยเหลือได้

ออฟไลน์ LaTeX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 969
อีกอย่างพอคุณมีรถ หลายจ่ายหลายๆอย่างจะตามมาอย่างคาดไม่ถึง
เช่น
อยากเที่ยวไปเที่ยว แต่เพื่อนไม่แชร์ค่าน้ำมัน >:(
ค่าจอดรถตามสถานที่ต่างๆ
จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหวอยากติดแก๊ส
อยากแต่งรถ

ประสบการณ์ส่วนตัวครับ

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,514
    • อีเมล์
อันดับแรก,,, ผมอยากให้มองที่ "ความจำเป็น" มากกว่า "เรื่องเงิน" ครับ
คือ ถ้ารถ มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของท่าน รถช่วยท่านหาเงิน
ยังไงมันก็ต้องไหว ยังไงมันก็ต้องซื้อแหละครับ แล้วค่อยไปประหยัดในส่วนอื่นเอา

แต่ถ้ารถ,,, ไม่ได้มีความจำเป็น ไม่ได้ช่วยหาเงิน อยากจะเอาสบายอย่างเดียว
ซ้ำยังจะสร้างดอกเบี้ย(ซึ่งตอนนี้แพงมาก) ให้ท่านต้องจ่ายอีก
ผมว่า เก็บเงินเย็นไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะได้ฉกฉวยได้ครับ

เพื่อนผมคนนึง,,, นั่งรถเมล์จาก นนท์ ไปทำงาน บ้านหม้อ ทุกวัน
เงินเดือนก็ประมาณ 2 หมื่น มันเก็บเงินเย็นของมัน ไปเล่นหุ้น
ตอนนี้ ก็ได้อีกประมาณ 1-2 หมื่น ต่อเดือน
ผมถามมัน "ไม่ซื้อรถหลอ" มันบอก "จะซื้อมาทำไม"

สรุป,,, ถ้ามีความจำเป็น ยังไงก็ต้องซื้อ ก็ซื้อเถอะครับ
หรือถ้ามีเงินเย็น ไม่รู้จะเอาไปทำไร จะซื้อสด ก็น่าจะได้

แต่ถ้าไม่จำเป็น แล้วต้องเสียดอกเบี้ยอีก ก็คิดให้หนักละกันครับ  :-X

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อีกอย่างพอคุณมีรถ หลายจ่ายหลายๆอย่างจะตามมาอย่างคาดไม่ถึง
เช่น
อยากเที่ยวไปเที่ยว แต่เพื่อนไม่แชร์ค่าน้ำมัน >:(
ค่าจอดรถตามสถานที่ต่างๆ
จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหวอยากติดแก๊ส
อยากแต่งรถ

ประสบการณ์ส่วนตัวครับ
จริงครับมีหลายปัจจัย
เช่น
-ทำงานในเมือง/นอกเมือง  ค่าอาหารแพง ค่าที่จอดรถตามสถานที่ต่างๆ
-อาศัยกับครอบครัวรึเปล่า ถ้าอาศัยกับครอบครัวก็ทุ่นค่าที่ัพักไปได้ ค่าอาหารอีกเดือนละหลายมื้อ

รถยนต์ส่วนตัวนั้นไม่ได้มาแค่เงินผ่อนต่อเดือนอย่างเดียว
แต่มาทั้งค่าน้ำมันอีกเดือนละหลายพัน
ึค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง เช่น น้ำมันเครื่อง ยาง ค่าล้างรถ(หรืออุปกรณ์ล้างรถเอง) ประกันภัย ภาษี

ยกตัวอย่างว่า ถ้าผมเงินเดือน20k ทำงานในกรุงเทพต้องเช่าหอพัก กินอยู่เอง ปกติใช้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปทำงาน ไม่มีภาระทางบ้าน แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากนักปล่อยให้เลี้ยงดูตัวเอง มีแฟนแต่แยกรายจ่าย(เผื่อเลิก 555)
ผมไม่ซื้อแน่ๆครับลำพังค่าครองชีพก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าต้องผ่อนรถรวมน้ำมันตีถ้วนๆสักหนึ่งหมื่นแล้วเก็บอีกหมื่นไว้ใช้ในกรุงเทพ ผมว่าต้องประหยัดสุดๆเลยกินข้าว เงินเหลือเก็บคงมีแต่น้อยแน่ๆ แทบซื้อของเกินจำเป็นอะไรไมไ่ด้เลย เผลอๆจะไม่พอกินเอา ปกติแบบนี้มักจะซื้อพวกอสังหาริมทรัพย์กันเป็นอันดับแรกครับ

แต่ถ้าผมเงินเดือน15kทำงานอยู่ต่างจังหวัด อาศัยอยู่กับครอบครัว(กับพ่อแม่ มีข้าวกิน มีบ้านอยู่) การเดินทางไปทำงานไม่สะดวกนักต้องซิ่งแว้นไป หรือเอารถของครอบครัวไปใช้  เงินเดือนส่วนใหญ่จะใช้เก็บหรือส่วนตัว เพราะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ค่าใช้จ่ายอื่นๆออกให้หมด(เผลอๆมีแถม) แบบนี้ผมคงออกสักคันครับ เพราะภาระต่างจากกรณีบนสุดๆ เงินเดือนนั้นแทบจะเก็บเต็มๆ หรือต่อให้มีปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังทางบ้านก็ยังช่วยเหลือได้

น่าจะ case เดียวกับผมเลยครับ ทำงานชานเมืองที่จอดรถฟรี(แต่ตากแดด) รถไม่ติด แต่นั่งรถเมล์ไปลำบากมากๆ
ค่าอาหารไม่แพง(20 บ.) บางวันก็เอาอาหารไปกินเอง ภาษีสังคมไม่เยอะ เพราะพี่ๆส่วนใหญ่มีครอบครัว ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน
ไม่มีกินเหล้า มีแต่จ่ายค่างานศพบ้าง :o เสาร์-อาทิตย์ก็อยู่บ้านอ่านหนังสือ(เรียนเนติ)

ผมเก็บได้เดือนละ 10,000 กว่าๆ ทั้งที่เงินเดือนประมาณ 15,000+เงินพิเศษอื่นๆ

ผมเลยตัดสินใจซื้อรถเพราะ จะเอาค่าน้ำมันที่จ่ายกับคันเก่ามาผ่อนรถ(Eco car) และไม่ต้องเสียค่าซ่อม(รถเก่าครับ) ;)
จาการคำนวนของผม เท่ากับว่าผมอาจจ่ายค่าผ่อนรถจริงๆ ประมาณ 2 พันครับ  :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2011, 08:56:14 โดย SilverG »

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,262
    • อีเมล์
ตอนผมเงินเดือน 15000-20000 ผมใช้มือสอง ติดแก๊สครับ

ใช้มา 9 ปี ถึงมีเงินเหลือมาดาวน์ป้ายแดง

ถ้าซื้อแล้วมันตึงเกินไปก้หามือสองสภาพดีๆไปก่อนก็ได้ครับ เพราะตึงไป ชีวิตจะเครียดเกิน  วัยทำงานต้องมีสังคมอะไรอีกหลายอย่าง

ถ้าเป็นผู้ชายสนับสนุนให้หามือสองมาลองเล่นก่อน  ใช้ไป ซ่อมบ้างก็สนุกดี  เป็นประสบการณ์ชีวิต

ถ้าเป้นผู้หญิงสนับสนุนป้ายแดง เท่าที่จะสามารถผ่อนได้ครับ

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,514
    • อีเมล์
ดอกเบี้ย,,, รถมือ 2 แพงกว่า รถใหม่ มากอยู่นนะครับ
พอผ่อนหมด,,, รถมือ 2 อาจจะแพงกว่าอะ
ลองไปคำนวณดุก่อน

ออฟไลน์ wut get real

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
    • อีเมล์
ไหวนะครับ แต่บางทีต้องตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยบางอย่างออกไปบ้าง และที่สำคัญมีรถแล้วจะไม่ค่อยมีเงินเก็บนะครับ ถ้าไม่หาอาชีพเสริม  ;D
Accord  G9
Prius
Hilux Revo

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 587
    • อีเมล์
เด็กจบใหม่ได้เงินเท่านี้ถือว่ามากแล้วครับ............เมื่อเทียบกับผมเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หุหุ
ถ้าคนเดียวนี่ท่าทางจะเหนื่อย.........มันไม่ใช่แค่ผ่อนรถอย่างเดียว  อื่นๆจะตามมาหลายๆ อย่าง
ขนาดผมทำงานเก็บเงินมา 5 ปี และเพิ่งแต่งงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ต้องมาคำนวนรายจ่ายทั้งหมด ว่าเดือนหนึ่งเหลือเงินเท่าไร......จะพอผ่อนหรือไม่
จะต้องเหลือเก็บต่อเดือนกี่บาท...มันไม่ใช่ผ่อนรถเดือนชนเดือนเท่านั้น
เพราะเงินดาวน์รถก็ช่วยกันเก็บกับแฟน.............ดาวน์รถจนเงินหมดก็ไม่ได้
ต้องสำรองไว้ยามฉุกเฉินอีก....พาพ่อ แม่ ไปหาหมอบ้าง

แนะนำอย่างนี้ครับ  หากมีเงินดาวน์ไม่เดือดร้อน แต่ต้องมีเงินเหลือเก็บไว้บ้างนะครับ  หลังจากหักค่าใช้จ่ายค่าผ่อนรถไปแล้วมีเงินเหลือซัก 4 พันบาท อันนี้คงออกได้แล้วครับ

หากมันพอดีเกินไป.........อย่าเพิ่งมีภาระตอนนี้เลยครับ รอซัก 2-3 ปี เมื่อพร้อมกว่านี้จะดีกว่า

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,162
ขอบคุณครับ

เป็นมุมมองที่ดีครับ


ส่วนของเพื่อนๆผมคงปล่อยมันแหละครับ
อย่างว่า เพื่อนผมมองที่ความโก้ การมีรถขับคงดูเท่
แต่สำหรับผม คุณพ่อให้ขับตั้งแต่สมัยเรียนเพราะไม่อยากให้อยู่หอ
เนื่องจากกลัวเสียการเรียน
กลายเป็นว่า มีรถคือภาระ เพราะต้องเติมน้ำมัน ค่าใช้จ่ายมากมาย
คาดว่า เด๋วเพื่อนผมคงรู้สึกเอง 555+

ส่วนของแฟนผม คงให้ซื้อปีหน้า เพราะจำเป็นครับ
แถวรามอินทราไม่มีรถไฟฟ้าอะไรเลย ต้องพึ่งรถจริงๆ เหอะๆ

ออฟไลน์ nudragon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,850
  • MT Mania!!
อยากเทห์จัดไปครับ ไหวแน่นอน
แต่ตอนผมจบใหม่ผมซื้อบ้าน2m+ ที่ต่างจังหวัด ไม่อยากเช่าเค้าอยู่
ตอนนี้ทำงานมา 3ปี พึ่งจะออกรถป้ายแดงครับ ก่อนหน้านั้นใช้เก่าของพ่อ ;D

ออฟไลน์ dorakun

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
    • อีเมล์
ก่อนที่คิดจะซื้อรถ ผมขอถามคำเดียวก่อนครับ
สมเหตุสมผลไหมที่จะมีรถ อันนี้เป็นกรณีตัวอย่างนะครับ
เพราะว่าก็มีเพื่อนบางคนของผมเหมือนกัน
ประมาณกรณีที่เจ้าของกระทู้ว่ามาเลยครับ

ทำงานได้แป็ปนึงอยากมีรถ คิดว่าผ่อนไหว
ก็ไปดาว์มาผ่อนไป แต่สุดท้ายหลังจากหายบ้าเห้อรถแล้ว
ก็กลับกลายเป็นจอดไว้กับบ้านแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าเหมือนเดิม

ผมถามกลับไปว่าทำไมไม่ใช้รถล่ะซื้อมาแล้วไม่ใช่เหรอ
เค้าตอบกลับมาว่า นั่งรถไฟฟ้าดีกว่า เพราะค่าน้ำมันก็แพง
ขับเข้ามาในเมืองรถก็ติดทำให้ต้องตื่นเช้ากว่าเดิม
มาถึงตึกที่ทำงานก็โดนเก็บค่าที่จอดรถอีก ฯลฯ
คิดไปคิดมานั่งรถไฟฟ้าเหมือนเดิมสะดวกกว่า
ถูกกว่าด้วย....สุดท้ายแล้วก็เท่ากับว่าซื้อรถมาจอดไว้เฉยๆ
แต่ต้องผ่อนทุกเดือน+จ่ายค่ารักษาต่อไป
อาทิตย์นึงได้ขับแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

ดังนั้นถ้าคิดว่าซื้อมาแล้วจะเป็นแบบกรณีของเพื่อนผม
ผมอยากจะแนะนำว่าให้คิดดีๆนะครับ....คิดยาวๆ
มีรถแล้วก็เหมือนมีภาระเพิ่มอีกอย่างนะครับ
ปล.นี่เป็นแค่ความคิดส่วนตัวจากประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ

civicferio

  • บุคคลทั่วไป
ไหว เพราะจัดสันเงินได้+หาเงินเก่ง แต่ก็ซื้อรู่นเบส เพราะหวังแค่เดินทาง ไม่บ้าออฟชั่น แต่ไม่ค่อยได้ใช้ แถมปีที่แล้วงานเข้าอีก

แต่ผ่อนจริงมีรายการกินมาม่า ปลากระป๋องสามวันสุดท้ายเกือบทุกเดือน -..-"

ออฟไลน์ zekoza11

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 292
สองหมื่นก็เยอะแล้วนะ
แต่ผมว่าได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรายจ่ายมากกว่า

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,141
ไม่มีภาระหมายความว่า อยู่กับพ่อแม่ ไม่มีภาระอะไรเลยประมาณนี้ใช่มั้ยครับ? ค่าใช้จ่ายอื่นไม่มีเลย?
ถ้าแบบนี้โอกาศรอดมีสูงครับ แต่อย่าลืมค่าประกันภัย การใช้จ่ายอื่นๆ อีกนะครับ
อ้อ รอได้รอนโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรกของพรรค พท. ด้วยนะครับ อย่างน้อยก็อาจจเอาตรงนั้นมาจ่ายเป็นค่าประกันภัยชั้น 1 ได้ 5 ปี

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,047
อันดับแรก,,, ผมอยากให้มองที่ "ความจำเป็น" มากกว่า "เรื่องเงิน" ครับ
คือ ถ้ารถ มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของท่าน รถช่วยท่านหาเงิน
ยังไงมันก็ต้องไหว ยังไงมันก็ต้องซื้อแหละครับ แล้วค่อยไปประหยัดในส่วนอื่นเอา

แต่ถ้ารถ,,, ไม่ได้มีความจำเป็น ไม่ได้ช่วยหาเงิน อยากจะเอาสบายอย่างเดียว
ซ้ำยังจะสร้างดอกเบี้ย(ซึ่งตอนนี้แพงมาก) ให้ท่านต้องจ่ายอีก
ผมว่า เก็บเงินเย็นไว้ก่อน เผื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา จะได้ฉกฉวยได้ครับ

เพื่อนผมคนนึง,,, นั่งรถเมล์จาก นนท์ ไปทำงาน บ้านหม้อ ทุกวัน
เงินเดือนก็ประมาณ 2 หมื่น มันเก็บเงินเย็นของมัน ไปเล่นหุ้น
ตอนนี้ ก็ได้อีกประมาณ 1-2 หมื่น ต่อเดือน
ผมถามมัน "ไม่ซื้อรถหลอ" มันบอก "จะซื้อมาทำไม"

สรุป,,, ถ้ามีความจำเป็น ยังไงก็ต้องซื้อ ก็ซื้อเถอะครับ
หรือถ้ามีเงินเย็น ไม่รู้จะเอาไปทำไร จะซื้อสด ก็น่าจะได้

แต่ถ้าไม่จำเป็น แล้วต้องเสียดอกเบี้ยอีก ก็คิดให้หนักละกันครับ  :-X

เห็นด้วยเลยครับ
อาจจะพอใช้แต่คงเหลือเก็บน้อยมากครับ
ชีวิตมันไม่แน่นอนครับต้องมีสำรองไว้เสมอครับ..

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,942
ขอออกความคิดเห็นหน่อยนะครับ

เวลาจะคิดรายรับ ให้คิดเฉพาะรายได้ประจำที่ได้แน่ๆทุกเดือนครับ  อย่าไปรวมโอที หรือเงินได้พิเศษที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
มันจะกลายเป็นว่าดูเหมือนรายได้เยอะ  แต่พอมีรถจริงๆกลายเป็นหมุนเงินไม่ทันครับ

ขอฝากไว้ให้ลองคิดดูครับ ;D

ออฟไลน์ AzLaRN

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 261
ผมก็เพิ่งจบใหม่เหมือนกันครับ

แต่ผมว่าอย่าเพิ่งสร้างภาระให้ตัวเองจะดีกว่านะครับ เก็บเงินไว้เรียนต่อจะดีกว่า

ถ้าท่านเจ้าของกระทู้ทำงานบัญชี ต้องเปลี่ยน Job งานเรื่อยๆ

ไปกับบริษัทดีกว่า เพราะการขับรถในกรุงเทพ เหนื่อยนะครับ

เวลาที่เคยใช้นอนบนรถ ต้องเปลี่ยนเป็นเวลาขับรถซึ่งจะนอนไม่ได้ครับ

ไหนจะค่าประกัน ค่าบำรุงรักษา ค่าที่จอดรถ อีกเยอะเลย เดือนๆนึงแพงกว่าอยู่หออีกครับ

ตัวผมเองก็อยู่บ้านใช้รถที่ทางบ้านมีอยู่แล้ว อยู่บ้านก็สบายหน่อย แต่ก็ยังพอๆกับค่าหออยู่ดี

สรุปนะครับ ถ้าทำงานอยู่ในกรุงเทพอยู่ดีมีความสุข แนะนำว่า ยังไม่ควรซื้อครับ อดทนเพื่อนๆเค้าโม้กันไปก่อน แล้วจะพบอะไรดีๆอีกเยอะ

ขอบคุณครับ

เป็นมุมมองที่ดีครับ


ส่วนของเพื่อนๆผมคงปล่อยมันแหละครับ
อย่างว่า เพื่อนผมมองที่ความโก้ การมีรถขับคงดูเท่
แต่สำหรับผม คุณพ่อให้ขับตั้งแต่สมัยเรียนเพราะไม่อยากให้อยู่หอ
เนื่องจากกลัวเสียการเรียน
กลายเป็นว่า มีรถคือภาระ เพราะต้องเติมน้ำมัน ค่าใช้จ่ายมากมาย
คาดว่า เด๋วเพื่อนผมคงรู้สึกเอง 555+

ส่วนของแฟนผม คงให้ซื้อปีหน้า เพราะจำเป็นครับ
แถวรามอินทราไม่มีรถไฟฟ้าอะไรเลย ต้องพึ่งรถจริงๆ เหอะๆ

แถวรามอินทรา รถตู้ขับเร้วกว่ารถไฟฟ้าเยอะครับ ^^ 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2011, 10:50:50 โดย AzLaRN »

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,702
  • Nine & Knight
สำหรับผมเงินเดือน 18000 รวมนู้นนี่นั่นก็ 24000 ยังขับมือสองอยู่เลยครับ สามห่วงปี 95 ไม่กล้าที่จะออกรถใหม่อยากได้เหมือนกันแต่มันไม่จำเป็น เท่าที่มีก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะออกรถใหม่ก้มีอย่างเดียวเป็นหลักคือ ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง บางคนกว่าจะได้นั่งรถที่อยากได้จริงๆก็เกษียนแล้วก็มี ล่อเทียน่า แอคคอร์ด แคมรี่กันเยอะ สำหรับผมไม่ถือว่าสิ้นเปลืองหรือฟุ่มเฟือยเพราะมันคือรางวัลชีวิตทำงานมานานเพียงแต่ผมไม่อยากให้รางวัลผมมันนานเกินไป ทำงานมา 8 ปีล่ะ กะจะให้รางวัลกับตัวเองตอนทำงานครบ 10 ปี (หลายๆที่รวมกันนะ) แต่ไม่ถึงขั้น D Segment หรอก กะรอดูทีด้าใหม่พอดีเลย ตอนนี้ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนกะจะให้มันงอกเงย แล้วเอาไอ้ที่งอกไปดาว์นแล้วก็เป็นเงินผ่อนทุกๆเดือน เท่ากับว่าผมไม่เสียตังเลยแต่ก็ไม่รวยขึ้น เงินก้อนนั่นก็อยู่เป็นเงินทุน เงินใช้ยามฉุกเฉิน เป็นเงินเก็บต่อไป

แต่สำหรับเด็กจบใหม่แล้วอยากเห่อ อยากได้รถใหม่ไปอวดชาวบ้านผมถือว่าฟุ่มเฟีอยเลยล่ะ ควรสร้างรากฐานชีวิตตนเองให้แน่นก่อนทำงานไปสักพักเก็บเงินได้ก้อนนึงมั่นใจแล้วว่ารากฐานแน่นพอก็ค่อยให้รางวัลกับตัวเองจะมีคุณค่ากว่า เห็นมากเยอะพวกจบใหม่หรือเงินเดือนน้อยๆได้โบนัสมาก็เอาไปดาว์นรถสุดท้ายไม่มีปัญญาผ่อนต้องเดือนร้อนพ่อแม่ เลี้ยงมาจนโตส่งเสียจนเรียนจบแล้วยังไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองอีก เอาเงินที่หามาได้ไปฟุ่มเฟีอยในสิ่งไม่จำเป็น บางคนก็โดนไฟแนนท์ยึด บางคนก็เร่ขายดาว์นขาดทุนบาน บางคนก็จอดทิ้งไว้อยู่บ้านเป็นเครื่องประดับบ้านไปเสีย บางคนมีปัญญาผ่อนก็จริงแต่ต้องเบียดเบียนความสุขในชีวิตส่วนตัวไป เช่นไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กินแต่มาม่า อยากได้อะไรก็ซื้อไม่ได้ สร้างนี้สร้างสินเพิ่มเติมเป็นงูกินหาง ชิวิตนี้คาดหวังกับโบนัสอย่างเดียว

อันนี้ผมพูดเฉพาะคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้นะครับส่วนคนที่จำเป็นต้องใช้มันก็จำเป็นล่ะครับเหตุผลคล้ายๆกับทุกๆท่าน แต่เพิ่มอีกนิด บางคนทำให้มันเป็นบวกด้วยการสร้างแรงขับเคลื่อนตัวเองให้พยายามหาตังมาผ่อนรถ กลายเป็นว่าอาจเปลี่ยนจากคนไม่มีอะไรมาเป็นคนขยันคนมีความรับผิดชอบซะงั้นก็มี มันก็ไม่มีอะไรเป็นข้อดีข้อเสียไปทุกด้านหรอกครับ

ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ unwellx

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 62
    • อีเมล์
ผมว่าลองเก็บเงินดูครับเดือนละ 10000 แล้วพ่เก็บไหวได้ชักประมาณ 2แสนแล้วค่อยนำไปดาวน์ ยอดผ่อยต่อเดือน
จะได้ไม่หนัก

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับผมเงินเดือน 18000 รวมนู้นนี่นั่นก็ 24000 ยังขับมือสองอยู่เลยครับ สามห่วงปี 95 ไม่กล้าที่จะออกรถใหม่อยากได้เหมือนกันแต่มันไม่จำเป็น เท่าที่มีก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะออกรถใหม่ก้มีอย่างเดียวเป็นหลักคือ ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง บางคนกว่าจะได้นั่งรถที่อยากได้จริงๆก็เกษียนแล้วก็มี ล่อเทียน่า แอคคอร์ด แคมรี่กันเยอะ สำหรับผมไม่ถือว่าสิ้นเปลืองหรือฟุ่มเฟือยเพราะมันคือรางวัลชีวิตทำงานมานานเพียงแต่ผมไม่อยากให้รางวัลผมมันนานเกินไป ทำงานมา 8 ปีล่ะ กะจะให้รางวัลกับตัวเองตอนทำงานครบ 10 ปี (หลายๆที่รวมกันนะ) แต่ไม่ถึงขั้น D Segment หรอก กะรอดูทีด้าใหม่พอดีเลย ตอนนี้ก็เอาเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุนกะจะให้มันงอกเงย แล้วเอาไอ้ที่งอกไปดาว์นแล้วก็เป็นเงินผ่อนทุกๆเดือน เท่ากับว่าผมไม่เสียตังเลยแต่ก็ไม่รวยขึ้น เงินก้อนนั่นก็อยู่เป็นเงินทุน เงินใช้ยามฉุกเฉิน เป็นเงินเก็บต่อไป

แต่สำหรับเด็กจบใหม่แล้วอยากเห่อ อยากได้รถใหม่ไปอวดชาวบ้านผมถือว่าฟุ่มเฟีอยเลยล่ะ ควรสร้างรากฐานชีวิตตนเองให้แน่นก่อนทำงานไปสักพักเก็บเงินได้ก้อนนึงมั่นใจแล้วว่ารากฐานแน่นพอก็ค่อยให้รางวัลกับตัวเองจะมีคุณค่ากว่า เห็นมากเยอะพวกจบใหม่หรือเงินเดือนน้อยๆได้โบนัสมาก็เอาไปดาว์นรถสุดท้ายไม่มีปัญญาผ่อนต้องเดือนร้อนพ่อแม่ เลี้ยงมาจนโตส่งเสียจนเรียนจบแล้วยังไม่มีปัญญาเลี้ยงตัวเองอีก เอาเงินที่หามาได้ไปฟุ่มเฟีอยในสิ่งไม่จำเป็น บางคนก็โดนไฟแนนท์ยึด บางคนก็เร่ขายดาว์นขาดทุนบาน บางคนก็จอดทิ้งไว้อยู่บ้านเป็นเครื่องประดับบ้านไปเสีย บางคนมีปัญญาผ่อนก็จริงแต่ต้องเบียดเบียนความสุขในชีวิตส่วนตัวไป เช่นไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กินแต่มาม่า อยากได้อะไรก็ซื้อไม่ได้ สร้างนี้สร้างสินเพิ่มเติมเป็นงูกินหาง ชิวิตนี้คาดหวังกับโบนัสอย่างเดียว

อันนี้ผมพูดเฉพาะคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้นะครับส่วนคนที่จำเป็นต้องใช้มันก็จำเป็นล่ะครับเหตุผลคล้ายๆกับทุกๆท่าน แต่เพิ่มอีกนิด บางคนทำให้มันเป็นบวกด้วยการสร้างแรงขับเคลื่อนตัวเองให้พยายามหาตังมาผ่อนรถ กลายเป็นว่าอาจเปลี่ยนจากคนไม่มีอะไรมาเป็นคนขยันคนมีความรับผิดชอบซะงั้นก็มี มันก็ไม่มีอะไรเป็นข้อดีข้อเสียไปทุกด้านหรอกครับ



อันนี้ขอพูดนิดนึงนะครับ ในฐานะใช้ สามห่วง 1.6GXI Auto เหมือนกัน

ว่า ผมว่าพยายามอย่าใช้รถเกิน 20 ปีนะครับ เพราะผมรู้สึกว่า สามห่วง แบบเดียวกัน

ตอนนี้เริ่มขายยากแล้วครับ ถ้าเป็นไปได้ หากพอไหว ก็เปลี่ยนดีกว่าครับ อนาคตจะปล่อยยากขึ้น

ผมลงใน Net นี่รู้เลย ว่ามีคน PM มาสนใจ แต่สุดท้ายก็ไม่มาดู เพราะดอกรถเก่ากว่าปี 96 แพงมาก
ส่วนใหญ่เข้าไฟแนนส์ห้องแถว คนเลยไม่ซื้อกัน และพวกที่ซื้อ ก็ต่อแล้วต่ออีก จนบางทีการ turn ศูนย์จะดีกว่าด้วยซ้ำ
เช่น turn ศูนย์ ได้ 1.2 แสน ขายเอง 1.4 แต่ยังต่ออีก จะเอาให้ถึง 1.3 แสนให้ได้ แบบนี้ผมจะขายตรงไปทำไมไม่รู้
เสียค่าโทรไป 50 บ. ค่าน้ำมันอีก มีแต่ขาดทุน

และอนาคต จะต้องซ่อมอะไรอีกก็ไม่รู้ และจุดอ่อนของสามห่วง ของพวกเราคือ แลคพวงมาลัย ซึ่ง นับวันของมันก็จะหายากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะส่วนใหญ่รั่วกันทุกคันครับ(ของผมเปลี่ยนมาแล้ว)

ยังไงถ้าพอไหว และไม่เป็นภาระมาก ก็ลองเปลี่ยนไปเป็นพวก Eco car หรือ B-Seg ดีกว่าครับ :)

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,208
ผมเนี่ยรายได้เดือนละ 36K-40K

รายจ่ายที่นอนมาเลยทุกเดือน เดือนละ 11 K

กินใช้ตั้งงบไว้เดือนละ 10 K (เป็นที่ประหลาดใจยิ่ง เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย เดือนละ 4000 รวมค่าหอ อยู่ได้ ทำไมตอนนี้กินใช้อย่างเดียว หมื่นนึงไม่พอ บางเดือนมีรูดบัตรเพิ่มอีก)

ดูเหมือนว่าอย่างน้อยที่สุดผมก็จะเหลือเดือนละ 15 K

ดูแล้วผ่อนรถได้สบายๆ

แต่เชื่อไหมว่ารถผมไม่ได้ผ่อน

และเงิน 15 K ที่ว่าก็ไม่เหลือ

มันแปลงร่างกลายเป็น เครื่องเสียง รองเท้า กางเกงยีนส์ ของเล่นไร้สาระ ไฟฉาย มีด เครื่องมือช่าง

เพื่อนๆที่ทำงานมาพร้อมๆกันเค้าผ่อนรถหมดกันแล้ว

ฉะนั้นผมอยากให้ผ่อนครับ ถ้าผ่อนไหว มันจะเป็นแรงขับดัน เป็นพลังให้ขยันทำงาน

ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

กลายเป็นคนที่สาวๆไม่อยากฝากชีวิตไว้

T_T



ออฟไลน์ Yojinboh!!

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
ตอนนี้ผม เงินเดือน 21,000 รวมโอทีด้วย ก็ได้ประมาณ 35,000+ ยังคิดไม่ตกเลยครับ เพราะว่าต้องผ่อนบ้าน 7500 ให้เเม่ 7000  ค่านมลูกอีก
 
ไหนจะค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก ก็ได้เเต่คิดว่าอยากจะได้ซักคัน เเต่พอคิดไปเเล้วว่า ถ้าซื้อรถใหม่ก็ต้อง มีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 12000+

ก็เลยยังข่มใจตัวเองไปก่อนซักพักหน่ะครับ ไว้ปีหน้าค่อยว่ากัน 55555

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,240
ผมยกตัวอย่างตัวเองแล้วกัน
ผมซื้อรถหลังจากทำงานได้ราวๆ 1 ปีครับ
โดยตอนนั้นเงินเดือนประมาณ 13,xxx บาท รวมกับค่าโอทีก็ได้แถว 18,000 -20,000 บาท ต่อเดือน
ที่ต้องซื้อเพราะจำเป็น ต้องใช้เดินทางระหว่าง แปดริ้ว - ชลบุรี
โดยคุณแม่ผมออกเงินดาวน์ให้ 65% แล้วผมผ่อนเองเดือนละ 6,100 บาท 3 ปี
ตอนนั้นผมไม่มีภาระอะไร กินอยู่ที่บ้าน จ่ายเฉพาะค่าน้ำมัน
ซึ่งก่อนซื้อคิดคร่าวๆ ว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่พอซื้อมาใช้แล้ว ค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น มันมี เช่น ค่าเช็คระยะ ประกัน
เชื่อไหม 3 ปี ที่ผมต้องเป็นหนี้ ผมใช้รถแบบไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ กังวลว่าเงินเดือนจะไปรอดไหม ความตั้งใจที่จะให้เงินเดือนคุณแม่ใช้ ก็พลอยอดไปด้วย เพราะตัวเองก็เดือนชนเดือนอยู่แล้ว

จนผมเปลี่ยนที่ทำงานได้เงินเดือนเยอะขึ้น ค่อยหายใจโล่งหน่อย


ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,095
  • เอี๊ยดแอ๊ด

ถ้าผมมีดิบๆ 15000-20000

ขายคันปัจจุบัน กู้เงินแม่ มาโปะคันใหม่


ค่าใช้จ่ายส่วนตัว(ค่ากิน) 3500/เดือน

ผ่อนคืนแม่ตัวเอง 3000-4000/เดือน ดอกไม่มี กำหนดเวลาไม่ต้อง

น้ำมัน 4000/เดือน

ที่เหลือเก็บ