อยู่ที่การปรับจูน ประสบการณ์ของช่างด้วยครับ หลายครั้งไปที่รถบางคันจูนแล้ว วัดด้วย dyno มีแรงม้า หรือแรงบิดมากหรือพอดีกับน้ำมัน ครับ แต่โดยทั่วไปมันจะลดจากน้ำมันนิดหน่อย จับความรู้สึกแทบไม่ได้(ในกรณีที่จุนอย่างมีรปะสิทธิภาพครับ)
ระบบแกซเองก็มีทั้งแบบดูด และระบบหัวฉีด ทั้งนี้ประสบการณ์ใช้งานของผม ระบบหัวฉีดจะแม่นยำในการจ่ายแกซและประสิทธิภาพากรทำงานของเครื่องยนต์ยังเมหือนเดิมครับ
แต่ถ้าระบบดูด มันต้องอาศัยประสบการณ์ของช่างอย่างมาก ช่าง 10 คนจูนกันไม่เหมือนกันซํกคน
ตัวอย่าง toyota corolla ผม ติดแฏซจากเจ้าของเดิมมาระบบดูด วิ่งดลเกือบ 2 บาท ผมหาข้อมุล เปลี่ยนระบบแกซใหม่ ปรับแต่งรูจ่ายแกซ ก็ให้ผลที่ประหยดขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น
คันใหม่ nissan nv ติดมาแล้วเช่นกันวิ่งโลเืกือบ 2 บาท พุ่งปรู้ดดด ผมก้พึ่งจับเปลี่ยนหม้อต้มใหม่ ย้ายตำแหน่งมิ๊กเซอร์ อัตราสิ้นเปลืองลดลงไปเยอะมาก พร้อมทั้งอัตราเร่งที่เท่าเดิม
e36 คันก่อนติดระบบดูด วิ่งเกียร์ 3 ลากยาววววว ไม่ยอมขึ้น 4 ก็เป้นเพราะช่างปรับจูนระบบเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์พอ ต้องจุนหลายรอบมากๆ จนทุกอย่างกลับมาเป้นปกติครับ
แต่ถ้าเป็นระบบหัวฉีดจะง่ายหน่อยครับ อาศัยเลียนแบบการฉีดเชื้อเพลิงจากระบบน้ำมัน โดยช่างปรับจูนอีกนิดหน่อย ให้ผล % การผิดพลาดน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้ำมันครับ
ลืมบอกไป e32 735i ผมติดระบบหัวฉีด ก็ยังวิ่งฉุยๆๆๆครับ
ฝากนิดนึง สำหรับรถเก่าที่จะติดตั้งระบบแกซ
1.เปลี่ยนท่อยา่งเบนซิลใหม่ไปเลยทั้งคัน แบบดีหน่อยๆ ตัดปัญหาใช้ระบบแกซนานแล้วพอใช้น้ำมันเิดการรั่วแตก ของท่อเชื้อเพลิงอันเป้นสาเหตุของไฟไหม้ครับ
2.หัวเทียน
3.กรองอากาศ
4.สายหัวเทียน หรือระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบชดเชยรอบเดินเบา
ง่ายคือความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ให้พร้อมครับ ไม่อย่างนั้นจะมาโทษแกซกันว่าติดแล้วไม่ดี
(ขออภัยถ้าผิดพลาดประการใดครับ ผมไม่ใช่ช่าง แต่อาศัยประสบการณ์ีท่ใช้รถติดแกซมาครับ
)
อีกนิด ใช้ LPG หรือ CNG ก็ตาม หมั่นถ่ายน้ำมันเครื่องให้ตรงตามระยะ ใช้ของยี่ห้อที่มีคุณภาพ เพื่อลดความร้้อนสะสมของเครื่องยนต์ครับ และอย่าอัดเต็มเท้ามา เพราะยิ่งทำลายและเพิ่มการสึกหรอให้แก่เครื่องยนต์ครับ ง่ายๆวาวล์มันจะยัน หรือบ่าวาวล์จะสึกหรอไว อันเป้นสาเหตุให้่เครื่อง สั่นหรือกระตุก หรือ ดับได้
ติดทั้งที ติดระบบหัวฉีดไปเลยครับ
4สุบ 2หมื่นกว่าบาท วิ่งแปปเดียวคุ้มทุน