ต่อให้จอดรถกลางวงเวียนเลยครับ ถ้ากรณีปกติ ถ้าคุณ รถเสีย กลางวงเวียน มีคนขับมาไม่ระวัง ชนรถที่จอด ฝ่ายที่ชนก็เป็นฝ่ายผิดได้ครับ
ถ้าการชนเกิดด้วยความประมาท ยังไงคนชนก็ต้องชดใช้
่่ส่วนที่ผมตอบไปด้านบน ให้เข้ากับ จขกท. ในยามที่บ้านเมืองไม่ปกติ อยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งมีคนจำนวนมาก จอดรถกันบนนั้น แล้วคนที่ขับขึ้นไปก็เห็นๆ กันอยู่ รู้สภาพการอยู่ว่า มันไม่ปกติ คุณใช้ความระมัดระวังได้ครับ แต่ใช้เพียงพอหรือป่าว
ผมไม่รู้ว่าคุณจบกฎหมายเหมือนผมหรือป่าวน่ะครับ ถ้ารู้ก็แชร์กันได้ครับ
การที่จะต้องรับผิดในความเสียหาย กับ การผิดกฎจราจร บางทีมันไม่ใช่ว่าคนผิดกฎจราจร จะผิดเสมอไปครับ
ex.
ถ้าเจอ เด็กเเว๋น ใส่ท่อซิ่ง ไม่สวมหมวก ไม่มีไฟเลี้ยว แต่ถ้ามีการชน หัวเด็กเเว๊นน๊อกพื้นตาย เพราะ คนขับรถยนต์ไม่ใช้ความระมัดระวัง
ฝ่ายชน ก็ต้องรับผิดที่ตัวเองทำ หากเกิดขึ้นเพราะความประมาท
กรณ๊ที่ไม่ต้องรับผิด คือ การชน เกิดขึ้นเพราะเหตุสุดวิสัย สุดวิสัยคือ ไม่มีใครป้องกันได้
หรืออีกฝ่ายหนึ่งกระทำประมาท เสียเอง
การผิดกฎจราจร หลายๆ อย่าง ไม่ได้แปลว่า เขาประมาทแล้วนะครับ เช่นการ ไม่สวมหมวกกันน๊อก หรือ การจอดรถผิดที่ ในสถานการณ์แบบนี้
แค่นี้ยังไม่พอที่จะฟันธงได้ว่าใครผิด
ผมถึงใช้คำว่า ถ้าคุณประมาท คุณผิดครับ
อย่างภาพข่าวที่ออกมา ที่มี ชนกระจุยเลย แสดงว่า คนชนใช้ความเร็วสูงมาก คงไม่ได้ใช้ความระมัดระวังใน ภาวะวิกฤติน้ำท่วมแบบนี้
แต่ ก็มิใช่มารยาทที่ดี ในการจอดรถแบบนี้ ไม่สมควรทำครับ อันตราย
เพียงแต่ความเสียหาย มันเป็นเรื่องต้องรับผิด
ไอ้ที่ทำให้ผิดนี่มันเข้าข่าย "กีดขวางการจราจร" ต่างหาก
มันน่าเบื่อนะ พอคุยกันเรื่องกฎหมาย มันก็มักจะมีคนบางคนเสนอความคิด พอเถียงไป-มา
ก็จะตามด้วยประโยคว่า "ผมจบกฎหมาย คุณจบเปล่า" อะไรงี้
เอ้าถ้าถามผม กฎหมายผมก็จบครับ ไม่ได้จบรามด้วย
เพราะฉนั้น เราหาในจุดที่เป็นช่องของเรา
ตรงนี้ ผมยืนอยู่ข้างคนที่ไม่ได้เอารถขึ้นไปจอด เพราะ คนที่ใช้ถนนปกติควรจะเป็นผู้ได้รับเอกสิทธิ์เป็นคนแรก
ตามด้วยคนที่เอาไปจอก อาจจะอ้างสถานการณ์นั้นนี้ แต่สุดท้ายก็คทอการที่ไปกีดขวางการจราจรบนนั้นนั่นแหละ
ไม่พอ พอกีดขวางการจราจรแล้ว ยังไปบอกผู้ที่ขับขี่อยู่ทุกวันอีกว่า "ขับระวังๆบ้างนะ อย่าให้รถข้ามีรอย ไม่งั้นเอ็งผิด"
แปลว่าอะไร คิดกันเอาเองครับ ผมมีที่จอดของผม ไม่ไปเกะกะบนทางด่วนแน่นอน
แต่บางคนผมเข้าใจ "มันไม่ทันจริงๆ" ถ้างั้นต้องรับสภาพครับ เสียงหน่อย แต่ไม่เปียก
