ทำไม PPV อย่าง Fortuner pajero sport Everest Mu-7 ไม่มีดิสก์เบรกหลังมาให้ ??

reyeshenry

คือสงสัยอะครับ ว่า ทำไม PPV  ในบ้านเราทุกยี่ห้อเลย  ที่ขายอยุ่  อย่าง Fortuner pajero sport   Everest Mu-7   ไม่มีดิสก์เบรกหลังมาให้ทุกรุ่น อย่างฟอร์จูนเนอร์สเปคตัวนอกทุกประเทศที่ขาย ก็ไม่ดิสก์เบรคหลังเช่นกัน    เป็นดรัมเบรคหมด

สาเหตุที่ไม่ใส่ดิสก์เบรคหลังมาให้ เพราะอะไร  ลดต้นทุนการผลิต  หรือ หากใส่มาแล้ว  ทั้ง ดิสก์เบรค หน้า - หลัง มันไม่เหมาะกับรถ SUV ทีี่่มาจากโครงสร้างรถกระบะ เหรอครับ  เพราะหากใส่แล้วดีจริง ผมคิดว่า ต้องมีสักค่ายกล้าใส่ ดิสก์เบรคหลัง มาให้เห็นแน่ๆ   แต่ตรงกันข้าม SUV ที่มาจากรถเก๋ง ทุกยี่ห้อ อย่าง CR-V Captiva Escape กลับมีดิสก์เบรคหน้าหลังมาให้ทุกรุ่นเลย

ใครทราบบ้างครับ เพราะสาเหตุอะไรครับ  SUV หรือ PPV  มาจากรถกระบะ ถึงไม่มีดิสก์เบรคหลังมาให้ ???



kan.kom

SUV พื้นฐานรถเก๋ง
PPV พื้นฐานรถกระบะ

และเพราะ fortuner pjs มาจากพื้นฐานกระบะ ก็เลยเป็นดรัมเบรกครับ



5ume7h

CRV-G1 ข้างหลังก็เป็นดรัมเบรคครับ
คงแล้วแต่ความเหมาะสมมั้งครับ



johnlee

สำหรับผม ขอให้มันเบรคดีก็พอครับ  ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นจานเสมอไป
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t



pkdiamond

คือจะบอกว่า pajero sport มันมีนะครับ แต่เป็นตัวส่งออก โดยใช้ชื่อว่า Mitsubishi Challenger

 ดังรูปครับ

เพราะเคยไปเยี่ยมชมโรงงาน Mitsubishi กับ Trip01 ของ Headlightmag แล้วไปเห็นรุ่นนี้ใน ไลน์ผลิตพอดี
เป็น เครื่องเบนซิน V6 แต่ไม่แน่ใจเรื่องของ cc
 
 เท่าที่เห็นผ่านตอนนั้นนะครับ Options ที่พึ่งจะใส่ให้กับ PJS ตัว 2.5 VGS บ้านเรา ก็จะมี ไฟหน้า HID, ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า และ Rain sensor
 คือ อุปกรณ์เหล่านี้ ต่างประเทศเค้าได้ใช้กันนานแล้ว
 
 และเครื่องเสียง จะเป็น Front 2 DIN ที่มีหน้าตาคล้ายๆในตัว EX และมีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงด้วย (ส่วน PJS บ้านเราใช้ Front Alpine )

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2012, 15:27:31 โดย pkdiamond »



NS

ถามช่างมา เขาบอกว่าความจริงแล้ว ดรัมเบรคจะดีกว่าในแง่ของการจับจานเบรค เพราะพื้นที่หน้าจับมันเยอะกว่า และฝุ่นไม่เข้า แต่ระบายความร้อนไม่ดี ส่วนดิสเบรคมันระบายความร้อนได้ดีกว่า เหมาะสำหรับล้อหน้าที่ใช้งานบ่อยๆ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



NgoH

สิ้นเปลือง คงทน



Beam

ดูจากพื้นฐานของตัวรถ เเละ ต้นทุนในการผลิต ครับ
ยกตัวอย่าง
พวก PPV เช่น ฟอร์จูน ปาเจโร สปอร์ต ด้านหลังจะเป็นดรัมเบรค ช่วงล่างก็จะเป็น กึ่งอิสระ
ส่วนSUV เช่น Captiva ด้านหลังจะเป็น ดิสก์เบรค ช่วงล่างจะเป็น อิสระ Multi Link

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2012, 16:17:12 โดย เฮียหลี »



reyeshenry

ดูจากพื้นฐานของตัวรถ เเละ ต้นทุนในการผลิต ครับ
ยกตัวอย่าง
พวก PPV เช่น ฟอร์จูน ปาเจโร สปอร์ต ด้านหลังจะเป็นดรัมเบรค ช่วงล่างก็จะเป็น กึ่งอิสระ
ส่วนSUV เช่น Captiva ด้านหลังจะเป็น ดิสก์เบรค ช่วงล่างจะเป็น อิสระ Multi Link



มันต่างกันยังไงหรือครับ แล้ว สาเหตุที่เขาไม่ใส่มาเพราะอะไรกันแน่



H3T

  ส่วนตัวเลย ผมให้น้ำหนักไปที่เรื่องของต้นทุนมากกว่า เพราะการใช้พื้นฐานกับกระบะ ซึ่งหากเปลี่ยนระบบเบรคจากดรัมเป็นดิสก์ จะมีพาร์ทเพิ่มขึ้นมาอีก 2 -3 อย่าง รวมไปถึงการเซ็ทระบบการจับของเบรคใหม่ ไหนจะเพิ่มระบบงานในไลน์ประกอบ ซึ่งคงวัดเป็นตัวเงินลำบากครับ
  แต่ที่อดคิดไม่ได้ว่า ข้ออ้างเรื่องการใช้พื้นฐานเดียวกับรถกระบะจะใส่ดิสก์เบรคไม่ได้ แต่ Prado 95 ซึ่งก็มีพื้นฐานจากกระบะ Hilux ( อาจจะแค่ช่วงล่างก็เถอะ ) ก็ยังใส่ดิสก์หลังมาให้
  ส่วนข้อเสียของดรัมเบรคอีกอย่างที่ข้างบนยังไม่ได้พูดถึงคือ ต้องมีการตั้งระยะเบรคบ่อยๆเพื่อคงมีประสิทธิภาพที่สูงสุดเอาไว้ครับ



warez

ต้นทุนล้วนๆครับ

จากคหข้างบน ปัจจุบันนี้ Toyota Prado ยังใช้โครง vigo เครื่อง vigo3000 อยู่เลยครับ ใช้ชื่อ Toyota Land Crusier Prado (ยาวชะมัด) ตัวที่ขายในญี่ปุ่นนั่นแหละครับ
เรียกแบบบ้านๆคือ Fortuner ภาคญี่ปุ่น



PapaRo@ch~*

ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของกฎหมายกระบะดัดแปลงบ้านเรารึเปล่านะครับ



Cool Runner

ที่ไม่ใส่รถไทยหลักๆก็เรื่องต้นทุน เป็นหลัก
แต่สำหรับผมมันก็ไม่ได้จำเป็นมากนักดรัมก็พอแล้ว

รอ Trailblazer สิมีมาแน่นอน



H3T

ต้นทุนล้วนๆครับ

จากคหข้างบน ปัจจุบันนี้ Toyota Prado ยังใช้โครง vigo เครื่อง vigo3000 อยู่เลยครับ ใช้ชื่อ Toyota Land Crusier Prado (ยาวชะมัด) ตัวที่ขายในญี่ปุ่นนั่นแหละครับ
เรียกแบบบ้านๆคือ Fortuner ภาคญี่ปุ่น
น่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนนะครับ
 Prado 95 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Hilux
 Prado 120 / 150 ไม่ได้ใช้ร่วมกันอีกแล้วครับ
ส่วน Fortuner ญี่ปุ่นที่คุณกล่าวถึง หมายถึง Hilux Surf ครับ
 Surf130 ร่วมกับ Mighty-X
 Surf185 ร่วมกับ Tiger ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Hilux
 Surf215 ใช้พื้นฐานร่วมกับ Prado120
 
 



suttiruk

ตอบในฐานะที่ทำงาน R&D น่ะครับ
1. ต้นทุนวัสดุ - ไม่เกินกี่บาทสำหรับระบบนี้ ระบบจานจะแพงกว่าดั้ม
2. สอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศที่จะนำไปขายเปล่ารวมถึงประเภทของรถไม่ว่าจะระยะเบรกในย่านความเร็วต่างๆและเงื่อนไขอื่นๆทั้งหมด
3. ต้นทุนการผลิต/ประกอบในโรงงาน - รวมถึง technology, ระยะเวลาและจำนวนของคนที่ต้องใช้ในการประกอบ ระบบจานจะมีต้นทุนสูง
4. ชิ้นส่วนใหนที่สามารถใช้ร่วมกันได้กับรุ่นที่มีอยู่แล้วและไม่มีปัญหากับข้อ 2) ข้างบนก็ควรใช้มันเกี่ยวกับ stock และราคาต้นทุนเพราะ lot จะค่อนข้างใหญ่สำหรับชิ้นส่วนนั้นทำให้ถูกเวลาทำ/สั่ง(ภาษาที่ใช้กันคือ common part)

ก่อนออกแบบจะต้องทำ benchmarking กับของคู่แข่งก่อนว่าในแต่ละอย่าง/ระบบ/function ของเค้าเป็นอย่างไรแล้วเราจะเอาแบบไหนถ้าส่วนมากดั้มเราก็ควรดั้มด้วยหรือจำเป็นต้องเพิ่มเสป็กหรือเปล่าสำหรับกลุ่มลูกค้ารถแบบนี้ทุกอย่างมีเหตุผลหมดครับ

** เน้นกำไรเยอะๆแต่สอดคล้องกับข้อกำหนดทั้งหมดสำหรับรถประเภทนั้นๆและประเทศที่จะนำไปขายครับ  คร่าวๆแค่นี้พอเดี๋ยวจะงงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2012, 20:05:39 โดย suttiruk »



LimitedEdition

ต้องถามว่าทำไมถึงอยากได้ ดิสก์เบรก มากกว่า

รถหนักหนัก คันโตโตแบบนี้ ผมรู้สึกอุ่นใจกว่าที่ได้เบรกหลังเป็นดรัมเบรกด้วยซ้ำ



Hokkaido

มันแค่เรื่องต้นทุนเท่านั้นเองหรอครับ

ผมก็สงสัยเหมือน จขกท มานานเหมือนกัน พยายามหาเหตุผลยังไงก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ดี

อย่างที่คุณเนยว่า ทำไมดรัมมันถึงน่าอุ่นใจกว่าดิสล่ะครับ ผมก็เคยคิดแบบนี้นะ เพราะหน้าสัมผัสดรัมมันเยอะกว่า

แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นทำไมพวกรถสมรรถนะสูงๆอย่างพวกรถสปอร์ตถึงไม่ใส่ดรัมเบรคล้อหลังมาซะเลยล่ะครับ น่าคิดนะครับ



yod artstu

ดรัม อยู่ในรถหนักๆครับ พวกรถหกล้อ สิบล้อ นี่เท่าที่เห็นๆกัน ดิสค์ เอาไม่อยู่ครับจับไม่ไหว
ถ่างตัวเอาแบบดรัม มีหน้าสัมผัสเยอะกว่าครับ แต่ก็จะระบายความร้อนได้ยากกว่าดิสค์

PPV ก็กึ่งๆมั้งครับ เรื่องลดต้นทุนพัฒนาก็น่าจะเกี่ยว

ปล วีออส ตัวปัจจุบัน หลังเป็นดรัมใช่ไหมครับ ระยะเบรกสั้นกว่าตัวที่่ป็นดิสค์สี่ล้อตัวเดิมนะ ผมว่าแล้วแต่ setting
: )



Tonaka

จะบอกว่าลดต้นก็คงพูดได้ไม่เต็มปากครับ    แต่เหตุผลมันมีอยู่ว่า รถ PPV นั้นจะต้องสร้างมารถพื้นฐานรถกระบะที่ว่าตามประกาศของ สรรพสามิต ครับ  โดยประกาศนั้นก็มีหลายฉบับ  และว่าด้วยคุณลักษณะของรถครับ มีการอัพเดทบ้างบางข้อ บางข้อก็ยังเก่าอยู่ครับ  อย่างเช่นคุณลักษณะของรถกระบะบางข้อดังนีี้ครับ

    น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1ตัน และไม่เกิน 4 ตัน
    ช่วงล่างด้านหลังเป็นแหนบ
    เบรคหลังเป็นดรัม
   
เป็นต้น

ยกตัวอย่างกฎเกี่ยวกับรถ ppv ที่เพิ่งแก้ไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็คือเรื่องระบบช่วงล่างที่สามารถเปลี่ยนมาใช้คอยสปริงได้ครับ   ส่วนเรื่องเบรคหลังรู้สึกว่ายังไม่ได้แก้นะครับ

ส่วนเรื่องตัวอย่างประกาศของรถประเภทนี้ที่ผมพอจะหาได้ก็มีดังนี้ครับ

http://www9.excise.go.th/law/webpage/Excise_law_01_03_020.html

ส่วนตัวเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมยังไม่สามารถหามาอ่านได้ครบครับ  ถ้าใครมีข้อมูลก็รบกวนช่วยสงเคราะห์หน่อยนะครับ   :)
阿蘇山



last_dezember

ดรัมจะมีแรงในการจับดีกว่า ในยามเวลาบรรทุกของหนัก ดรัมเบรคจะช่วยให้รถหยุดดีกว่า






Zx-III

เงินครับ คิดดู ผลิตที่กี่คัน ดูจากยอดขาย^^ มันเปลืองทุนครับ ทำให้ได้กำไรน้อยลง



power2002

ดรัมเบรค ผ้าเบรคเยอะกว่า พื้นที่เยอะกว่า กันฝุ่นโคลนได้ดีกว่า   แต่ระบายความร้อนแย่กว่า  ถ้าฝุ่นโคลนเข้าแล้วก็ออกยากกว่า
 ::)
ผมศรัทธาดรัมเบรคหลังตั้งแต่ เห็นรถจิมคาน่าดึงเบรคสะบัดท้าย อ้อมกรวย เข้าเส้นเวลาดีมานานแล้วครับ  :D
ของเดิมโรงงานเป็นดรัมดีๆ ผมก็ไปเปลี่ยนเป็นดิส เท่านั้นแหละครับ ดึงเบรคมือสายแทบขาดก็เอาไม่อยู่

จนมาถึงปัจจุบัน ใช้รถppv ก็เห็นพวกออฟโรด ลุยโคลนลุยน้ำหนักๆ  ใช้ดรัมทั้งนั้นครับ   ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
แต่ความรู้สึกมันบอกว่า ผ้าเบรคมีพื้นที่สัมผัสมาก มันก็น่าจะหยุดได้ดีกว่าก็เท่านั้นเอง ;)



LimitedEdition

มันแค่เรื่องต้นทุนเท่านั้นเองหรอครับ

ผมก็สงสัยเหมือน จขกท มานานเหมือนกัน พยายามหาเหตุผลยังไงก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ดี

อย่างที่คุณเนยว่า ทำไมดรัมมันถึงน่าอุ่นใจกว่าดิสล่ะครับ ผมก็เคยคิดแบบนี้นะ เพราะหน้าสัมผัสดรัมมันเยอะกว่า

แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นทำไมพวกรถสมรรถนะสูงๆอย่างพวกรถสปอร์ตถึงไม่ใส่ดรัมเบรคล้อหลังมาซะเลยล่ะครับ น่าคิดนะครับ

จะให้พูดตรงตรงก็คือต้นทุนครับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นการลดต้นทุนเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินแบบใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด บริษัทรถยนต์ก็สามารถพัฒนา
เบรกเทพแบบหยุดรถอะไรก็ได้ ไม่มีเฟด ไม่มีลื่นไถล ใช้งานไม่มีวันหมด แต่ราคาชิ้นหนึ่ง 10 ล้านบาท
ถึงจะผลิตได้ มันก็คงเอามาใส่รถขายบนถนนไม่ได้ เพราะราคามันไม่สมเหตุสมผล ไม่มีใครซื้อ

กรณี ดรัมเบรก ในรถขนาดใหญ่ก็เหมือนกันครับ จะพัฒนาดิสก์เบรกให้สร้างแรงเบรกเท่าดรัม
ในขนาดที่ไม่ใหญ่กว่าดรัมก็ได้ แต่ต้นทุนการผลิตก็สูงลิ่วตามไปด้วย ทำให้รถทั้งคัน มาแพงเพราะเบรกหลังอย่างเดียว
ดังนั้น ในเมื่อดรัมเบรกสามารถหยุดรถเวลาบรรทุกหนักได้ดีกว่า ประสิทธิภาพไม่ได้ยิ่งหย่อนอะไร
แทนที่จะเอาเบรกแพงแพงมาใส่ ก็พัฒนาดรัมเบรกมาใช้ต่อไปดีกว่า

หลายท่านด้านบนบอกไปแล้วครับ ว่าดรัมเบรกจริงจริงประสิทธิภาพของตัวมันดีกว่าดิสก์มาก
เพียงแต่มันระบายความร้อนได้แย่กว่า มีน้ำขังด้านในง่ายกว่า และกลไกสปริงดันกลับมีโอกาสติดขัดสูงกว่า
ทำให้มันต้องมีการดูแลรักษาบ่อยครั้งกว่า เพื่อจะให้สร้างแรงเบรกได้เท่ากันทั้งสองข้าง
ทีนี้พอมันไปอยู่ล้อหลังซึ่งไม่ได้บังคับเลี้ยว ไอ้สร้างแรงเบรกต่างกันนิดหน่อย ก็ไม่เห็นผลอะไรมาก
ต่างจากล้อหน้า ถ้าเบรกไม่เท่ากันล่ะก็ดึงพวงมาลัยวืดวาด พารถเลี้ยวเสียหลักเอาง่ายง่ายครับ

รถบรรทุก รถสิบล้อทั้งหลาย ก็ดรัมเบรก 10 ล้อ นะครับ ไม่ได้ใช้ดิสก์นะ



Sanyak

ดรัมเบรค ผ้าเบรคเยอะกว่า พื้นที่เยอะกว่า กันฝุ่นโคลนได้ดีกว่า   แต่ระบายความร้อนแย่กว่า  ถ้าฝุ่นโคลนเข้าแล้วก็ออกยากกว่า
 ::)
ผมศรัทธาดรัมเบรคหลังตั้งแต่ เห็นรถจิมคาน่าดึงเบรคสะบัดท้าย อ้อมกรวย เข้าเส้นเวลาดีมานานแล้วครับ  :D
ของเดิมโรงงานเป็นดรัมดีๆ ผมก็ไปเปลี่ยนเป็นดิส เท่านั้นแหละครับ ดึงเบรคมือสายแทบขาดก็เอาไม่อยู่

จนมาถึงปัจจุบัน ใช้รถppv ก็เห็นพวกออฟโรด ลุยโคลนลุยน้ำหนักๆ  ใช้ดรัมทั้งนั้นครับ   ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
แต่ความรู้สึกมันบอกว่า ผ้าเบรคมีพื้นที่สัมผัสมาก มันก็น่าจะหยุดได้ดีกว่าก็เท่านั้นเอง ;)
เห็นด้วยครับ ส่วนใหญ่suv เป็นรถเน้นลุย ถ้าเป็นดิสเบรคจะสัมผัสโดยตรงกับนำ้และโคลนจะทำให้ดิสติดหรือลื่นได้ แต่ดรัมเบรคเป็นระบบปิดจะสัมผัสโดยตรงกับนำ้และโคลนยากครับมันเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยครับ