Mercedes Benz CLS350 CDI Blue Efficiency พอดีภรรยาพึ่งได้รถคันใหม่ครับ
เลยเอามาทำ Reivew ให้เพื่อนๆ ชาว HLM อ่านกันเล่นๆ ครับผม
Mercedes Benz ปล่อยเจ้า CLS ออกสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกเมื่อปี 2005
โดยใช้รหัสตัวถัง W219 ภายใต้ Concept การออกแบบ ที่มีโจทย์อยู่ว่า
รูปลักษณ์ภายนอกต้องดูสปอร์ตสวยงาม เหมือนรถ Coupe แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายแบบรถ Saloon
จึงออกมาเป็น CLS W219 แบบที่เราเห็นๆ กันตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
CLS W219 ได้ถูกนำเข้ามาขายในเมืองไทยบ้าง
โดยการนำเข้าจากผู้นำเข้าอิสระ(Grey Market) เป็นส่วนใหญ่
แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากราคาค่าตัวของมัน ณ ตอนนั้น
ถ้าผมจำไม่ผิด จะอยู่ที่ 8 ล้านกว่าๆ เห็นจะได้ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
จะมีให้เป็นบ้างประปราย นานๆ ครั้ง
แต่เมื่อถึงปี 2011 ที่ผ่านมา CLS ได้ทำการ Model Change ใหม่หมดจด
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ภายใต้รหัส W218 แต่ยังคงไว้ซึ่ง concept การออกแบบรถให้เหมือน
Coupe มากที่สุด แต่มี 4 ประตูเหมือนรถ Saloon ทั่วไปเช่นเคย
ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะ CLS ตัวใหม่นี้ มันมีเหลี่ยมมุมที่มองแล้วสวยทุกมุมมอง
ยกเว้นกระจังหน้า ที่อาจจะรู้สึกแปลกๆ ในแว่บแรกที่เห็น เพราะพยายามออกแบบย้อนยุค
โดยการนำกลิ่นอายออก Merc Retro รุ่นเก่าๆ มาผสมผสาน แต่เนื่องจากตัวรถโดยรวม
ผมรู้สึกว่า ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย จึงทำให้รู้สึกขัดๆ กันไปบ้าง ในครั้งแรกที่เห็น
แต่ดูไปนานๆ ก็รู้สึกชินตามากขึ้น
โดยแนวทางออกแบบรถCoupe+Saloon นี้ ได้มีรถจากหลายๆ ค่าย ทำออกมาบ้างแล้วเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น Sonata Sport หรือ คู่ปรับตลอดกาลของ MB อย่าง BMW Serie 6 gran coupe ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
เกริ่นมาซะนาน เรามาดูตัวรถกันดีกว่าครับ
กระจังหน้าที่ออกแบบ โดยนำกลิ่นอายของ Benz รุ่นเก่าๆ มาผสมผสาน
ด้านท้าย จุดเดียว ที่เป็นข้อแตกต่างของ CLS250 และ CLS350 คือ logo Emblem นี่แหละ นอกนั้น แทบจะเหมือนกันหมดครับ
ไฟท้ายออกแบบได้สวยงาม ลงตัวมาก เป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุด สำหรับ Exterior ของ CLS นี้
ส่วนท่อคู่ มีมาให้จากโรงงาน ไม่แน่ใจว่าเป็นชุดแต่งของ AMG รึเปล่า เพราะ Grey นำเข้ามาบ้านเรามันก็มีแต่หน้าตาแบบนี้
ยังไม่เคยเห็นตัว Standard
ล้อ AMG 18" ซึ่ง สามารถสั่ง 19" ได้ แล้วแต่ options
ส่วน Spec ล้อ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เพราะยังไม่เคยถอดออกมาดู
แต่ดูจาก spec ยาง ถ้าให้เดา ไม่หน้า 8 หลัง 9 ก็หน้า 8.5 หลัง 9.5 นี่แหละ
รัดมากับยางหน้า 255/40/18
และยางหลัง 285/35/18
กระจกข้างแบบมีไฟเลี้ยว สวยดี
ส่วนด้านหลัง เก็บของได้เยอะพอสมควร ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ ได้สบาย
ฝาท้ายมีปุ่มกดปิด ซึ่งอันนี้น่าจะเป็น Options รุ่น มาตรฐานจะไม่มี
เข้ามาดูภายในกันบ้าง มี sunroof หรือ Moonroof
พวงมาลัยออกแบบได้ดูสปอร์ตมาก ๆ
ส่วนกุญแจ ยังคงเป็นเหมือน Benz รุ่นเก่าๆ ที่ใช้เสียบ แล้วบิด Start ไม่มี Push Start
ซึ่งแอบบงงเหมือนกัน รถรุ่นใหม่ๆ เค้ามีกันหมดแล้ว แต่กับชอบแบบนี้แฮะ
คันเกียร์อยู่ที่พวงมาลัย ซึ่งเป็นอีก 1 จุดที่ผมไม่ชอบเลย
ชอบแบบรถปกติมากกว่า เหมือนเป็นความเคยชินไปแล้วมั้ง
ปุ่มกดกระจกไฟฟ้า จะสังเกตุได้ว่า วัสดุภายใน ส่วนใหญ่เป็นหนังเย็บ แทบบจะไม่มีพลาสติกแข็งมาให้เห็น
ภายในถือว่า ทำได้หรูหรา สมราคาครับ
Scuff plates
ส่วนกระจกตรงประตู ไม่มีกรอบเหล็ก ดูสปอร์ต เหมือนรถ coupe ทั่วๆไป
ปุ่ม Set Memory เบาะ
แผงปรับแอร์แยกอิสระ
ปุ้มควบคุม จอ monitor คล้ายๆ I-drive ของ BMW
เรือนไมล์ บอกความเร็วเป็นหน่วย ไมล์ / ชั่วโมง ขับครั้งแรกแอบงง เหยียบถึง 80 ทำไมรู้สึกเร็วจัง
ที่แท้ เป็น 80 ไมล์ / ชั่วโมงนี่เอง แต่ยังมีหน่วยวัดความเร็วเป็นตัวเลข Digital หน่วยเป็น Km/Hr ให้ดูด้วย
จอ Monitor มี Navi ดูหนัง ฟังเพลง ได้ครบหมด แต่คาใจอยู่อย่างนึง หาคลื่น GreenWave 106.5 ไม่เจอ เพราะอะไรว้าา
นาฬิกาในรถ เป็นอีก 1 จุดที่ชอบมาก ดูเก๋าดี
มาดูขุมกำลังกันบ้าง V6 Diesel 3000 CC 265 แรงม้า 620 NM แรงบิด
สามารถเร่งความเร็ว 0-100 ได้ใน 6.2 วินาที
แถมยังประหยัดน้ำมัน 6.1 L/100 kms หรือ 16 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
สุดท้ายจอดคู่น้อง Romeo แล้วความหล่อสูสีกันเลยเนอะ อิอิ
บทสรุป
Mercedes Benz CLS W218 โฉมใหม่นี้ ได้รับการตอบรับจากคนไทยพอสมควร
สังเกตุได้จากประชากร W218 บนท้องถนนมีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะสีขาว และ สีดำ
นั่นก็เป็นเพราะว่า รูปลักษณ์ใหม่หมดจด สวยงาม ทันสมัย Options จัดมาให้พอประมาณ
แถมราคาที่ Grey Market แต่ละเจ้าทำราคาออกมา โดยเฉพาะรุ่น CLS250 นั้น เริ่มต้น แค่ 4.xx ล้าน เท่านั้น
ลูกค้าที่คิดจะซื้อ E-class / E-coupe / BMW520D /525D / 523i คงต้องมีเจ้า CLS250 มาเป็นอีก 1 ตัวเลือก แน่นอน
ส่วนคนที่รักในความแรง อยากจะหันไปหาเครื่อง 6 สูบ ก็เพียงเพิ่มเงินเท่ากับ Camry อีก 1 คัน
คุณก็จะได้ครอบครองยนต์กรรมที่สามารถทำให้คุณถึงจุด Orgasm ได้ ภายในระยะเวลา 6.2 วินาที
แถม Options จัดมาให้ แบบเต็มๆ
ส่วนเรื่องการขับขี่ แน่นอนว่า อัตราเร่งสามารถเรียกใช้ได้ดั่งใจ
ช่วงทางตรง ช่วงล่างนิ่งมากๆ นุ่มนวลสไตล์ Benz แต่ยังสามารถมั่นใจได้ ในย่านความเร็วสูง
ส่วนจุดอ่อนของมันคงอยู่ที่ทางโค้ง ซึ่งลองใช้ความเร็วพอประมาณ จะมีอาการออกมาให้เห็นนิดๆ
นั่นคงเป็นเพราะความยาวของตัวรถ ที่ค่อนข้างยาวมาก จนถึงขั้นเทอะทะ
เรื่องเสียงเครื่อง Diesel แทบจะไม่ได้ยิน เมื่ออยู่ในห้องโดยสาร
แต่จะพอได้ยินบ้าง เวลาอยู่นอกรถ แต่ผมว่า เสียงก็ยังเบากับเครื่อง Diesel ของ BMW
อัตรการสิ้นเปลือง ไม่เคยลองจับจริงๆ จัง ๆ แต่ขับมา 3-4 วัน เข็มน้ำมันลดมาหน่อยเดียว (ดีใจจัง)
สำหรับภายใน อาจจะดูแคบไปนิดนึง แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้แคบเท่าไหร่
เพียงแต่หลังคามันเตี้ยมาก เลยรู้สึกอึดอัด
เบาะหลังสามารถนั่งได้แค่ 2 คน
ส่วนเบาะหลังนั่งสบายมั้ย อันนี้ยังไม่เคยลองครับ
เท่าที่สำผัสมา เกือบ 1 อาทิตย์ ก็คงประมาณนี้ครับ
ยังมี Options อีกหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้ลองเล่น ครับ
คงค่อยๆ ศึกษาไป ครับผม ข้อมูลบางอย่างอาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง เอามาจาก Google บ้าง Wiki บ้าง
หากท่านใดมีข้อมูลเพ่ิมเติม มาแชร์กันได้เลยนะครับ ด้วยความยินดีครับผม
ขอบคุณครับ ที่ติดตามอ่านกัน
simcity