แค่นี้ยังน้อยครับ มาเจอรถขนผลไม้แถวแกลงซะก่อน สูงกว่าตัวรถ 2-3 เท่า ล้อหลังแทบจะจมไปในซุ้มล้อ แถมวิ่งแช่ขวาอีกต่างหาก น่าเบื่อสุดๆ
เล่าจากประสบการณ์เพราะอยู่ในวงการผลไม้
ถ้าสังเกตุดีๆ รถบรรทุกผมไม้ จะใส่ลังผลไม้ประมาณ 9-10 ชั้น ซื่งแปลว่าจะสูงกว่าสิบล้อแน่นอน
และน้ำหนักบรรทุกจะปวนเปี้ยนอยู่ระดับ 4 ตัน + - ไม่เกิน 200 โล อันนี้คือเรทที่ทุกคันต้องทำได้ ไม่งั้นไม่มีคนจ้าง
ถึงคุนจะบีบแตรให้ตาย กระพริบไฟก็แล้ว เค้าก็ไม่จะเข้าซ้าย แถมเปิดเลี้ยวขวาเพื่อให้สัญญาณว่า "คุณนั้นแหล่ะต้องแซงซ้าย"
เหตุผลที่รถพวกนี้ไม่ยอมเข้าซ้าย
1. ถนนซ้ายประเทศไทยเราแย่มาก ถ้ารถกระบะที่บรรทุกสูงระดับรถสิบล้อ อยู่ด่านซ้ายจะอันตรายมาก
ถ้าพลาดตกหลุมที่ใหญ่ๆหน่อย มีโอกาศลงข้างทางได้ง่ายมาก
2.ช่วงล่างขนาดเล็กของรถกระบะ มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกระดับ 4 ตัน + -
แล้วลงหลุมตูมๆแบบรถสิบล้อได้ มันจะพังในเวลาอันรวดเร็วมาก บางคันถึงขั้นล้อหลุดแล้วคว่ำเลยก็มี
3.รถพวกนี้ส่วนมากเป็นรถด่วน จะวิ่งขวายาวๆ ยอมเสียตำรวจครั้งละ 100 บาท ดีกว่ายอมเสียช่วงล่างกับทำเวลาไม่ได้
ปล.แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุด คือตอนไม่ได้บรรทุกสินค้า ทำไมไม่เข้าซ้าย เห็นแก่ตัวทำไม อันนี้ไม่เข้าใจ
ก็เนี่ยแหละครับ ถึงทำให้ปัญหาการจราจรเป็นอย่างทุกวันนี้
ก็ไม่ควรชิดขวา ถ้ายิ่งรู้ว่าถนนไม่ดี รถจะพัง แต่ต้องทำน้ำหนักให้ได้... รวมตัวกันร้องเรียนเลยครับ !
ในฐานะผมเป็นคนกลาง ทำธุรกิจผลไม้ส่งนอกที่ไม่ได้ทำอาชีพขนส่งรถกระบะบรรทุก และเป็นประชาชนผู้ใช้ถนนคนหนึ่ง
ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวนึดนึง ถ้าเราจะประหารรถกระบะบรรทุกทั้งหมดเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียว
สาเหตุที่รถพวกนี้ต้องใส่ถึงระดับ 4 ตัน เพราะจะได้ทำค่าบรรทุกได้ใกล้เคียงกับรถที่ขนาดใหญ่กว่า
สมมุติว่าถ้ารถพวกนี้ใส่ 4 ตัน ทำค่าบรรทุก 1.20 บาทต่อกิโล รถหกล้อได้ 1 บาทต่อกิโล สิบล้อได้ 80 สตางค์ต่อกิโล
สมมุติว่ารัฐบาลอนุโลมให้ได้น้ำหนักบรรทุกได้ 2 ตัน นั้นเท่ากับว่าค่าบรรทุกต่อกิโลต้องเพิ่มเป็น 2.40 บาทต่อกิโล
แน่นอน....ซึ่งอาชีพแบบพวกผม คงไม่ใช้รถกระบะแน่นอน เพราะไม่คุ้มทุน ทำไปก็ขาดทุน สู้คนอื่นในตลาดไม่ได้
แต่คนที่จะหมดอนาคตมีสองคน
1. แม่ค้ารายเล็กที่สามารถมีกำลังการขายได้แค่วันละ 4 ตัน เพราะแม่ค้าพวกนี้ จะเขยิบตัวเองมาขายในระดับบรถหกล้อ
หรือรถสิบล้อ นั้นยากมาก ซึ่งแปลว่าแม่ค้ารายเล็กจะเจ๊งก่อน เพราะแบกรับ 2.40 บาทต่อกิโลไม่ไหว
จะเอาอะไรไปสู้พวกสิบล้อ 80 สตางค์ ค่าบรรทุกก็ต่างกันสามเท่าแล้ว ซึ่งแม่ค้าพวกนี้เป็นส่วนมากของเมืองไทย
2. เจ้าของรถบรรทุก รถพวกนี้จะต้องโดนกฎหมายบีบ จนไม่มีคนจ้างเพราะแบกรับค่าบรรทุกแสนโหดไม่ไหว
หรือไม่เจ้าของรถต้องหาอาชีพอื่น ที่หาจุดคุมทุน รับงานบรรทุกของมีค่าแบบไม่หนัก ซึ่งผู้จ้างแบบนี้มีน้อยกว่าจำนวนรถบรรทุก
การเมือง กฎหมาย ระบบการจัดการ อะไรอีกมากมายต่างๆของประเทศไทย อยู่ในอันดับท้ายๆของโลก
มันบีบให้หลายอย่างต้องเป็นแบบนี้ ถามว่า ถ้าเรารวมตัวกันฟ้องร้องทำได้ไหม ตอบเลยว่า "ทำได้"
แล้วเราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อคนไทยส่วนมาก ไม่มีทางเลือกในการทำมาหากินมากนัก
ทำไมพวกเราไม่ถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน ก็พอเข้าใจว่ารถบรรทุกมันผิด
แต่พวกเราเปิดโอกาศให้คนอื่นทำมาหากินบ้าง ไม่ได้เลยหรอ