เนิ่นนานมาแล้วที่ผมรู้ว่าบนรถยนต์โรลส์รอยทุกๆรุ่นจะต้องมีรูปปั้นที่ชื่อว่าspirit of ecstasyประดับไว้ทุกคัน ผมเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าสิ่งเล็กๆสิ่งนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นมาก มีที่มายังไงนั้นเรามาดูกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลในwiki pedia (
http://en.wikipedia.org/wiki/Spirit_of_Ecstasy )ผมจะสรุปให้ฟังสั้นๆครับ
ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประดับบนฝากระโปรงหน้าของรถยนต์โรลส์รอยทุกคันในยุคนี้ ลักษณะเด่นคือเป็นรูปร่างของสตรีที่ยืนโน้มตัวมาข้างหน้าโดยที่แขนทั้งสองยืดตรงไปด้านหลังของร่างกายพร้อมกับชิ้นผ้าที่ปลิวไสวไปตลอดช่วงแขนจนถึงส่วนหลัง ดูคล้ายคลึงกับปีกที่เตรียมพร้อมทะยานก่อนขึ้นบิน
spirit of ecstasy มีชื่อที่รู้จักกันแบบทางการอีก3ชื่อคือ Emily, Silver Lady, และ Flying Lady เป็นผลงานที่ออกแบบโดย Charles Robinson Sykes ศิลปินผู้ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ต้องปิดบังลงในชิ้นงานศิลปะชิ้นนี้ เป็นความรักระหว่าง John Walter Edward Douglas-Scott-Montagu (ผู้บุกเบิกความเคลื่อนไหวของยานยนต์ในยุคใหม่และเป็นผู้ดำรงตำแหน่งeditorของนิตยสารThe Car Illustrated) กับคนรักของเขา Eleanor Velasco Thornton ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในฐานะเลขานุการของ John Walter
ความรักของคนทั้งสองต้องเป็นที่ปิดบังแก่สังคมโดยถูกจำกัดอยู่ในความสัมพันธ์ระดับเพื่อนด้วยเหตุผลที่ว่า Eleanor นั้นไม่ได้มีฐานะทางสังคมและมีความร่ำรวยเทียบเท่ากับฝ่ายชายซึ่งถือเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงสำหรับความรักของทั้งคู่ในขณะนั้น John Walter ต้องยอมจำนนต่อแรงกดดันทางครอบครัวและแต่งงานกับคุณหญิง Cecil Victoria Constance แม้จะแต่งงานไปแล้วแต่ความรักลับๆของทั้งคู่ก็ยังดำเนินต่อไป
Montagu ได้ว่าจ้างให้ Sykes ปั้นเครื่องรางนำโชคส่วนตัวของเขาเพื่อประดับบนฝากระโปรงรถของ Rolls-Royce Silver Ghost ของเขา Sykes เลือก Eleanor เป็นแม่แบบสำหรับชิ้นงานของเขา ซึ่งเดิมทีแล้วเขาได้ทำการปั้นรูปร่างในลักษณะที่มีผ้าคลุมกระพือและปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปาก ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่สท่อถึงความรักที่ต้องปิดบังของทั้งสอง รูปปั้นนี้ได้รับการตั้งชื่อในภายหลังว่า The Whisper และได้รับการจัดแสดงใน National Motor Museum เมือง Beaulieu พร้อมกับรูปปั้น Spirit of Ecstasy ชิ้นอื่นๆ
รถโรลส์รอยรุ่นแรกๆไม่ได้มีงานชิ้นนี้ประดับไว้เหมือนในปัจจุบัน โดยจะมีเพียงตราสัญญลักษณ์ประทับไว้เพียงเท่านั้น ซึ่งลูกค้าจำนวนมากของโรลส์รอยคิดว่าไม่เพียงพอสำหรับรถของพวกตนซึ่งควรจะมีอะไรบางบอกถึงความหรูหราในระดับสูงสุดมากกว่านี้ โรลส์รอยควรจะมีเครื่องรางนำโชคเป้นของตนเอง ในปี 1910 เครื่องรางส่วนตัวบนยานยนต์ได้กลายเป็นแฟชั่นยอดนิยมในยุคนั้นไป Claude Johnson ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง director ในตอนนั้นได้เข้าพบ Charles Sykes เพื่อว่าจ้างให้สร้างชิ้นงานเพื่อการนี้ขึ้นมาโดยที่ชิ้นงานสามารถถ่ายทอดถึง "the spirit of the Rolls-Royce, namely, speed with silence, absence of vibration, the mysterious harnessing of great energy and a beautiful living organism of superb grace..." (แปลไม่ถูกเลยครับแหะๆๆ)
ในตอนนั้น Sykes ได้เลือกที่จะทำปรับปรับเปลี่ยน The Whisper ให้มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับ Spirit of Ecstasy ในปัจจุบันนี้ ผลงานต้นแบบถูกเรียกว่า The Spirit of Speed และภายหลังได้รับชื่อใหม่เป็น Spirit of Ecstasy โดยมีคำนิยามว่า who has selected road travel as her supreme delight and alighted on the prow of a Rolls-Royce motor car to revel in the freshness of the air and the musical sound of her fluttering draperies." ในวันที่เค้านำเสนอผลงานนี้สู่บริษัท
Eleanor ตายในวันที่30ธันวาคมปี1915ระหว่างที่เธอร่วมเดินทางไปกับท่านลอร์ดMontagu เพื่อไปอินเดีย เธอจมลงไปพร้อมกับเรือSS Persiaในขณะที่เรือถูกยิงโดยตอร์ปิโดจากหน่วยนาวิกโยธินเยอรมันระหว่างที่ยังไม่ห่างจากเกาะCrereเท่าใดนัก นับเป็นเวลาเพียง4ปีหลังจากที่เธอได้กลายเป็นงานศิลปะแห่งความเป็นนิจนิรันดร์