ผู้เขียน หัวข้อ: อันตรายจากคันเร่งค้าง  (อ่าน 12399 ครั้ง)

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
อันตรายจากคันเร่งค้าง
« เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 10:25:32 »
 พอดีผมเปิด mail อ่านเมื่อเช้านี้ ได้รับ fwd. จากเพื่อนคนนึงครับ เห็นว่ามีประโยชน์ดีก็เลยเอามาให้อ่านกันครับ
เวลารถมีปัญหาทำนองนี้จะได้มีสติแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน



เพื่อความปลอดภัยและมีสติ...
เวลาประมาณ 11.00 น. เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ ในชีวิตนี้ ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจาก ถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด

ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม.ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้ง คราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีกก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน
เพื่อนแนะให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้

ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว

เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรว ม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่างแล้วดับเครื่อง
คราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม.. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้ เหมือนรอดตายพ้นนร ก ผมรีบโทรบอกที่บ้านเพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทรสั่งเสียหรือสั่งลา ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ ด่านเก็บเ งินใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น

ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถสิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้
การปิดสวิทช์กูญแจรถยนต์ดับเครื ่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์และระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ
ขอเพิ่มเติมให้อีกหน่อยครับ ถ้าวิธีนี้ใช้ได้จริง
ดับเครื่องเฉย ๆ นะครับ อย่าดึงกุญแจออกจากรูกุญแจ เดี๋ยวพวงมาลัยล็อค จะยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะถ้าดับเครื่องโดยที่กุญแจยังเสียบอยู่ เรายังบังคับเลี้ยวได้
พวงมาลัยจะไม่ล็อค เราจะเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถคันหน้าได้

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 10:37:50 »
สำหรับผมเอง เคยเจอสถานการณ์อีกแบบที่อันตรายมากเลยครับ
คือเบรคเหยียบไม่ลง
สาเหตุงี่เง่ามากครับ คือผมเก็บสเปร์น้ำหอม เอาไว้ใต้เบาะคนขับ   พอขับไปขับมา ไอ้กระป๋องนี้มันดันเลื่อนไถลเข้ามาอยู่ตรงใต้คันเบรค
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ พอจะเหยียบเบรคก็ติดกึ๊ก เฮ้ย....เบรคเป็นไรวะ พอเหลือบสายตาลงไปดู โห...บทเรียนครับบทเรียน ต้องพยายามเอาเท้าเขี่ย ๆ กระป๋องออกมา ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน
เรื่องเล็กน้อย ๆ ก็อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้  ดีว่าวันนั้นขับไม่เร็วมากนัก ขับในเมืองอยู่ครับ แล้วจะจอดรถซื้อของ นี่ถ้าเกิดจะจอดติดไฟแดง คงได้ชนท้ายคนอื่นเค้าแน่ ๆ หรือไม่ก็อาจจะผ่าไฟแดงแล้วโดนชน เวลาตกใจมันคิดอะไรไม่ออกเหมือนกันครับ มาคิดทีหลังว่าตอนนั้นทำไม กรูไม่ใช้เบรคมือช่วยวะ
หรือทำไมกรูไม่ใช้เกียร์ต่ำชลอความเร็วลงมาก่อนก็ได้
แต่ที่สำคัญตั้งแต่นั้นมาผมจะไม่วางอะไรเอาไว้ใต้เบาะคนขับทั้งสิ้น แล้วพวกกระป๋องสเปรต่าง ๆ นี่มารู้เอาทีหลังว่ามันอันตรายด้วย
ไม่ควรเอามาไว้ในรถครับ เพราะความร้อนทำให้ระเบิดได้

ออฟไลน์ mengkubs

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 99
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 10:52:00 »
เคยสายคันเร่งมันค้างเหมือนกัน

โชคดีเกียร์กระปุก

กดคลัชเข้าเกียร์ว่าง แตะเบรคเบาๆ แล้วเปิดไฟเข้าข้างทาง

ไม่รู้มันค้างได้ยังไงแต่รอบตอนเกียรว่างมันปาไป3000

เลยลงมาขยับนิดๆหน่อยๆมันก็เหมือยลงล็อคหายค้างพอดี


เพราะแบบนี้แหละเลยชอบเกียร์กระปุก

ออฟไลน์ THEKHAM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 487
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 11:05:32 »
 :) ขอบคุณสำหรับกระทู้เเนะนำครับ

เรื่องนี้ ไม่รู้จะเกิดกับเราเมื่อไหร่

เก็บความรู้ไว้ใช้กับตัวเอง เเละบอกต่อคนอื่น เยี่ยมเลยครับ

ปล. อ่านง่ายขึ้นเเล้วครับ ;D

ออฟไลน์ Ko Love Lexus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 333
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 11:20:01 »
ขอบคุณครับ

ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์มาก ;D ;D ;D
Nothing is impossible. ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ออฟไลน์ luktal_wangpha

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 67
  • ครูชำนาญการพิเศษ
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 11:27:44 »
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆๆไหมค๊ะ ลูกตาลว่ารู้ให้ผู้รู้มาคำนวนให้ดีกว่า ว่าความเร็ว 130-140 กม/ชม.รถวิ่งนาน 10 นาทีจะได้ระยะทางเท่าไหร่ และหลังจากปลดเกียร์ว่างแล้วหากคันเร่งยังค้างอยู่รอบเครื่องคงต้องขึ้นสูงสุดจนกล่อง ECU ตัดกรณีรถหัวฉีด และกว่าจะหยุดรถได้ตั้ง 5 กม. หม้อลมเบรคไม่มีแว็คกั๊มค้างอยู่เลยหรือค๊ะ ถ้าเครื่องดับโดยปกติเรายังเหยียบเบรคแบบเต็มที่ได้อีก 2-3 ครั้งกว่าลมจะหมด แค่นี้ก็เพียงพอต่อการหยุดรถในแบบปกติได้แล้ว  แสดงว่าช่วงที่คุณวิ่งบนทางด่วนคงโชคดีทีการจราจรไม่คับคั่งบังคับรถหลบซ้ายหลบขวาได้อย่างสบายจนจอดได้ในระยะ 5 กม.

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 11:42:29 »
อันตรายจากการดัดแปลงรถมากกว่าครับ

ออฟไลน์ 5ume7h

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 888
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 12:01:38 »
เหมือนเคยเห็น FWD Mail อันนี้มาทีนึง ไม่แน่ใจว่าในนี้รึเปล่า
จำได้ว่ามีจุดแปลกๆ หลายจุด

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 12:04:42 »
บทความนี้มันดูแปลกๆ สรุปเลยคือ ผมไม่เชื่อครับ

ต่อให้คันเร่งค้าง
ยังไงๆ พลังเบรค ก็มีพลังมากกว่าแรงบิดจากเครื่องยนต์

ถึงอย่างนั้นจริงๆ ถ้าคันเร่งมันค้าง
แต่เราสับเกียรไปที่เกียรว่างแล้ว มันไม่น่าวิ่งต่ิอได้แล้ว เพราะเกียรกับคันเร่ง มันคนล่ะระบบกัน

ออฟไลน์ NOOM22

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 12:07:56 »
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆๆไหมค๊ะ ลูกตาลว่ารู้ให้ผู้รู้มาคำนวนให้ดีกว่า ว่าความเร็ว 130-140 กม/ชม.รถวิ่งนาน 10 นาทีจะได้ระยะทางเท่าไหร่ และหลังจากปลดเกียร์ว่างแล้วหากคันเร่งยังค้างอยู่รอบเครื่องคงต้องขึ้นสูงสุดจนกล่อง ECU ตัดกรณีรถหัวฉีด และกว่าจะหยุดรถได้ตั้ง 5 กม. หม้อลมเบรคไม่มีแว็คกั๊มค้างอยู่เลยหรือค๊ะ ถ้าเครื่องดับโดยปกติเรายังเหยียบเบรคแบบเต็มที่ได้อีก 2-3 ครั้งกว่าลมจะหมด แค่นี้ก็เพียงพอต่อการหยุดรถในแบบปกติได้แล้ว  แสดงว่าช่วงที่คุณวิ่งบนทางด่วนคงโชคดีทีการจราจรไม่คับคั่งบังคับรถหลบซ้ายหลบขวาได้อย่างสบายจนจอดได้ในระยะ 5 กม.

คิกเหมือนกันคับ +100  ถ้าเป็นจริงน่าจะเป้นทางตรงยาวๆๆ ไม่มีรถแน่เลย :)
( คิดที่จะรัก ต้องยอมเจ็บ )

ออฟไลน์ yod artstu

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,158
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 12:21:00 »
กดเบรกช่วย แล้วชิฟท์ ลง D3 > D2 > L
ก็น่าจะหน่วงมากๆแล้วนะครับ
นอกจากคันเกียร์และสายไฟเกียร์จะเสียหายพร้อมๆกับคันเร่งไฟฟ้าค้าง

เข้าเกียร์ว่าง ก็ยิ่งไม่มีแรงหน่วงจากเครื่องและเกียร์ช่วยเลยสิ

ดึงเบรกมือแบบนั้น ที่ 120 มีเสียวรถหมุน
 :o
: )

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 12:31:45 »
ขอบคุณที่นำข่าวและความปรารถนาดีมาบอกต่ออีกครั้งนะครับ แต่ผมว่ามันก็ทะแม่งๆจริงๆ ซึ่งถ้าเจอปัญหานี้แล้ว ไม่ยาก เอ็นจิ้นเบรคก่อน หรือไม่ก็เข้าเกียร์ N ไปเลย รอบจัดของเครื่องก็ได้แค่คำรามและไม่ลากรถเราต่อไปแล้วครับ ที่สำคัญห้ามวางอะไรสะเปะสะปะในพื้นของคนขับเด็ดขาด  ;)

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 13:46:00 »
ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกท่านเลยนะครับ ที่ช่วยกันออกความเห็นนี้มา
ตอนที่ผมอ่าน fwd mail  ฉบับนี้ ครั้งแรกก็รู้สึกทะแม่ง ๆ เหมือนที่เพื่อน ๆ หลายคนว่ามาล่ะครับ
ผมคิดว่า ถ้ามันเกิดปัญหาอย่างนี้ น่าจะเข้าเกียร์ N แล้วค่อย ๆ แตะเบรค เอารถเข้าจอดข้างทางได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ถ้าเล่นเบรคมือน่าจะไม่ได้แน่ ๆ  เลยลองเอา fwd mail อันนี้มาโพสดูครับ
 
ยังไงก็ตาม ปัญหาทางเทคนิคว่าสาเหตุมันเกิดอะไรขึ้น มีเหตุผลอะไรบ้าง ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่ากับว่า
ถ้าเราขับรถอยู่แล้วมันมีปัญหา เกียร์ค้าง เบรคไม่ทำงาน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราควบคุมรถตามปกติไม่ได้
เราจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อเอาตัวรอดโดยปลอดภัยทั้งเราและเพื่อนร่วมทางคนอื่น ๆ ได้อย่างไรมากกว่าครับ
อยากจะให้เพื่อน ๆ ที่มีความรู้หรือประสบการณ์มาแชร์กันเยอะ ๆ ก็จะดียิ่ง
 สำหรับผมเองนะ จากบทความใน fwd. mail ฉบับนี้ ( ถึงแม้จะทะแม่ง ๆ ในหลาย ๆ จุด ) แต่มันก็มีประโยชน์ขึ้นมาทันทีที่ได้อ่านเหมือนกัน
ทำให้มาคิดตามเลยครับ ว่าถ้าเราเกิดเจอปัญหาผิดปกติขึ้นมา ควรทำยังไง และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมจะสอนภรรยาผมยังไงด้วยครับ
เพราะภรรยาผมจะขับรถทางไกลบ่อยกว่าผม

และยังเคยเกิดปัญหาขึ้นมาสองครั้งกับเจ้า honda city ครับ  ครั้งแรก ภรรยาผมขับรถจากปัตตานีไปตรัง กับเพื่อนสาวเธอสองคน
ออกเดินทางไปก็สองทุ่มแล้วครับ พอลงจากเขาพับผ้า ภรรยาก็โทรมาหาผมบอกว่าเกียร์มีปัญหา มันค้างไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งตอนนั้นรถวิ่งเพิ่งลงจากเขาใช้ความเร็วต่ำ เกียร์ก็เลยค้างที่เกียร์ต่ำไปเลย  ผมก็แนะนำไปทางโทรศัพท์ว่าให้ลองเปลี่ยนมาเกียร์ว่าง ก็ไม่ได้ครับ คันเกียร์โยกมา N ได้ก็จริง แต่เกียร์ยังคงค้างเหมือนเดิม  อ่ะ.. ลองให้กดปุ่มที่พวงมาลัยใช้เป็นแบบ manual ดู ( ตั้งแต่ออกรถมายังไม่เคยใช้เลย )  ก็ยังคงค้างเหมือนเดิม

ผมก็เลยบอกให้เพื่อนสาวเธอโทรไปที่เบอร์ฉุกเฉินของฮอนด้า ทางศูนย์ hot line  ก็แนะนำมาดีมากครับ บอกให้รีบเอารถไปเข้าศูนย์ที่ตรังด่วนเลย
( แล้วกรูจะเอาเข้าไปได้ยังไงวะ ตอนนี้จะห้าทุ่มแล้ว และมันก็อยู่อีกไกล อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้อีกครับ เพราะจุดหมายที่จะไปไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่ไปในเขตุอำเภอสิเกาติดเขตกระบี่ และปกติใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง ) อ่ะ...เหลือวิธีเดียว ผมบอกให้ภรรยาค่อย ๆ ประคองรถช้า ๆ ไปหาที่ชุมชนสักหน่อย เพราะตรงนั้นเปลี่ยวมาก ก็โทรคุยกันตลอดครับ จนมาถึงป้อมตำรวจ ผมก็เลยบอกให้เธอจอดรถ ผลักคันเกียร์มาที่ N อีกทีว่ายังค้างอีกมั้ย มันก็ยังค้างอยู่อีกครับ พร้อมที่จะหาเป้าหมายพุ่งชนอยู่อีกครับ

ทำไงดีวะ อ่ะ...ผมก็เลยให้เหยียบเบรคค้างไว้ ดึงเบรคมือ แล้วดับเครื่องแม่มเลย  เหมือนเวลาคอมพ์แฮ้งค์แล้วทำอะไรไม่ได้ก็ปิดเครื่อง
อ่ะครับ แล้วให้เธอเปิดกระโปรงรถ เอาเครื่องมือมาถอดขั้วสายแบตเตอรี่ออก ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยครับ  ( เจ้าหน้าที่ดีมาก ๆ  สภอ.นาโยง จ.ตรัง ภรรยาผมชมให้ฟังตอนที่กลับมา ) ผมคิดไปตามประสางู ๆ ปลา ๆ นะ ว่ามันน่าจะแก้ไขได้ เพราะสาเหตุอย่างงี้อาจจะเป็นที่ระบบไฟฟ้า เดา ๆ ไปครับ ผมให้ถอดขั้วแบตทิ้งไว้ 10 นาที แล้วต่อเข้าไปใหม่ ลองสตาร์ทแล้วเข้าเกียร์ดูอีกที
เออ... ได้เว้ย ปกติแล้ว ผมก็เลยให้เธอขับไปช้า ๆ แต่ใช้เกียร์พวงมาลัยแทนไปจนถึงที่หมายจนได้

วันรุ่งขึ้นก็เอาเข้าศูนย์ครับ ตกลงเปลี่ยนอะหลั่ยชุดคุมเกียร์ออโต์อะไรไม่รู้เหมือนกัน หมื่นหนึ่งพันบาทครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2012, 14:11:16 โดย adis »

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 14:00:40 »
ยังครับ ยังไม่จบ อีกครั้งนึงกับภรรยาของผมเช่นกัน honda city คันเดิม ไปกับเพื่อนสาวคนเดิม แต่คราวนี้ไป กทม. กัน สามคน ผมไม่ได้ไปด้วยอีกตามเคยครับ
ขาไปไม่เป็นไร แต่ขากลับ ปั้มน้ำมันเบรครั่วที่สุราษฎ์ ตอนค่ำ ครับ รถเบรคไม่อยู่เลย โทรมาหาผม ผมก็บอกว่าให้ขับรถมาช้า ๆ ใช้เกียร์ 2 ไปก่อน แล้วเปิดไฟฉุกเฉิน  หาป้อมตำรวจเหมือนกันครับ  พอมาเจอด่านก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยหาร้านซ่อมเบรคให้  เจ้าหน้าที่ก็ดีเหลือเกินครับ ขอชมเชย จำไม่ได้ว่าด่านไหน แต่อยู่ที่สุราษฎ์ครับ  จัดการหาช่างมาซ่อมให้เรียบร้อย ก็เดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัย

   
   ย้อนมาที่ fwd mail นี้ และประสบการณ์ของภรรยาสองครั้งข้างต้น และของผมอีกหนึ่งครั้ง
ทำให้ผมคิดว่า คนที่ขับรถใช้รถควรมีวิธีตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
รวมทั้งวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ปลอดภัยทั้งคนทั้งรถด้วยจะดีกว่า และแลกเปลี่ยนความรู้กันดูครับ
เท่าที่ผมคิดได้ คืออันดับแรก ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ แล้วอันดับต่อมา หาวิธีการชลอรถหรือหยุดรถว่าทำอย่างไรได้บ้าง ที่ปลอดภัยด้วยนะครับ
และตรงนี้ล่ะครับ ผมเองไม่มีความรู้มากนัก  รู้แต่ว่าถ้าความเร็วสูง ๆ อย่าใช้เบรคมือ เดี๋ยวคว่ำได้ หรือการลดเกียร์ต่ำลงมา
อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนสำหรับเกียร์ออโต เกียร์จะพังเปล่าครับ  แต่ถ้ามันทำให้คนปลอดภัย เกียร์พังก็ไม่เป็นไร
หรือจะมีวิธีอื่น ๆ อีก ใครรู้แนะนำด้วยครับ...

ออฟไลน์ MC Stradale

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 14:18:08 »
เคยเจอเหมือนกันครับ แต่ดีที่รถไม่ได้วิ่งอยู่ กำลังจอดรอเติมน้ำมัน พอคันหน้าขยับ ก้ขยับตามแล้วคันเร่งก้ค้างซะงั้น รถพุ่งไปชนคันหน้าเลย พอเข้าศูนย์แล้วเค้าก้อ้างว่าเป็นเพราะพรมใหม่ที่ซื้อมาใส่เอง แต่ก้ยืนยันกับศูนย์ไปว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะนำรถไปต่างจังหวัดถ้ามันจะค้างมันคงค้างตั้งแต่ออกจากบ้าน และเป็นพรมที่ใส่แล้วพอดีกับพื้นเลย เพราะฉะนั้นมันขยับไปไหนไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว ซื้อมาใส่ตั้งนานแล้ว และขับมาก้นาน แล้วมันก้เพิ่งมาเป็นเนี่ยนะ แต่ผมว่าช่างต้องเจอสาเหตุแล้วจัดการแก้ไขแล้วไม่บอกสาเหตุที่แท้จริงเรามากกว่า

ออฟไลน์ Jew

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 91
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 15:37:36 »
เห็นพี่ที่ออฟฟิตเล่าให้ฟังว่าคันเร่งค้าง เเต่ไม่นึกกลัวคิดว่าเอาอยู่เพราะเป็นเกียร์ MT เเต่พอมาอ่านกระทู้นี้เเล้วเกียร์ AT น่ากลัวมาก
ที่สำคัญต้องมีสติด้วย ยิ่งเคสขวดน้ำหวมคุณพี่ adis เเล้วมันโดนกับผมมากที่ชอบเอาขวดน้ำทิ้งไว้ใต้เบาะรถ

ขอบคุณข้ๆอมูลดีที่มาเเชร์ครับ เป็นประโยช์มาก

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 17:04:56 »
ผมเคยลืม เอามือไปดึง lock tech ดังแกร็ก

เบรคไม่ได้ เร่งไม่ได้

อ้าวเวรหล่ะ รถวิ่งเรื่อยๆ 10-20 กม./ชม. รถเยอะด้วย

แต่มีสติ ปลดเกียร์ไป N ก่อน เปิดไฟฉุกเฉิน มองหน้าหลัง ซ้ายขวา ขับชิดขอบทาง

ดึงเบรคมือ ดับเครื่อง เอากุญแจไปปลด lock tech

แล้วสัญญากับตัวเองว่า เวลาขับ อย่าลุกลี้ลุกลน อย่าอยู่นิ่งไม่เป็นเหมือนลิง
อย่าโทรตอนขับ อย่าง่วนหาของ

เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมดูทีวียังจำได้เลย โอ วรุต วรธรรม เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะวุ่นหาของที่หล่นตรงเบาะข้างคนขับ
หลังจากนั้น ละครที่ โอ วรุต เล่น มีแต่บทนั่งเก้าอี้ บทขายส้มตำ ก็นั่งเก้าอี้

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 17:14:10 »
ผมเคยลืม เอามือไปดึง lock tech ดังแกร็ก

เบรคไม่ได้ เร่งไม่ได้

อ้าวเวรหล่ะ รถวิ่งเรื่อยๆ 10-20 กม./ชม. รถเยอะด้วย

แต่มีสติ ปลดเกียร์ไป N ก่อน เปิดไฟฉุกเฉิน มองหน้าหลัง ซ้ายขวา ขับชิดขอบทาง

ดึงเบรคมือ ดับเครื่อง เอากุญแจไปปลด lock tech

แล้วสัญญากับตัวเองว่า เวลาขับ อย่าลุกลี้ลุกลน อย่าอยู่นิ่งไม่เป็นเหมือนลิง
อย่าโทรตอนขับ อย่าง่วนหาของ

เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมดูทีวียังจำได้เลย โอ วรุต วรธรรม เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะวุ่นหาของที่หล่นตรงเบาะข้างคนขับ
หลังจากนั้น ละครที่ โอ วรุต เล่น มีแต่บทนั่งเก้าอี้ บทขายส้มตำ ก็นั่งเก้าอี้

lock tech คืออะไรครับ

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 17:24:50 »
ผมเคยลืม เอามือไปดึง lock tech ดังแกร็ก

เบรคไม่ได้ เร่งไม่ได้

อ้าวเวรหล่ะ รถวิ่งเรื่อยๆ 10-20 กม./ชม. รถเยอะด้วย

แต่มีสติ ปลดเกียร์ไป N ก่อน เปิดไฟฉุกเฉิน มองหน้าหลัง ซ้ายขวา ขับชิดขอบทาง

ดึงเบรคมือ ดับเครื่อง เอากุญแจไปปลด lock tech

แล้วสัญญากับตัวเองว่า เวลาขับ อย่าลุกลี้ลุกลน อย่าอยู่นิ่งไม่เป็นเหมือนลิง
อย่าโทรตอนขับ อย่าง่วนหาของ

เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมดูทีวียังจำได้เลย โอ วรุต วรธรรม เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะวุ่นหาของที่หล่นตรงเบาะข้างคนขับ
หลังจากนั้น ละครที่ โอ วรุต เล่น มีแต่บทนั่งเก้าอี้ บทขายส้มตำ ก็นั่งเก้าอี้

lock tech คืออะไรครับ

อุปกรณ์ล๊อกเบรคล๊อกคลัชครับ
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ eaowpj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 18:18:10 »
ขอบคุณสำหรับวิธีแก้ปัญหาครับ กรณีเกียร์ค้างถ้าผมเอารถเข้าศูนย์ตามระยะแล้วเกิดคงด่าฮอนด้าเละเลย  :)

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 21:15:48 »
รถผม(รุ่นเก่าแล้ว)พยายามไม่เอาอะไรไปยุ่มย่าม แถวๆสายคันเร่งเด็ดขาดครับ

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 21:31:48 »
อันนี้เก่ามากแล้วครับ และเคยวิเคราะห์กันไปแล้วว่า
ใส่สีตีไข่ให้มันดูตื่นตาตื่นใจไปเยอะทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นต้องการให้น่าสนใจ หรือเพราะตกใจมากก็เถอะ

คันเร่งค้าง สับเกียร์ไป N แล้วเหยียบเบรกแช่ครั้งเดียวให้รถหยุด จบทุกกรณีครับ
ถ้ายังไปเลียเบรก กดปล่อย กดปล่อย จนเบรกมันไหม้ อันนี้ก็ตัวใครตัวมันนะครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: อันตรายจากคันเร่งค้าง
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มีนาคม 15, 2012, 21:38:52 »
99% ของ Fwd. Mail น่าเชื่อถือ แต่หาความจริงไม่ได้ครับ

ป.ล.ไม่นับพวกคนหายนะครับ