กระทบแน่นอนครับ
ตอนนี้ตลาดมือ2 ปั่นป่วนไปมาก
พวกรถที่เข้าข่าย แล้วเจ้าของต้องการขายภายใน 1-2 ปี แย่แน่ๆ
เพราะพวกนี้ ค่าเสื่อม ในเวลา 1-2 ปี อยู่ที่ราวๆ แสนนึงพอดี
คนซื้อรถมือ2 ก็จะอยู่ในการเลือก ระหว่างรถมือ2 สภาพดี ราคา 5 แสนบาท
กับรถมือ1 ป้ายแดง ราคา6แสน ที่สามารถลดภาษีได้ 1 แสน = 5 แสนบาท เท่ากับรถมือ2
มันต้องเป็นคนที่เสียภาษีเท่านั้นรึเปล่า พวกพ่อค้าแม่ค้าได้รึเปล่า ถ้าต้องเป็นคนในฐานภาษีเท่านั้น อาจจะกระทบน้อยนะ เพราะว่า มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่เคยมีรถล่ะ เฉพาะเด็กจบใหม่ๆเท่านั้นนะ และเด็กจบใหม่มากกว่า 50% ยังไม่กล้าซื้อรถหรอก เพราะเงินไม่พอยาไส้อยู่แล้ว บางคนก็เก็บตังค์ซื้อบ้านซื้อคอนโดก่อน ประชาชนอีกมากกว่า 90% ก็ต้องซื้อรถราคาเดิม หรือไม่แน่บริษัทรถอาจจะเพิ่มราคารถไปอีก ยิ่งไปกันใหญ่เลยงานนี้ Vios อนาคตอาจเห็นราคา 8.5 แสนก็ได้
ผู้ที่ไม่เสียภาษีก็สามารถได้รับประโยชน์จากนโยบาย "เพิ่มหนี้ในกระเป๋า" นี้ครับ โดยทางกรมสรรพสามิตจะคืนภาษีเป็นเช็คให้กับผู้ซื้อเท่ากับภาษีของรถที่จ่ายไปแต่ไม่เกิน100,000บาทครับ เช่น March เก็บภาษีที่17% คิดเป็นเงิน 6 - 6.5 หมื่นบาท ก็จะได้คืน 6 - 6.5หมื่นบาทในระยะเวลา 5 ปี โดยเริ่มคืน 1 ต.ค. 2555 นโยบายนี้ครอบคลุมภึงผู้ที่ผ่อนชำระกับ Leasing ด้วยครับ
หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกที่สำคัญ ดังนี้คือ ต้องเป็น
1. เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
2. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
3. เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถยนต์กระบะ (Pick up) รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab) (สำหรับรถกระบะจะไม่จำกัด ซีซี)
4. เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/คัน (เช่น รถ ECO car ออกจากโรงงาน 400,000 บาท บวกภาษี17% เป็นราคาที่ผู้บริโภคต้องซื้อ468,000 บาท, ผู้ซื้อก็จะได้คืน 68,000 บาท)
6. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 และ
8. การคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
ส่วนวิธีการดำเนินงานนั้นกำหนดให้
1. ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้ หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอให้ตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
3. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก ห้ามโอนภายใน 5 ปี ลงในระบบคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
4. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก ห้ามโอนภายใน 5 ปี ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ และ
5. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป