เหมือนเคยนะครับ
ตัวหนังสือสีเหลือง คือข้อความของผม
สีขาว คือข้อความพี่ต้น
สีชมพู คือข่าว และข้อความจากชาว Facebook ท่านอื่น
สีเขียวอมเหลือง คือ ข้อความสำคัญ ควรอ่าน เน้นย้ำ
------------------------
สถานการณ์เมื่อวานนี้ มีหลายแห่ง รายงานว่า ระดับน้ำเริ่มลดลงไปบ้างแล้ว
แสดงว่า ใกล้จะได้เวลาที่เราจะกลับมาใช้ชีวิตปกติในเร็ววันแล้วนะครับ
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ตอนนี้ ประชาชน เชื่อการรายงานและการวิเคราะห์ จากบางสำนัก
มากเสียจนกระทั่งเกิดความตื่นตระหนกตกใจกลัวเกินเหตุ โดยเฉพาะเรื่องมวลน้ำเหนือ
ที่รมต เกษตรฯ ออกมาพุดเมื่อวานนี้ คงต้องบอกกันเลยว่า เข้าใจอะไรผิดกันไปใหญ่แล้วพี่ต้น : "เป็นข่าว น่ะง่ายๆ...แก้ข่าวนี่ โค-ตร ยากเลย.....(ฝากไป กรอกหู นักพูดหน้าจอด้วยนะ)
(รายงานข่าวข้างล่าง)
กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีน้ำเหนือค้างทุ่งจำนวนมหาศาล รอถล่มกรุง
เผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเน็ตเวิรค์ ทั้ง Facebook และ twitter ในวันที่ 9 พ.ย. 54 นั้น
กรมชลประทาน ขอเรียนว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำปิงและลุ่มน่านลดลงในระดับ
ต่ำกว่าตลิ่งริมน้ำแล้ว ส่วนปริมาณน้ำท่าที่อยู่ในแม่น้ำต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยในลุ่มน้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก คาดว่าจะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งภายใน 7 วัน
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำท่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยที่อำเภอเมือง
จังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 20 พ.ย. 54 ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา
อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 27 พ.ย. 54
ส่วนปริมาณน้ำ ค้างทุ่ง ซึ่งกระจายอยู่ในทุ่งทางตอนบนของพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกและ
ตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4,394 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอยู่ในพื้นที่ทางด้าน
ฝั่งตะวันออก 1,831 ล้านลูกบาศก์เมตร (ข้อมูล 9 พ.ย.54) และในพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตก
ของแม่น้ำเจ้าพระยา 2,563 ล้านลูกบาศก์เมตร (ข้อมูล วันที่ 9 พ.ย.54) ซึ่งเป็นปริมาณน้ำ
ที่ต้องบริหารจัดการด้วยการระบายออกทะเลผ่านระบบระบายน้ำของกรมชลประทานและ
กรุงเทพมหานคร โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะค่อย ๆ ไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่าง
ในส่วนของกรมชลประทานก็ได้ดำเนินการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง โดย
จะเห็นได้ว่าในวันที่ 7 พ.ย.54 ระบายน้ำได้ประมาณ 102 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
หลังจากที่มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมทำให้สามารถ
ระบายน้ำได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยในระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 2554 สามารถระบายน้ำ
ได้เพิ่มขึ้น เป็น 121 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ทั้งนี้ยังไม่รวมการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดสมุทรปราการ อีกประมาณ 50-60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และยังมีปริมาณน้ำที่
ระบายออกตามธรรมชาติผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย
นอกจากมาตรการการเร่งระบายน้ำดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ
เจ้าพระยากรมชลประทาน ยังมีมาตรการชะลอปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่พื้นที่ทาง
ตอนล่างด้วย โดยลดการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพและประตูระบายน้ำบรมธาตุ
รวมทั้งยังได้เร่งซ่อมแซมอาคารชลประทานและคันกั้นน้ำในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปทุมธานี และนนทบุรี แล้วเสร็จ 12 แห่ง จาก 14 แห่ง ซึ่งสามารถช่วยชะลอน้ำที่จะไหล
เข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้แล้วในขณะนี้
จาก : กรมชลประทานน้ำลดลง ขนาดนี้ แล้ว พอกันซะที...น้ำเหนือ มวลน้ำ..น้ำล้น ตามมาซ้ำๆ
นักวิชาการ จ๋า...ช่วยสงสารเห็นใจต่อพสกนิกรของพระองค์ บ้างเถอะ.."
(รายงานข่าว)
เมื่อวานนี้ ( 9 พ.ย. 54 ) เวลา 13:29 น..
นายชัชชม ชมประดิษฐ์ หัวหน้ากลุ่มงานจัดสรรน้ำ สำนักอุทกวิทยาและบริหารน้ำ กรมชลประทาน
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่ศูนย์ ศปภ. สรุปการคาดหมายสถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 ว่า
ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำปิงและลุ่มน่านลดลงในระดับต่ำกว่าตลิ่งริมน้ำแล้ว ส่วนปริมาณน้ำท่า
ที่อยู่ในแม่น้ำต่าง ๆ ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในลุ่มน้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัด
พิษณุโลก คาดว่าจะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งภายใน 7 วัน
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำท่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยที่อำเภอเมือง จังหวัด
สิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 20 พ.ย. 54 ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 27 พ.ย. 54
ส่วนลุ่มน้ำท่าจีนในพื้นที่ของจังหวัดสุพรรณบุรี คาดว่าระดับน้ำที่อำเภอเมือง จะลดลงต่ำกว่าตลิ่ง
ภายใน 3 วัน อำเภอสองพี่น้อง ภายใน 86 วัน ส่วนในพื้นที่จังหวัดนครปฐมที่อำเภอบางเลนจะ
ลดต่ำกว่าตลิ่งภายใน 155 วัน ที่อำเภอนครชัยศรี ภายใน 113 วัน
หัวหน้ากลุ่มงานจัดสรรน้ำ สำนักอุทกวิทยาและบริหารน้ำ กรมชลประทาน รายงานด้วยว่า ได้มีการ
สูบน้ำและระบายน้ำออกจากทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง รวม 121 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งยังไม่รวม
การระบายน้ำตามธรรมชาติผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และบางปะกง โดยด้านพื้นที่ฝั่งตะวันออก
ของแม่น้ำเจ้าพระยาระบายได้ 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ
เจ้าพระยาระบายได้ 79 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
โซนแยกท่าพระ ก็เป็นไปตามที่ผมกับน้องดินขับรถไปลาดตระเวณดูเมื่อคืนก่อนหน้า พี่ต้น
ยังยืนยันให้อีกครั้งครับ ว่าน้ำจะไปไม่ถึงแยกท่าพระอย่างแน่นอน มันหมดแรงแล้วละ ปีกฝั่งนั้นพี่ต้น : "น้ำหมดแรงก่อน แยกท่าพระ...บ้านแนวคลองไผ่ ยังชิลๆ
(รายงานข่าวข้างล่างนี้)
นายจีระศักดิ์ บุญโชคช่วย ผอ.เขตบางกอกใหญ่ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่พบว่าซอย
จรัญสนิทวงศ์ 13 น้ำในซอยยังทรงตัว ไม่เอ่อออกสู่ถนน ส่วนน้ำจากเพชรเกษมยังไม่ข้ามมาคลองไผ่มา
ตนประเมินว่าไม่น่าจะมาถึงแยกท่าพระ เพราะแยกนี้เป็นบริเวณค่อนข้างสูง โดยสำนักการระบายน้ำ
กทม. เร่งเปิดเครื่องสูบหน้า ที่ประตูระบายน้ำคลองบางกอกใหญ่ เร่งสูบ 18 เครื่อง ดันน้ำลงเจ้าพระยา
ขณะที่พื้นที่ซอยซึ่งค่อนข้างต่ำและติดคลอง
ต้องยอมรับว่ามีปัญหาน้ำท่วมบ้างแล้ว คือ ซอยจรัญฯ 3 , 11 , 12 ซอยวัดดีดวด หมู่บ้านศิวาลัย ซอยจรัญฯ 14
พื้นที่ด้านในซอย ส่วนที่ติดคลองมอญ น้ำจะถูกน้ำเอ่อมาท่วมแล้ว รวมทั้ง ซอยอิสรภาพ 42 ซอยร.ร.ทวีธาฯ
มีน้ำเข้าแล้ว แต่ไม่สูงนักประมาณ 5-10 ซม. ซึ่งน้ำที่ท่วมเขตบางกอกใหญ่กินพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด------------------------------------
สำหรับใครที่ห่วงเรื่องถนนพระราม 2 นั้น..วันนี้จะยังใช้การได้ตามปกตินะครับ
มาดูกันเลย ข้อมูลมีพอสมควร
"ตามแก้ข่าว....แบบวันต่อวัน...ก็น้ำ..มันยังไม่ท่วม จะเป็นข่าวอะไรกันนักหนา..5555+
ผู้การทางหลวง แจ้งถนนพระราม 2 ยังใช้งานได้ตลอดเส้นทาง
"วันสองวันนี้..ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ"
โครงการชลประทาน สมุทรสาคร
แผนที่แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร ประจำวันที่ 10 พ.ย.2554 เวลา 06.00 น.พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า จากการตรวจสอบเส้นทางถนนพระราม 2
ยังใช้งานได้ตลอดเส้นทาง แต่ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงหากระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ถนนพระราม 2
บริเวณกิโลเมตรที่ 17-21 ช่วงเอกชัย-บางบอน ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุด และเป็นจุดสุดท้ายที่น้ำถูกระบายลงสู่
ทะเล อาจจะเกิดภาวะน้ำท่วมขังได้
ดังนั้น ยังไม่มีอะไรน่าวิตกในตอนนี้นะครับ แต่อย่าประมาท
พี่ต้น : "เห็นไหม...ทหารยังรู้ดีกว่า....นักพูดอีกครับ แม่ทัพภาค 1 ชี้ น้ำไม่ท่วม กทม.ชั้นใน
(ค่อยๆ อ่านให้ครบ นะครับ แล้วจะรู้ว่าหน้างาน มีการวางแผนอย่างไร)"
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เผยว่า น้ำท่วมว่ขณะนี้ยังมีพื้นที่
ที่มีปัญหา คือ ดอนเมือง หลักสี่ สายไหม และที่เริ่มมีปัญหาคือ บางแค และทวีวัฒนา ภาพรวมขณะนี้น้ำท่วม
ในพื้นที่กทม. 50 % เราหวังในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ถ้าบริหารจัดการได้ดี คงบรรเทาความเดือดร้อนได้
กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยที่ให้การช่วยเหลือประชาชน จัดทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ทุกอย่างส่งลงไปใน
พื้นที่น้ำท่วม สำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหรรมการบางชันและ นิคมฯลาดกระบัง เราได้จัดกำลังไปช่วยป้องกัน
เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งที่นิคมฯลาดกระบัง มีจำนวน 2 กองร้อย โดยทุกจุดที่ทำคันกั้นน้ำมีความพร้อม
100 % ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำที่จะเข้ามีผลกระทบ ซึ่งทั้งสองแห่งขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ ถ้าไม่มาก
เกินไปก็สามารถป้องกันได้แต่ถ้าน้ำมาก และมีการรั่วทะลุจำเป็นจะต้องใช้กำลังพล และบริษัทต่างๆใน
นิคมฯ ต้องช่วยกันแก้ไข ซึ่งขณะนี้นิคมฯบางชันได้เตรียมความพร้อม100 % และคาดว่า สามารถป้องกันได้"
พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ส่วนถ้าน้ำทะเลหนุนในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ อาจจะมีผลต่อแนวกั้นน้ำทั้ง 2 ฝั่ง
แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้เราได้มอบพื้นที่ให้หน่วยรับผิดชอบชัดเจน และมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ถ้าคันกั้นน้ำรั่วและไม่รีบดำเนินการทิ้งไว้ จะแก้ไขลำบากจึงต้องมีการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ โดยต้อง
ร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่"
ส่วนพื้นที่กรุงเทพชั้นในก็มีความเป็นห่วง ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ถูกต้องและเป็นไปในจังหวะ
ที่เหมาะสม และบริหารที่ดี คิดว่า กรุงเทพฯชั้นในน่าจะรอดจากการถูกน้ำท่วมได้ โดยพยายามเฝ้าติดตาม
บริหารกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆให้มีความทั่วถึงมากที่สุด ทั้งนี้เราไม่ได้ประเมินน้ำต่ำ และเราเตรียมการใน
ระดับที่สูงไว้ก่อน รวมถึงเตรียมแผนต่างๆไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าน้ำที่อาจจะมุดตามท่อ เราก็ระมัดระวัง
และเตรียมการสูบน้ำในจุดต่างๆ ทหารพยายามป้องกันในระดับหนึ่ง ส่วนที่ดูแลมาก คือ การช่วยเหลือ
ประชาชนที่เดือดร้อนในการสัญจรบนถนนต่างๆ"พี่ต้น "กรุงธน...ได้สิทธิพิเศษ..น้ำไปเร็วกว่า เดิมอีก...
ทัพเรือเสริม เรือดันน้ำ รวม 16 เครื่องไสส่งน้ำรีบๆไป"
นางรสนา โตสิตระกูล สว.กทม. เผยว่า ภาคประชาชน ร่วมกับ มูลนิธิซิเมนต์ไทย
กรมอู่ทหารเรือ กรมชลประทาน ได้ระดมเครืองผลักดันน้ำ เข้ามาช่วยดันน้ำในคลอง
สนามชัย และคลองราชมนตรี ซึ่งเป็น 2 คลองหลักที่จะส่งน้ำลงทะเลทางด้านตะวันตก
ของกทม. โดยเบื้องต้นกรมอู่ทหารเรือได้นำเรือผลักดันน้ำเข้ามาติดในคลองราชมนตรี
2 ลำ และคลองสนามชัยอีก 1 ลำแล้ว
ขณะนี้ได้ประสานไปยังกรมชลประทานที่จะนำเรือดันน้ำเข้ามาช่วยเพิ่มอีก 8 ลำ รวมกับ
เรือของชาวบ้าน ของสส.ในพื้นที่ และของกรมอู่ทหารเรือ จะมีเรือดันน้ำรวม 16 เครื่อง
ติดตั้งในคลองสนามชัย และคลองราชมนตรีคลองละ 8 เครื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันน้ำไปยัง
โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย - คลองสนามชัย ซึ่งจะช่วยเร่งระบายน้ำได้มาก และช่วยลด
ผลกระทบของประชาชนในย่านฝั่งธนบุรีลงได้
คนที่แก้ปัญหาอยู่ข้างบนได้ปล่อยน้ำมาลงทางตะวันตก มากกว่าทางตะวันออก ทั้งๆ ที่
ศักยภาพการระบายน้ำของฝั่งตะวันตกมีน้อยกว่า ซึ่งนอกจากน้ำจะมีมากแล้วยังปล่อยให้
เป็นไปตามยถากรรม หากปล่อยเป็นแบบนี้พื้นที่ฝั่งธนฯจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
จึงต้องร่วมมือกันช่วยผลักดันน้ำให้ลงทะเลเร็วที่สุดมาดูพื้นที่น้ำลดลงกันแล้ว บ้างดีกว่า จะได้หายเครียด
ขอแสดงความยินดีกับ ชาวบางกรวย และ ละแวกย่าน รพ.ยันฮีด้วยคร้าบ!!! เย้ๆๆๆๆ
พี่ต้น :
"....ท่วมก่อน แห้งก่อน..เพื่อนๆบางกรวย กลับบ้านได้แล้ว.....จ้า"
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5 :
ถนนจรัญสนิทวงศ์ จากสะพานพระราม7 ถึง รพ.ยันฮี ขณะนี้น้ำแห้งแล้ว และการจราจรขณะนี้ใช้การได้แล้ว
พี่ต้น : "ติดตามรายงานจาก twitter....(ตามข่าวให้สนุก ต้องทุกๆ รูปแบบ)"
js100radio: @mamsawising: สะพานใหม่น้ำลดลงแล้วประมาณ10-20ซม.
http://t.co/4YzqFTDa
รายงานผ่านมาเเล้ว 27 นาที.....(ข่าวดีของคนเพิ่มสิน สายไหม วัชรพล)
ต่อมา
กรมทางหลวง
09/11/2554 20:20 ถนนพหลโยธิน หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต
ระดับน้ำลดลงอย่างมากครับ รถจากโทลเวย์ขาออกหากพ้นทางลง ขับได้สบายครับ
ส่วนรถขาเข้า วันนี้ไม่ติดขัดแบบเมื่อวานครับ จะไปชลอตัวตอนขึ้นเท่านั้น
ระดับน้ำ บริเวณแยกกำแพงเพชร ลดลงบ้าง
ภาพที่เห็น เป็นช่วง เชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ ถึง แยกกำแพงเพชร
ระดับน้ำ บริเวณแยกกำแพงเพชร ลดลงบ้าง ภาพที่เห็น เป็นช่วง เชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ
ถึง แยกกำแพงเพชร
By: FM. 91 Trafficpro------------------------------------
ส่วนฝั่งทิศเหนือโซนรังสิตนั้น "เมื่อ bigbag เพิ่งจะเริ่มทำงาน..น้ำเหนือจะไม่ไหลมาเติม ดอนเมืองแล้วนะครับ..
เมืองเอก ทุ่งสีกัน มองเห็นอนาคต...จะได้กลับไปล้างบ้านเร็วขึ้นแล้วครับ"
(รายงานข่าว)
"พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวมั่นใจว่า กระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก
ที่ได้วางไว้เป็นแนวสูงกว่า 3 เมตรครึ่ง สามารถป้องกันน้ำเหนือที่จะไหลเข้ามาได้อย่างแน่นอน และกรณี
ที่ประชาชนที่อยู่เหนือแนวคันกั้นไม่พอใจ จะรวมตัวประท้วงนั้น ทางตำรวจและกรุงเทพมหานครได้
ทำความเข้าใจแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกรณีที่น้ำเริ่มไหลเข้าถนนพระราม 2 คงต้องปล่อยให้น้ำ
ลงทะเล และกำลังพยายามกู้ถนนสาย 340 เป็นเส้นทางคมนาคมไปยังภาคใต้แทน
ทั้งนี้ ไม่กังวลกรณีที่มีรายงานว่า เหลือระยะทางเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น น้ำที่ไหลไปทางตะวันออกจะ
ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะมั่นใจว่ามีมาตรการดูแลอย่างดีแล้ว"
(รายงานข่าว)
"สำหรับถนนสายเอเชียซึ่งมุ่งหน้าไปภาคอีสาน และภาคเหนือที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ก่อนหน้านี้
ต้องปิดการจราจร เนื่องจากระดับน้ำสูงนั้น ขณะนี้ระดับน้ำลดลงเหลือ 30 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์ขนาดเล็ก
เริ่มสัญจรผ่านไปมาได้ และเจ้าหน้าที่จะทำการ เร่งกู้ถนนกลับมาให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว"
คุณ Saruj De'bong รายงานว่า
"สภาพน้ำประตูคลอง 13 วันนี้ระดับน้ำที่มาจากทางคลอง 13 ก่อนผ่านประตูที่หนองจอกตอนนี้ระดับน้ำ
มันใกล้เคียงกันมากจนทำให้เราสามารถเห็นการต่อสู้กันระหว่างน้ำสองฝั่งได้"พี่ต้นอธิบายว่า
"ถ้าได้ติดตามอ่านเรื่องราวของพี่ต้น มาตลอด..จะรู้ว่าน้ำทุ่งรังสิต กำลังปีนขั้นบันได ขึ้นที่สูงมาที่ องครักษ์
ดังนั้นแต่ละขั้นบันได คือน้ำต้องผ่านประตูน้ำ ...ประตูน้ำเป็นบาน ยกขึ้น-ลง ไม่เหมือนประตูบ้าน บนผิวน้ำ
จะเสมอๆกัน เป็นปกติครับ เพราะน้ำไม่ได้ไหลตามธรรมชาติ น้ำมีแรงดันมาจากเครื่องสูบน้ำครับ..
ยิ่งคลอง 13 ยิ่งเครื่องสูบเยอะมากครับ..(น้ำไม่ได้ต่อสู้กันเลย) น้ำที่ลึกกว่ากำลังลอดใต้ประตูครับ หากยก
บานประตูสูงขึ้น แรงดันน้ำจากเครื่องสูบน้ำไม่พอ ก็ไม่มีแรงดันต่อเนื่องเป็นช่วงยาวๆได้ ...."
-------------------------------------
วันนี้ ขอไม่อัพเดทเพิ่มเติมนะครับ เพราะมีธุระ อยู่แถวระยอง เช้าไป เย็นกลับ
ดังนั้น ใครที่สามารถช่วยโพสต์ต่อได้ จะขอบคุณมากๆครับ จะได้ช่วยกันแจ้งข่าวให้รับทราบโดยทั่วกัน
ขอรบกวนว่า ถ้าจะช่วยแจ้งข่าวกัน
ใช้โทนสีแบบเดียวกับที่ผมใช้นะครับ
จะได้แยกแยะได้ สะดวกในการอ่านมากขึ้น
ขอบคุณครับ