ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"  (อ่าน 6710 ครั้ง)

ออฟไลน์ iiuuiisj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 212
    • อีเมล์
ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 21:39:17 »
ได้มีโอกาศ กลับมา บ้่าน ที่ตจว  สระแก้ว (อรัญ) มีงาน แตงแคนตาลูป   มีบูท 1 เป็น บูท  เรื่องรถใช้น้ำ  ซึ่ง เคยได้ยินเรื่องนี้กันมานานเเล้ว ผม ก็คิดว่าคงเป็น เรื่องลวงโลก จึงไม่ได้ สนใจอะไรมาก แต่คุณแม่ บอกว่า มันใช้จริงๆ หลอ  ผมก็บอกว่าคง ไม่ 100 % หลอก จึง ไป ชอ โบชัว มาอ่าน  สรุป คร่าวๆ ได้ ว่า

-  เค้าจะติด ตั้ง เครื่อง มือ ชนิด 1 ที่มีความสามารถ  แยก ไฮโดรเจน ออกจากน้ำ ได้  เเล้ว น้ำ  ไฮโดรเจน ที่เป็นก็าซ  เอามา เข้าห้องเผาไหม้ ทาง ไอดี มันช่วยให้ รถ จุดระเบิดได้สมบรูณ์ขึ้น  เเรงบิดมากขึ้น  อัตรา เร่ง อะไรพวกนี้  เเล้วเค้า ก็เคลม ไว้ว่า  ประหยัด น้ำมัน 20-60%  ใช้ กับ ดีเซล เบนซิน lpg ngv ราคา ติดตั้ง 40000+ บาท



รายละเอียดเกี่ยวกับน้ำ : น้ำเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่เขียนสูตรเคมีได้ว่า H2O: น้ำ 1 โมเลกุลประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม สร้างพันธะโควาเลนต์รอบออกซิเจน 1 อะตอม



คำถาม ถ้าเอา  ไฮโดรเจน  เข้า ห้องเผาไหม้ เเล้ว เครื่อง ยนต์ดีขึ้น ประหยัดขึ้น  จริงๆ หลอครับ


คิดเล่นๆ งั้นเราก็ หา ซื้อถัง ไฮโดเจนมาเเล้ว ต่อตรงไปยัง ไอดี ไม่ได้ หลอ 


คนอื่นๆ ใครเคยใช้ หรือพอจะทราบรายละเอียด ช่วยอธิบายคร่าวๆ ได้ไหม อยากได้คำตอบจากคนใช้รถ  ไม่อยากเชื่อคนติดตั้งเท่าไร  เพราะถาม ประหยัดน้ำมัน  ก็  น่าติดตั้งเีนะครับ น้ำมันก็ 40บาท +



cerdit  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3

ออฟไลน์ ArmMoTo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 396
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:11:46 »
เอ่อออ ตอบแบบความเข้าใจของผมนะครับ ไม่ชัวร์ 100 เปอร์เซ็นนะครับ

รถที่ใช้ ไฮโดรเจนนั่นมีมาสักพักแล้วนะครับ ไม่แน่ใจว่าฝั่งยุโรปหรือเปล่า

แต่ถ้าจำไม่ผิด ถังมันค่อนข้างหนักมากๆ และสามารถเดินทางได้ไม่ไกลเท่าไร

ส่วนที่เติมน้ำลงไปนั่น ผมไม่ค่อยเชื่อ 100 เปอร์เซ็นนะครับ

เพราะว่ากระบวนการแยก ไฮโดรเจนออกจากน้ำนั้น ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูงมากทีเดียว

(เหมือนมีคนบอกไว้ว่า เหมือนพกโรงไฟฟ้านิวเคลียติดรถกันเลยทีเดียว)

ปล. ไม่มีข้อมูลอ้างอิงนะครับ อย่าพึ่งเชื่อ รอกูรูดีกว่า แต่ผมก็คุ้นมาประมาณนี้ครับ  ;)

ออฟไลน์ Quadrifoglio Verde

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
  • Remember Life is Hanging in the Balance !
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:21:48 »
เป็นการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์แบบที่ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ มาทำให้ดูน่าเชื่อถือครับ พูดกันตามตรงก็คือการต้มกันนั่นเอง

ไฮโดรเจนสองโมเลกุลยึดกันกับออกซิเจนด้วยพันธะโควาเลนต์ครับ ซึ่งการที่จะแยกพันธะโควาเลนต์ที่ว่านั่นจะต้องใช้พลังงานที่สูงมากๆ ไม่ใช่อยากจะต้ม ก็ต้มกันแบบนั้น การผ่านความร้อนเป็นแค่การทำให้โมเลกุลน้ำกระจัดกระจายกลายเป็นไอเฉยๆ ครับ เพราะฉะนั้นเครื่องแยกน้ำที่ว่านั่นไม่มีประโยชน์อันใดเลยครับ หนักรถเปล่าๆ

การจะนำพลังงานจากน้ำมาใช้ได้จริงๆ ต้องเป็นขบวรการรวมไฮโดรเจนกับออกซิเจนครับ จะได้ พลังงาน + น้ำ แบบรถไฮโดรเจนของต่างประเทศเค้าทำกันครับ ซึ่งก็ต้องมีปั้มไฮโดรเจน ที่มีการนำไฮโดรเจนเหลวซึ่งแยกออกมาจากน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว มาเติมใส่รถครับ ซึ่งปัญหาก็คือการแยกไฮโดรเจนเหลวนั้น มีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควรแบบที่ประเทศไม่รวยทำแล้วไม่คุ้มครับ

FIAT 131 SuperBrava 1600 T/C 1981
VOLVO 850 GLT 1997
Mercedes W204 C250 CDI AVANTGARDE 2011

ออฟไลน์ suttiruk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 149
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:24:47 »
เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในรถยนต์นั้น ผมจำได้ว่า BMW วิจัยเรื่องนี้มา 10กว่าปีแล้วเคยทำ 7er ใช้พลังงานงานไฮโดรเจนที่เยอรมัน (รถทดสอบ) แล้วก็ลงทุนทำปั้มที่มิวนิค (ไม่แน่ใจ) สุดท้ายก็ต้องพับโครงการลงก่อนเนื่องจากปัญหาเยอะมากไม่สามารถทำ mass product ได้

เทคโนโลยีไฮโดรเจนที่ใช้ในเชิงพานิชตอนนี้ที่ทราบก็คือใช้เป็นพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ส่วนรถยนต์นั้นคงอีกนานมากๆครับ....เก็บเงินใว้ดีกว่าครับ ;)


ออฟไลน์ decptt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,571
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:28:17 »
เคยใช้ใน Mighty-X ปี 98 ครับ
อัตราการสิ้นเปลือง จาก 8-9 โล/ลิตร เพิ่มเป็น 9-10โล/ลิตร

หลักการคือ การทำให้น้ำ (น้ำกลั่น) แล้วเติมสารเร่งปฏิกิริยาลงไป จากนั้นใช้ไฟแบตเตอรี่ (เวลาขับรถ) ไปทำให้น้ำนั้นเกิดปฏิกิริยาแยกอะตอมทำให้เป็นก๊าซ
ก๊าซ ผ่านเข้าทางท่ออากาศ (ไอดี) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ดีขึ้นครับ (ตัวที่ผมติด ประมาณ 10,000 บาทครับ ทำมาคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์)
ก๊าซไฮโดรเจน ช่วยให้ไฟติด
ก๊าซอ็อกซิเจน ช่วยให้ติดไฟครับ
พอมีอ็อกซิเจนมากหน่อยการจุดระเบิดก็สมบูรณ์ขึ้นครับ (ในเครื่องดีเซล)

อย่าลืมว่า อากาศที่ผ่านกรองอากาศไปนั้น มันมีไนโตรเจนอยู่ 70% นะครับ ดังนั้น เมื่อเราได้ออกซิเจนเพิ่มขึ้นมา แถมมีไฮโดรเจน มาอีกต่างหาก ทำให้อากาศที่ติดไฟได้มีมากขึ้น การเผาไหม้ก็ย่อมสมบูรณ์ขึ้น
ถ้าลองเหยี่ยบคันเร่งดูแล้ว เหมือนคันเร่งจะเบาขึ้นครับ

ถามผมว่า คุ้มไหม
ถ้าวิ่งเกินเดือนละ 10000บาท จากการประหยัดน้ำมัน 10% จะต้องใช้มันประมาณ 40เดือน (ราคาเครื่อง จขกท 40000 บาท)  ;D คุ้มครับแต่ในระยะยาวมากกกก

ตัวแปลงน้ำเป็นก๊าซ หมดอายุหรือไม่
หมดแน่นอนครับ แผ่นโลหะที่ใช้ ก็มีหลักการคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์ครับ โลหะที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา ย่อมมีวันหมดอายุด้วย สารเคมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เราเติมเข้าไปครับ

ผมขายรถทิ้งครับ แล้วไปใช้ Triton ตอนเดียว เครื่อง 2.4 ติด LPG ประกันศูนย์ 100,000กิโล ครับ คุ้มกว่ากันเยอะ ;D 8) บรรทุก 2.5ตัน ตกกิโลละ 2-2.5 บาทครับ
D-Max 2.5ดีเซลคอมมอลเรลล์ ไม่ปรับแต่งเครื่อง บรรทุก3-3.5 ตัน ตกกิโลละ 3.5-4 บาทครับ

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,025
  • FF1.5SMG
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:51:54 »
แต่ก่อนเหมือนจำได้ว่ามีอาจารย์คณะวิศวกรรมของลาดกระบังท้าให้พิสูจน์เจ้าตัวนี้..
สุดท้ายเรื่องก็หายไปเลยครับ..

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเจ้าเครื่องนี้เท่าไหร่ครับ..
ถ้ามันคุ้มค่าจริงๆ ทำไมไม่มีการผลักดันเจ้าเครื่องนี้เท่าที่ควร..
มีมาแค่ช่วงนึง เป็นข่าวแว็บๆ แล้วก็หายไปเลย..

เกรงว่ามันจะเหมือนไอ้เจ้าเครื่องอะไรนะ ที่มันเสียบเข้ากับที่จุดบุหรี่
แล้วจะทำปฎิกิริยาอะไรซักอย่างกับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้รถน้ำหนักเบาขึ้น..
มันเวอร์โคตรๆ



ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ iiuuiisj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 212
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 22:59:58 »
เคยใช้ใน Mighty-X ปี 98 ครับ
อัตราการสิ้นเปลือง จาก 8-9 โล/ลิตร เพิ่มเป็น 9-10โล/ลิตร

หลักการคือ การทำให้น้ำ (น้ำกลั่น) แล้วเติมสารเร่งปฏิกิริยาลงไป จากนั้นใช้ไฟแบตเตอรี่ (เวลาขับรถ) ไปทำให้น้ำนั้นเกิดปฏิกิริยาแยกอะตอมทำให้เป็นก๊าซ
ก๊าซ ผ่านเข้าทางท่ออากาศ (ไอดี) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ดีขึ้นครับ (ตัวที่ผมติด ประมาณ 10,000 บาทครับ ทำมาคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์)
ก๊าซไฮโดรเจน ช่วยให้ไฟติด
ก๊าซอ็อกซิเจน ช่วยให้ติดไฟครับ
พอมีอ็อกซิเจนมากหน่อยการจุดระเบิดก็สมบูรณ์ขึ้นครับ (ในเครื่องดีเซล)

อย่าลืมว่า อากาศที่ผ่านกรองอากาศไปนั้น มันมีไนโตรเจนอยู่ 70% นะครับ ดังนั้น เมื่อเราได้ออกซิเจนเพิ่มขึ้นมา แถมมีไฮโดรเจน มาอีกต่างหาก ทำให้อากาศที่ติดไฟได้มีมากขึ้น การเผาไหม้ก็ย่อมสมบูรณ์ขึ้น
ถ้าลองเหยี่ยบคันเร่งดูแล้ว เหมือนคันเร่งจะเบาขึ้นครับ

ถามผมว่า คุ้มไหม
ถ้าวิ่งเกินเดือนละ 10000บาท จากการประหยัดน้ำมัน 10% จะต้องใช้มันประมาณ 40เดือน (ราคาเครื่อง จขกท 40000 บาท)  ;D คุ้มครับแต่ในระยะยาวมากกกก

ตัวแปลงน้ำเป็นก๊าซ หมดอายุหรือไม่
หมดแน่นอนครับ แผ่นโลหะที่ใช้ ก็มีหลักการคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์ครับ โลหะที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา ย่อมมีวันหมดอายุด้วย สารเคมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เราเติมเข้าไปครับ

ผมขายรถทิ้งครับ แล้วไปใช้ Triton ตอนเดียว เครื่อง 2.4 ติด LPG ประกันศูนย์ 100,000กิโล ครับ คุ้มกว่ากันเยอะ ;D 8) บรรทุก 2.5ตัน ตกกิโลละ 2-2.5 บาทครับ
D-Max 2.5ดีเซลคอมมอลเรลล์ ไม่ปรับแต่งเครื่อง บรรทุก3-3.5 ตัน ตกกิโลละ 3.5-4 บาทครับ



อ่อ .....   จริงๆ เเล้ว รถ ผม ก็ ติด lpg นะครับ แต่ราคามันก็ยังขึ้นเรื่อยๆ น้ำมันก็ ขึ้นหนัก   แม่ผมบอกว่า  ถ้าอันไหน มันช่วย ประหยีดได้ (จริงๆ) ก็ต้องทำ
ผมว่า เสียเงินค่า น้ำมัน  มัน เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก    คือ อารมณ์แบบว่า   ไม่คุ้มค่าเงิน  เอาเงินไปทำ อย่างอื่นได้เยอะเลย 

1โล  2 บาท    100000  โล  200000 บาท  เอาเงินไป กิน ไปเรียน ไปเที่ยวได้เยอะเลย    ถ้า มันไม่ work ก็ จบ ครับ เรื่อง รถใช้น้ำมันนิ   

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 00:22:06 »

หลักการคือ การทำให้น้ำ (น้ำกลั่น) แล้วเติมสารเร่งปฏิกิริยาลงไป จากนั้นใช้ไฟแบตเตอรี่ (เวลาขับรถ) ไปทำให้น้ำนั้นเกิดปฏิกิริยาแยกอะตอมทำให้เป็นก๊าซ
ก๊าซ ผ่านเข้าทางท่ออากาศ (ไอดี) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ดีขึ้นครับ (ตัวที่ผมติด ประมาณ 10,000 บาทครับ ทำมาคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์)
ก๊าซไฮโดรเจน ช่วยให้ไฟติด
ก๊าซอ็อกซิเจน ช่วยให้ติดไฟครับ
พอมีอ็อกซิเจนมากหน่อยการจุดระเบิดก็สมบูรณ์ขึ้นครับ (ในเครื่องดีเซล)

มันทำไม่ได้แน่นอนครับ ด้วยหลักการง่ายๆ คือ มันขัดกับ "กฎของเทอร์โมไดนามิกส์" ครับ คุณจะได้ออกซิเจนเพิ่มขึ้นได้ยังไง ในเมื่อมันก็เอาไปเผากับไฮโดรเจนกลับเป็นน้ำหมดอยู่ดี  หรืออีกนัยหนึ่งคือ ออกซิเจน จากน้ำ มันก็ไปใช้เผาไหม้กับไฮโดรเจนจากน้ำนั่นแหละ

ที่บอกว่าขัดกับกฎของเทอร์โมไดนามิกส์นั้น พิจารณาง่ายๆครับ เอาแค่ว่า เราทำให้น้ำแตกตัว เป็นไฮโดรเจน กับออกซิเจน แล้วก็เผามันเข้าด้วยกัน ได้น้ำเหมือนเดิม
ถามแค่ว่า "เป็นไปได้เหรอครับ เราทำให้สารตัวนึงแตกตัว และก็ไปทำให้มันรวมตัวกันใหม่เหมือนเดิม แล้วสุดท้ายเราได้พลังงานออกมา?"

ถ้าอยากให้ชัดเจนกว่านั้น  ลองหาในกูเกิ้ลดูครับ มีผู้เคยแสดงวิธีคำนวณให้ดูแล้วครับ ว่าทำให้มันแตกตัวออกมาใช้พลังงานแค่ไหน และการเผาไหม้มันได้พลังงานแค่ไหน แล้วจะทราบครับ

แต่อย่าไปเชื่อครับ มันแค่ตรรกะง่ายๆเลย  ไม่มีทางที่จะให้พลังงานกับมัน แล้วมันให้พลังงานกลับออกมาเยอะกว่า โดยที่สารยังเป็นตัวเดิมหรอกครับ

อีกตัวอย่างนึงก็ Fuel Cell ไงครับ เอาไฮโดรเจนไปใช้ และได้พลังงานไฟฟ้า พร้อมกับได้น้ำออกมา
ซึ่งมันทำ Reverse ได้ คือ เอาน้ำมาให้พลังงานไฟฟ้า และเราจะได้ไฮโดรเจนครับ

แต่!! ให้ตายยังไง ด้วยพลังงานไฟฟ้าเท่ากัน  ไฮโดรเจนที่ผลิตได้จากการ Reverse ก็น้อยกว่า ไฮโดรเจนที่ต้องใช้กับวิธีแรกครับ

ป.ล. ต่อให้มันมีจริง แผ่นโลหะที่ใช้ก็ต้องเป็นพวกPlatinum หรือทองคำขาวครับ ซึ่งราคามัน ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า หมื่นนึง ได้แค่อันเท่าเส้นลวดเท่านั้นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2012, 00:25:12 โดย 6162002 »

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,154
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 00:36:12 »
ตอบสั้นๆ หลอกลวง ครับ

เพราะขั้นตอนในการแยก ไฮโดรเจนกับออกซิเจน

ใช้พลังงานมากกว่า พลังงานที่จะได้จากไฮโดรเจน

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,630
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 03:38:42 »
สรุปให้สั้นๆว่า เรื่องพวกนี้ มีการพิสูจน์กันมาหลายปีแล้วครับว่า "ไม่ได้ผล"

อย่าไปหลงเชื่อเชียวละ มีคนซื้อไปใช้ แล้วไม่ได้ผลก็หลายราย ตอนนี้ก็ถอนออก เงียบหายกันไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ power2002

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 689
  • ประหยัดได้ด้วยเท้าตัวเอง!
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 09:09:51 »
เคยใช้ใน Mighty-X ปี 98 ครับ
อัตราการสิ้นเปลือง จาก 8-9 โล/ลิตร เพิ่มเป็น 9-10โล/ลิตร

หลักการคือ การทำให้น้ำ (น้ำกลั่น) แล้วเติมสารเร่งปฏิกิริยาลงไป จากนั้นใช้ไฟแบตเตอรี่ (เวลาขับรถ) ไปทำให้น้ำนั้นเกิดปฏิกิริยาแยกอะตอมทำให้เป็นก๊าซ
ก๊าซ ผ่านเข้าทางท่ออากาศ (ไอดี) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้ดีขึ้นครับ (ตัวที่ผมติด ประมาณ 10,000 บาทครับ ทำมาคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์)
ก๊าซไฮโดรเจน ช่วยให้ไฟติด
ก๊าซอ็อกซิเจน ช่วยให้ติดไฟครับ
พอมีอ็อกซิเจนมากหน่อยการจุดระเบิดก็สมบูรณ์ขึ้นครับ (ในเครื่องดีเซล)

อย่าลืมว่า อากาศที่ผ่านกรองอากาศไปนั้น มันมีไนโตรเจนอยู่ 70% นะครับ ดังนั้น เมื่อเราได้ออกซิเจนเพิ่มขึ้นมา แถมมีไฮโดรเจน มาอีกต่างหาก ทำให้อากาศที่ติดไฟได้มีมากขึ้น การเผาไหม้ก็ย่อมสมบูรณ์ขึ้น
ถ้าลองเหยี่ยบคันเร่งดูแล้ว เหมือนคันเร่งจะเบาขึ้นครับ

ถามผมว่า คุ้มไหม
ถ้าวิ่งเกินเดือนละ 10000บาท จากการประหยัดน้ำมัน 10% จะต้องใช้มันประมาณ 40เดือน (ราคาเครื่อง จขกท 40000 บาท)  ;D คุ้มครับแต่ในระยะยาวมากกกก

ตัวแปลงน้ำเป็นก๊าซ หมดอายุหรือไม่
หมดแน่นอนครับ แผ่นโลหะที่ใช้ ก็มีหลักการคล้ายแบตเตอรี่รถยนต์ครับ โลหะที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา ย่อมมีวันหมดอายุด้วย สารเคมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เราเติมเข้าไปครับ

ผมขายรถทิ้งครับ แล้วไปใช้ Triton ตอนเดียว เครื่อง 2.4 ติด LPG ประกันศูนย์ 100,000กิโล ครับ คุ้มกว่ากันเยอะ ;D 8) บรรทุก 2.5ตัน ตกกิโลละ 2-2.5 บาทครับ
D-Max 2.5ดีเซลคอมมอลเรลล์ ไม่ปรับแต่งเครื่อง บรรทุก3-3.5 ตัน ตกกิโลละ 3.5-4 บาทครับ



เชื่อหรือไม่ครับ ว่า เพียงแค่คุณ เอาน้ำเปล่าๆ ฉีดเป็นละอองฝอยมากๆ เข้าไปในกรองอากาศ มันก็ทำให้MTX คุณประหยัดได้เช่นนี้ครับ
เพราะ
บรรทุกหนัก กดคันเร่งเยอะ  น้ำมันฉีดเยอะเกินความต้องการ    ... พอได้ไอความชื้น เข้าไปหน่อยก็ ประหยัดได้แล้วครับ   ปัจจัยมันเยอะครับ รถดีเซล บรรทุกหนัก หากได้ความเย็นเข้าไป
ลดอุณหภูมิเผาไหม้   เครื่องเย็นลง  พัดลมหน้าเครื่อง(พัดลมฟรีปั๊ม) ก็ ทำงาน้อยลง ฯลฯ  มันเลยทำให้ประหยัดได้ครับ 


หรือคุณลองเอาเจ้าเครื่องทำไฮโดรเจนที่ว่านั้นถอดไฟฟ้าออก แต่เติมน้ำเหมือนเดิม แล้วต่อออกซิเยนตู้ปลาลงไปให้มีฟองปุดๆ  แทน  แล้วให้คนขับขับเช่นเดิม ดูครับ ว่ามันเหมือนเดิมหรือไม่

อย่างไร ผมเป็นเพียงแค่ผู้ที่เคยติดตั้งและใช้อุปกรณ์ประเภทดังกล่าว และคิดว่ามันไม่คุ้มค่า จึงขอแชร์ความเห็นโดยทั่วกันครับ

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 11:13:57 »
ถ้าได้ผลจริงผมว่าคนขายไปอยู่ บริษัทะิธิ์ใหญ่ๆในต่างประเทศแล้วหละ  บริษัทรถยนต์ไม่ปล่อยให้คนแบบนี้ลอยนวลแน่

ออฟไลน์ valent

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 730
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 11:14:25 »
รอพัฒนาเทคโนโลยีอีกหลายปีครับ
แต่ผมมั่นใจว่า อนาคต (ไม่รู้เมื่อไหร่)
ได้เอามาใช้งานจริงแน่นอนครับ
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ไม่ค่อยอยากจมปลัก
เมื่อก่อนใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง  โดยไม่รู้ว่า
ของเหลวโสโครกสีดำๆ ที่บังเอิญไปเจอเข้า
จะนำมาเป็น "เชื้อเพลิงมลภาวะ" ได้ 5 5 5
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2012, 11:21:10 โดย valent »
perfect knowledge of such things can't be acquired without divine inspiration

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,048
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 15:59:58 »
Methane คุ้มกว่าครับตอนนี้

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 16:48:18 »
สิ่งที่เค้าโฆษณามันคือการแหกกฎฟิสิกส์

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,095
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 22:33:44 »
ถ้ามันเวิร์คจริงๆ บริษัทรถยนต์ต้องติดตั้งกันหมดแล้วครับ..

ออฟไลน์ iiuuiisj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 212
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเรื่อง "รถใฃ้น้ำ"
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 12:05:50 »
Methane คุ้มกว่าครับตอนนี้


คือยังไงครับ   ช่วย อธิบายสั้นๆ หน่อยได้ไหม


ขอบคุณครับ