ผู้เขียน หัวข้อ: "ขับหลัง"ดีกว่า"ขับหน้า"เสมอไปมั้ยครับ??... ทำไมส่วนใหญ่ถึงชอบขับหลังกัน??  (อ่าน 18947 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
อยากทราบว่า ขับหลัง มันดีกว่าขับหน้าจริงเหรอครับ
สงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมคนหลายๆคน ถ้าให้เลือกถึงเลือกรถขับหลัง

มีคำถามเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนตามนี้ครับ

- ถ้ารถ 2 คัน มีกำลังเครื่องยนต์ แรงบิด น้ำหนัก ระบบช่วงล่าง เหมือนกันหมด
แต่ต่างกันที่ คันนึงขับหน้า อีกคันขับหลัง
ถ้าให้เลือกใช้ชีวิตกับมัน ทุกท่านจะนั่งรถที่ขับหน้าหรือขับหลัง เพราะอะไรครับ

- จากข้อเมื่อกี้ ถ้าจับลงสนามแข่ง คันไหนจะทำเวลาได้ดีกว่ากันครับ

- ถ้า BMW ทำ Series 3 ขับหน้าขึ้นมา ความเป็น BMW จะหายไปมั้ยครับ
เค้าสามารถทำให้รถที่ขับดีคันนึง มาจากรถขับหน้าได้หรือไม่??
Audi TT ตัวล่างสุดก็ขับหน้าใช่มั้ยครับ??

- ถ้ากระบะขับหน้าบ้างล่ะ จะเป็นยังไง??

- ขับหลัง ทนกว่าขับหน้าจริงเหรอครับ?? 

....................................

ขออนุญาตถามอีกข้อนึง จะได้ไม่เปลืองที่ตั้งกระทู้

ยางผมอายุ 2 ปี พอดีๆแล้ว แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาวิ่งไปแค่ 3 หมื่นกิโล
ผมจะลากยาวไปถึง 3 ปี(ธันวาคม ปีหน้า) ค่อยเปลี่ยนดีมั้ยครับ
ดอกยางยังลึก+เนื้อยางยังนิ่มอยู่ และจอดในร่มตลอดครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ขึ้นอยู่กับว่าเราพูดถึงแรงม้าเท่าไหร่ด้วยนะ..คือถ้าม้าไม่แตะ 200 นี่ผมว่าขับหน้ามันเอาอยู่สบาย
เราก็เลือกขับหน้า เพราะรถขับหน้ามักจะจัดพื้นที่ให้รถคันเท่ากันทำห้องโดยสารได้ยาวกว่า
รถขับหน้าส่งกำลังลงพื้นโดยผ่านเพลาชิ้นเล็กกว่า ประหยัดน้ำมันกว่านิดหน่อย
และแรงกว่านิดหน่อย

ถ้าลงสนามแข่ง..อันนี้พูดยาก ไม่เคยมีใครทำcondition แบบนั้นให้ดู พูดมาก็องุ่นเค็มชัวร์
แต่ลองให้คิดดูว่า Mazda MX-5 ตัวญี่ปุ่นเจน 2 170 ม้า กับ Civic EK9 SiR
ถ้าไล่รอบสนามกันคิดว่าใครได้ล่ะ? ผมว่าในคลาส 200 ม้าหรือต่ำกว่า ขับหน้าได้เปรียบนะ

แต่ลองทำให้มันมีสัก 350 ม้าขึ้นไป ขับหน้าไม่ได้สนุกอย่างที่คิดนะ โดยเฉพาะช่วงออกตัว
รถขับหน้าเทอร์โบที่ไม่ได้มีระบบช่วยเหลืออิเล็กทรอนิกส์ ต้องบริหารคันเร่งกันละเอียดอ่อนกว่า
และกว่าจะกดเต็มๆได้ก็เกียร์ 3 ส่วนรถขับหลัง 350 แรงม้าน่ะ เกียร์ 2 ช่วงหลังสับไม่นานก็กดเต็มได้แล้ว


ส่วนรถกระบะที่จริงจะทำขับหน้าก็ได้นะ.. NV Pickup ก็ทำมาแล้ว แต่ขากระบะแท้ๆคงไม่อยากได้หรอกครับ
และถ้าบรรทุกหนักๆ ล้อหลังแทร็คชั่นจะเยอะ ล้อหน้าไม่มีอะไรกด ก็ยกหน่อยๆ คำถามคือทำไมต้อง
เอาล้อที่มีแทร็คชั่นน้อยกว่ามาขับเคลื่อน ในเมื่อขับหลังในรถกระบะมัน make sense และมันเป็น sense
ที่ทำให้รถคันนั้นขายได้
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Cross MPV

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 325
อ่านแค่หัวกระทู้ผมแอบนึกถึง Freed กับ Avanza แหะๆ
Find a vacuum and fill it.

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ผมเห็นด้วยกับคุณแพนนะ ถ้าแรงม้าไม่ได้มาก ขับหน้าก็พอแล้ว
เพราะสังเกตุจากค่ายรถที่เขาทำๆ กัน อย่าง Audi Volvo ปกติถ้าเป็นตัวธรรดาจะเป็นขับหน้า ถ้าตัวแรงจะเป็นขับสี่ไปเลยครับ

ออฟไลน์ golf32

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 681
ขอตอบจากประสบการณ์ที่ได้ขับรถทั้ง 2 ประเภทมานะครับ (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับผิดพลาดรบกวนท่านที่รู้แก้ไขด้วยครับ)

ขับหน้า

ถ้าเข้าโค้งแรงๆจนเกือบๆหรือเกินลิมิต จะเลี้ยวไม่ค่อยเข้าถึงไม่เข้าเลย
เวลาออกตัวแรงๆเจอทอร์คสเตียร์ ดึงซ้ายหรือขวาแล้วแต่รถครับ
เวลาถนนลื่นออกตัวแรงๆล้อฟรีมันจะกระแทกตึงๆๆๆเลยครับ

ขับหลังพอดียังไม่เคยขับขนาดนั้นเลยยังตอบไม่ได้เท่าไหร่ครับ

ความรู้สึกส่วนตัวผมว่ารถขับหลังให้อัตราเร่งดีกว่ามีแทรคชั่นมากกว่า

ส่วนยางผมว่าน่าจะยังพอวิ่งได้ แต่ยางถึงจะวิ่งน้อยหรือไม่ค่อยได้ใช้ก็ควรเปลี่ยนครับเพราะถ้ายิ่งไม่ค่อยได้ขับจอดทิ้งไว้นานๆจะมี น้ำหนักกดทับจนยางเสียรูปครับ สำหรับผมยาง เบรค ช่วงล่าง สำคัญนะครับโดยเฉพาะยางครับ เพราะเป็นส่วนที่ยึดติดตัวรถกับพื้นถนน อย่าเห็นแก่ของถูกหรือประหยัดมากเกินไปเลยครับอันตราย


ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
ขอตอบข้อรถกระบะขับหน้านะ อาจดูปญอ. ไปนิสนึง

คือเมื่อก่อนจำได้ว่าเคยเอารถสิบล้อของเล่นมาบรรทุกของใส่กระบะเยอะๆ
วางรถไว้บนที่ผ้านวมล้อจะจมนิดๆ แล้วลองเอามือหมุนล้อหน้าดูปรากฏว่ารถมันไม่ไปครับมันฟรีทิ้ง
แต่ถ้าลองเอามือหมุนที่ล้อหลังรถมันก็เคลื่นตัวได้ปกติ

ผมจึงสรุปด้วยความคิดผมเองว่า ถ้าเป็นรถจริงบนถนนลาดยางคงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าต้องบรรทุกหนักแล้วลงทางดินคงจะลำบาก
ยิ่งล้อหน้าไม่มีที่ให้คนขึ้นไปยืนขย่มเวลารถติดหล่มด้วยนี่สิ  ;D
07 mazda 3

ออฟไลน์ templeboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,280
ขับหน้า -- หน้าดื้อ (Understeer)
ขับหลัง -- ท้ายปัด (Oversteer)

ขอบคุณภาพจาก http://gradingthong.blogspot.com

แต่ถ้าไม่ได้ขับเร็วเว่อร์ ทิ้งโค้งเต็มๆ ผมว่าคงไม่มีปัญหาอะไรครับ
ถ้าทำอะไรดีๆ แล้วคนมองว่าสร้างภาพ...ก็ช่างเขา อย่างน้อยเราก็ยังได้ทำดี ไม่เหมือนเขา...ที่แค่ "คิดดี" ยังทำไม่ได้
ว.วชิรเมธี

ออฟไลน์ MoLee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
มาตอบเรื่องยางครับ ยังใช้ได้อยู่ครับ ยางอายุมันก็3-4ปี ระยะทางก็5หมื่นโล ส่วนเรื่องขับหน้าขับหลัง หลายๆท่านตอบไปหมดล่ะ :D

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
ส่วนตัว สมัยเด็กๆ ผมชอบรถขับหลัง ด้วยความเชื่อว่า มันทนทานมากกว่าขับหน้า
แต่ตอนนี้ ผมเฉยๆ ขับหน้าหรือขับหลังก็ได้ ที่มีเงินซื้อเป็นพอ 5555

เรื่องยาง 2 ปี ใช้ได้ต่อไปครับ และคุณดูเนื้อยางแล้วมันยังนิ่มอยู่ ยังไม่แตกลายงา ดอกยังเยอะ ก็ใช้ไปก่อนดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนยาง
รถผมเดิมตั้งใจว่าจะเปลี่ยนทุก 50,000 ก.ม. แต่ตอนนี้เน้นดูเนื้อยางเป็นหลัก และยางรุ่นใหม่ๆ ผมว่ามันทนกว่ารุ่นเก่าพอสมควรนะครับ ผมใช้ AR10 ไปแล้ว 40000 ก.ม. แล้ว ยังรู้สึกว่ามันยังเกาะถนนดีอยู่เลย แต่เริ่มมีเสียงดังแล้ว (ชุดก่อนวิ่งไป 65,000 ก.ม. แล้วถึงเปลี่ยน เพราะเริ่มลื่นเมื่อเจอแอ่งน้ำ)

ออฟไลน์ poss

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 75
สำหรับผม ชอบขับหลังครับ โดยความรู้สึกส่วนตัว อย่าง vios city altist ที่เคยขับความเร็วสูง ๆ พวงมาลัยค่อนข้างควบคุมยาก อาจเป็นเพราะล้อหน้าที่ทำงานหนักกว่าล้อหลัง ทั้งบักคับเลี้ยว ทั้งขับเคลื่อน ทั้งรับแรงเบรคที่มากกว่า ที่เห็นแตกต่างขับหน้ากับขับหลัง สังเกตที่พวงมาลัยรถขับหน้ามันจะหน่วง ๆ ขับหลังมันจะบังคับพวงมาลัยได้ง่ายกว่า

ออฟไลน์ KrisTop

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
  • Ingenious
ตอบในฐานะวิศวกรละกันครับ
ขอละของระบบขับ 4 ล้อละกันนะครับ เพราะในการขับขี่ดีกว่าทุกอย่าง แต่มีพลังงานสูญเสียไปกับการขับเคลื่อนเยอะกว่าขับ 2

ปกติแล้วรถวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้า ไม่มีการบรรทุกใดๆ น้ำหนักจะถ่ายลงล้อหน้ามากกว่าล้อหลังครับ
ถึงจุด CG(Centre of Gravity) จะค่อนไปทางล้อหลังนิดหน่อยมากกว่ามาล้อหน้าก็ตาม(ระหว่าง c ล้อถึง c ล้อเป็นจุดอ้างอิง)
ฉะนั้นล้อที่มีหน้ายางเท่ากันจะส่งผลให้เกิดแรงเสียดทานสถิตย์(Static Frictional Force) ที่ล้อคู่หน้ามากกว่า ส่วนแรงเสียดทานจลน์(Dynamic Frictional Force) นั้นแทบจะไม่ต่างกันเพราะปกติคิดทั้งระบบ
ซึ่งแน่นอนแรงเสียดทานมีผลต่อการออกตัวของรถ
1. ถ้าแรงขับเคลื่อน (Traction) ลงไปที่ล้อคู่หน้าซึ่งล้อคู่หน้ามีแรงเสียดทานมาก ล้อจะฟรีในอัตราที่น้อยกว่า ออกตัวได้ไวกว่าเล็กน้อย(ถึงน้อยมากในภาวะที่แรงฉุดเท่ากันแต่ตัวรถมีน้ำหนักต่อแรงเสียดทานมากซึ่งทำให้เกิดแรงเฉื่อยสัมพันธ์กับอัตรานี้)
2. ถ้าแรงขับเคลื่อน (Traction) ลงไปที่ล้อคู่หลังซึ่งมีแรงเสียดทานสถิตย์น้อยกว่า ล้อจะฟรีที่แรงขับเคลื่อนน้อยกว่า ขณะที่อัตราการฟรีนั้นมากกว่าในภาวะแรงขับเคลื่อนเท่ากัน

ส่วนในลักณะที่มีการบรรทุกจนท้ายแอ่นนั้น ก็จะสวนทางกันกับข้างบน

รถขับหน้ามีโอกาสเกิดหน้าทื่อ Understreeing มากกว่า เพราะล้อคู่หน้ามีกำลังขับซึ่งไปลดแรงเสียดทานระหว่างล้อกับถนน (แรงเสียดทานจะลดลงเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น) แต่ส่วนล้อที่ไม่มีกำลังขับจะกลายเป็นล้อที่มีกำลังต้านแทน
แต่ Understeering ควบคุมได้ง่ายกว่า แค่ส่งกำลังต้านไปเพิ่มยังล้อโดยการหน่วงด้วยเครื่องยนต์หรือเบรกเล็กน้อยจนแรงเหวี่ยงตั้งฉาก(หนีศูนย์) เท่ากับแรงเสียดทานรถก็กลับเข้ามาอยู่ใน Control แล้วครับ
การเกิด Understeering ในรถขับล้อหน้านั้นเกิดได้ง่ายแม้ในชีวิตประจำวัน เช่นตอนเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

รถขับหลังมีโอกาสเกิด Overstreering มากกว่า โดยเฉพาะตอนเข้าโค้ง ล้อหลังที่มีแรงฉุด(Traction) จะมีแรงเสียดทานน้อย ส่วนล้อหน้าแรงต้านจะมากเพราะไม่มีแรงขับ(no Traction) เมื่อมีการเลี้ยว หน้าจึงเลี้ยวตาม แต่หลังจะไปตามทิศทางล้อหลัง เมื่อหน้าไปทางนึง หลังดันตามมาน้อยกว่าท้ายเลยปัด
หากท้ายปัดแล้วเรายังคงพวงมาลัยไว้ทางเดิม รถก็หมุนแหละครับทีนี้
วิธีแก้ตามหลักเลยต้องลดแรงเสียดทานล้อหลังลงแล้วก็ล้อหน้าก็ปรับไปในทิศทางที่ถูกต้อง คือ เลี้ยงคันเร่งนิดแล้วก็หมุนพวงมาลัยไปทิศทางที่รถมันเคลื่อนที่ไป มันค่อนข้างยากหน่อย แต่พวก Drifter คงชอบไม่น้อย

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ

แปลว่า รถขับหน้า ก็มีดีในตัวมัน
แต่ขับหลัง ก็มีดี แตกต่างกันไป

แปลว่ารถบ้านๆ ม้าไม่ถึง 200 ตัว
จะขับหน้า ขับหลัง ก็ไม่สำคัญมากถูกมั้ยครับ

ยังไงๆ ล้อหน้าก็มีแรงกดจากเครื่องที่วางหน้า ทำให้ล้อคู่หน้ามี Traction มากอยู่แล้ว
ส่วนตัวผมชอบขับหน้า เพราะผมกลับคิดว่า Under คุมง่ายกว่า Over
อาจจะเป็นเพราะผมไม่มีฝีมือก็ได้ แต่ผมเคยขับ E36 วางเจแล้ว Over กลางโค้งทีนึง
ผมหลอนไปเลยครับ

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
ใช่ครับ ขับหน้าไม่เกิน 200 ม้า เอาอยู่สบายไม่เครียดครับ

ผมเองก็ชอบรถที่ understeer ครับ เพราะแก้ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไปได้ช้ากว่าจริงจริง
อย่างที่บอกว่าผมเคยรถหมุนในพีระไปหนนึง เพราะปรับมุมช่วงล่างมาแล้วกลายเป็น oversteer ง่าย
หลอนไปอีกหลายสนามเลยเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ก็ลองดูอย่างเช่น Integra DC5 สิครับ 220 แรงม้า ถามว่าขับแล้วรถมันเอาอยู่ไหม หรือรู้สึกว่ามันจะหน้าแถจนเอาไม่อยู่เลยหรือเปล่า
ไม่นะ ถ้าไม่ใช่ว่าเข้าโค้งแรงจนเกินไป อาการอันเดอร์นี้รถกับพวงมาลัยเตือนเราก่อนล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ

หรือเราลองดูอย่าง VW Golf GTi กับ Altezza 3S-GE ขับหลัง ก็จะพบว่ามันทำสปีดได้ใกล้เคียงกันมาก
ถ้าพูดเรื่องการพยายามทำความเร็วรอบสนาม รถขับหน้าอาจแซงได้ด้วยซ้ำ

แต่พอมันเป็นขับหน้าอย่าง Vios โมดิฟาย 300 แรงม้า นี่ไม่สนุกแล้วนะ กดหมดก็ฟรี กดเยอะก็ฟรี ออกจากโค้ง
ก็ต้องค่อยๆป้อนคันเร่ง มันกระแทกลงไปไม่ได้ ตัวรถมันไม่ได้มีฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ที่จะมาช่วยจัดการ
กับแรงม้า 300 ตัวตั้งแต่แรก มันสนุกอยู่แค่ช่วงทางตรง หลัง 130 ไป ตรงนั้นกดจาก 140 ไป 200 นี่สนุกสุด
เพราะอาการฟรีไม่มีแล้ว แต่มันก็เป็นการสนุกที่ความเร็วสูงไปหน่อยมั้ง

แต่ถ้า 300 ม้าไปอยู่ในบอดี้ E30 ถ้าตั้งลำตรงๆได้ปุ๊บ ถนนไม่ลื่น ก็กระแทกได้เลย แต่ขับหน้า 300 ม้า
กระแทกไปก็ฟรีทิ้ง ยิ่งถ้าเป็น 300 ม้าในบอดี้อย่าง A31 หรือ Z32 นี่ไม่รู้สึกพยศเท่าไหร่เลย แก้พวงมาลัยนิดเดียวก็ได้

ม้าที่ลงล้อหน้าแล้วฟรีทิ้งนี่ล่ะเป็นตัวแปรว่าขับหน้าจะยังสนุกอยู่หรือเปล่า เท่าที่สังเกตมา ม้า 200 ตัวในรถขับหน้านี่
สบาย มันส์ และสนุกด้วย ถ้าเซ็ตช่วงล่างให้ท้ายปัดในลักษณะที่พอดีๆ ให้ท้ายหันตามหน้าได้ สนุกที่สุด
และเสี่ยงน้อยกว่า

แต่ท้ายสุด ถามใจผมจริงๆ ถ้าม้าเกิน 300 ผมก็ไม่ชอบทั้งคู่ล่ะ เลยซื้อขับสี่มาไง 555
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ boykung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
  • ตอนเด็กๆ โคตรอยากเป็นจีบันเลย
แล้วถ้าพูดถึง Volvo S80 ที่จูนเป็น 258แรงม้า แรงบิด360นิวตัน ละครับ ถ้าจำไม่ผิด ขับหน้าใช่ไหมครับ

ในกรณีนี้การควบคุม จะเป็นยังไงครับ
Hyundai Grand Starex 2012
Kia Rio 2013
Volvo XC60 D4 Hybrid with Engine Oil 2013
Mercedes Benz S300Hybrid AMG 2014
BMW 420D Coupe M Sport 2016

ออฟไลน์ myalexxp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
ขับหลังดีกว่าครับ

 ;)

Mercedes-Benz crash

ออฟไลน์ magicmo

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
ผมก็ว่าขับหลังดีกว่านะแต่ว่าอันนี่ยังไม่รู้ลึดเท่าไร
เครื่องกรองน้ำ คุณภาพดี ตู้น้ำดื่ม ถูกหลักอนามัย cctv ภาพคมชัด กล้องวงจรปิด ป้องกันขโมย

ออฟไลน์ shutoff

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
    • อีเมล์
ต่างกันที่ ลาก กับ เข็น

ออฟไลน์ mong_mongs

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
    • อีเมล์
ผมชอบ ฟิลลิ่งขับหลังมากกว่าครับ อิอิ

ออฟไลน์ edward

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 243
แล้วถ้าพูดถึง Volvo S80 ที่จูนเป็น 258แรงม้า แรงบิด360นิวตัน ละครับ ถ้าจำไม่ผิด ขับหน้าใช่ไหมครับ

ในกรณีนี้การควบคุม จะเป็นยังไงครับ

อยากรู้ด้วยครับ

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
แล้วถ้าพูดถึง Volvo S80 ที่จูนเป็น 258แรงม้า แรงบิด360นิวตัน ละครับ ถ้าจำไม่ผิด ขับหน้าใช่ไหมครับ

ในกรณีนี้การควบคุม จะเป็นยังไงครับ


ไหนๆก็ไหนๆละ +scirocco r ด้วยครับ รายนั้นเขา 265แรงบิด 350 นี่ยังมีบางสำนักจูน 310แรงม้าแรงบิด450อีก ม้า ขับหน้าด้วยจิ่ +อะไรอีกดี ช่วยหาทีครับ  ;D ผมว่าออกเต็มตีนเมื่อไหร่ฟรีจนหมุนอ่ะ  ;D

ออฟไลน์ =TUM=

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 631
ทำไม VW callavelle เป็นรถตู้แท้ๆที่น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ข้างหลังถึงทำระบบขับหน้าละครับ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
แล้วถ้าพูดถึง Volvo S80 ที่จูนเป็น 258แรงม้า แรงบิด360นิวตัน ละครับ ถ้าจำไม่ผิด ขับหน้าใช่ไหมครับ

ในกรณีนี้การควบคุม จะเป็นยังไงครับ

มีตัวช่วยไม่ค่อยน่ากังวลครับ

อย่างที่หลายๆท่านว่า 300 ม้า ขึ้นไป แรงบิดสัก 350 นิวตัน ไม่มีตัวช่วยยิ่งขับยาก มีตัวช่วย ออกตัวช่วงต้นๆก็ไม่ได้ต่างกับรถ 200 ม้า ที่ไม่มีตัวช่วยนัก จะไปเห็นผลว่าวันแตกต่างก็ตรงทางตรงยาวๆ เกียร์ 3 ไปแล้ว

ขับหน้า 200 ม้า setup ดีๆ ก็วิ่งในสนามปิดได้ไม่เป็นรอง ขับหลัง (ที่ม้าใกล้เคียงกัน)  ;D

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
ขับหน้าดีกว่าขับหลังกรณีเดียว คือขับบนหิมะหรือทางที่ลื่นมากๆ
ขับหลังทนกว่าขับหน้า เพราะชิ้นส่วนกระจายกันอยู่อย่างแบ่งความสำคัญ ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างมากระจุกรวม
อยู่แต่ที่ล้อหน้า ความซับซ้อนเยอะ ความทนทานต่ำ
รถขับหน้าที่มีขายและแรงที่สุดผมเข้าใจว่าเป็น Ford Focus Rs500 345แรงม้า(ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยครับ) ดูลุงJeremy ทดสอบ เกิด torque steer
รุนแรง พวงมาลัยเลี้ยวเองหากเร่งเต็มตีนโดยไม่จับพวงมาลัยไว้ (ทั้งที่รถติดตั้ง front differential แล้ว แต่มันก็ไม่ยอมวิ่งให้ได้ center 5555)
ส่วน Best Motoring International ของญี่ปุ่น (มี เคอิจิ สุชิยะ เป็น presenter) เค้าแข่งรถกันในสนามแข่งหลายครั้งและเค้าบอกว่า Intrega Type R DC5 ที่นำมาแข่งกับสารพัดรถสปอร์ต(มีทั้ง s2000, Rx8, Evo,Sti, Elise,350Z,NSX) ซึ่งมีเลย์เอ้าท์ เครื่องวางหน้าขับหน้านั้น ไม่ใช่ลักษณะของรถที่นำมาแข่งได้ดีที่สุด
(แม้ DC5 จะวิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม) เมื่อรถวิ่งในสนามแข่งนานๆ อุณหภูมิเบรคและยางคู่หน้าสูงมากกว่าที่ล้อคู่หลังมาก
ทำให้รถสูญเสียความเสถียรในการวิ่ง เนื่องจากล้อคู่หน้านั้นต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อนและบังคับทิศทางไปพร้อมๆกัน

ส่วนสาเหตุที่รถกระบะขับเคลื่อนล้อหลังนั้น สาเหตุน่าจะมาจาก การเน้นความทนทานและรับภาระบรรทุกที่ล้อหลังมากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2011, 00:31:00 โดย Nont5510 »
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
คุณ magicmo

กรุณาแก้ไข signature ของคุณ
ขายอย่างเดียวก็ผิดกฏแล้ว นี่ล่อไปซะสี่อย่าง

ให้เวลาถึงพรุ่งนี้เช้า
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
รถขับหน้า ทุกคัน เวลาตกหลุมที่พื้นไม่เท่ากันที่ความเร็วสูง ถ้าล้อหน้าซ้ายหรือขวาตกไปจะเกิดอาการแถ ไร้การควบคุมผิดธรรมชาิติอยู่ครับ เพราะล้อที่เสียการเกาะจะเสียแรงขับไปด้วย ไม่เหมือนรถขับหลัง ถ้าตกหลุม การบังคับเลี้ยวจะไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ครับ

รถขับหลัง สามารถทำวงเลี้ยวได้แคบกว่าครับ เพราะสามารถทำให้ล้อหน้าเลี้ยวและมุมล้มได้เยอะกว่ารถขับหน้าขนาดเดียวกันเสมอ

รถขับหลัง เสียแรงไปกับเพลาขับเยอะครับ  เสียพื้นที่ห้องโดยสารรวม ๆ ไปมาก

รถขับหน้า ทุกคัน เข้าโค้งแรง ๆ understeer แต่รถขับหลังดี ๆ ไม่มี oversteer ที่ความเร็วเท่า ๆ กัน อย่าง BMW BENZ เขาถ่วงน้ำหนักหน้าหลังดี ตั้งศูนย์ล้อหลังสำหรับเข้าโค้งได้แน่น ๆ แต่ถ้าเป็นขับหลังแบบรถกระบะ ไม่ว่าจะเป็นดัดแปลงใช้แหนบ ใช้สปริง ถ้าเป็นเพลาขับแข็งช่วงล่างไม่อิสระ oversteer ทุกคันเหมือนกัน

รถขับหน้า เวลาลงเขา เสียวมากกว่า รถขับหลัง ครับ แต่ถ้าลงช้า ๆ ไม่รู้สึก

การใช้รถในชีวิตประจำวัน ทั่ว ๆ ไป ขับหน้ามันใช้งานเพียงพอแล้วครับ รถส่วนใหญ่ก็เลยเลือกผลิตขับหน้า เพราะต้นทุนถูก แต่สำหรับกลุ่มluxury เขาก็ทำขับหลังด้วย เช่น TOYOTA ทำ LEXUS ให้ขับหลังเพื่อเติมตลาดส่วนที่รถขับหน้า ทำไม่ได้ RX8 RX7 ก็ำทำเป็นรถขับหลัง เพราะขืนทำแบบ MX5 ก็ได้แค่ตลาดสปอร์ตทั่ว ๆ ไปครับ

ถ้ามีให้เลือก ผมก็เลือกขับหลังไว้ก่อนล่ะครับ