ก่อนอื่นตามทำเนียมก็ต้องสวัสดีผู้อ่าน และเพื่อนสมาชิกHeadlightmagทุกคนนะครับ วันนี้ก็มีโอกาสดีที่ผมจะได้มารีวิวSuzuki Sporty Caribian ปี05 ซึงรถคันนี้เป็นของคุณตาผมนั้นเองครับ รถ 7ปี แต่วิ่งไปแค่ 2.69หมื่นโลเองครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ คล้ายๆรถเก็บครับไม่ค่อยได้ใช้งาน ส่วนมากคุณตาจะใช้Viosซะมากกว่าครับ เนื่องจากคันนี้กระเทือนโคตรเลย รุ่นที่ผมได้นำมารีวิวนี้เป็นรุ่นสุดท้ายของไลน์ที่Suzuki ผลิตออกมาขายในไทยครับ คือปี05นั้นเอง รหัสรุ่นคือSJ413 รหัสนี้มีมาตั้งแต่ 1982-2005 นั้นเองครับ ส่วนถ้าเริ่มตั้งแต่ต้นตระกูลเลยที่เกิดไอนี้มาก็ตั้งแต่ปี1968ครับ ส่วนในรหัสรุ่นSJ413ก็ได้ทำการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ โดยมีการปรับปรุงเรื่องเครื่องยนต์ตอน ปี1996 โดยอัพเครื่องเป็นหัวฉีดSingle point และมีระบบพาวเวอร์เข้ามาครับ ส่วนปี1999 ก็ปรับปรุงหน้าตา รวมถึงด้านในใหม่หมดครับ แต่ช่วงล่างยังแข็งไม่มีเปลี่ยนแปลง ทั้งๆที่ได้ข่าวว่าประเทศอื่นก็เป็นช่วงล่างแบบคอยล์สปริงกันแล้ว แต่ไอนี้ แหนบ4 ครับ พูดความเป็นมามากก็น่าเบื่อครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ทำไมคุณตาผมจึงซื้อคันนี้? เหตุผลแรกๆคือหมู่บ้าน ที่คุณตาอยู่ต้องขึ้นไปตรวจระบบน้ำที่ส่งต่อมาให้ใช้ในหมู่บ้านบ่อย แล้วที่ ที่ขึ้นไปมีพื้นที่ๆค่อนข้างวิบากพอสมควรครับ เลยหารถแนวนี้มาใช้ อีกเหตุผลคือได้อารมณ์รถJEEP กับ นำไปติดแก๊สแล้วประหยัดค่าน้ำมันครับผม ลืมบอกไปคุณตาผมอยู่เชียงใหม่นะครับ รวมถึงผมตอนนี้ก็มาอยู่เชียงใหม่เหมือนกัน เลยได้มาขับเล่น คันนี้บ่อยเหมือนกันครับ ...ราคาคันนี้ตอนนั้นคุณตาผมซื้อมา ราคาประมาณ3.9แสนบาทครับ รุ่นสุดท้ายออกแนวrare item หน่อย รถคันนี้แตนๆครับ ไม่ได้แต่งอะไรเลยนอกจาก ชุดฟรีล็อกกับติดแก๊ส เพราะฉนั่นสภาพโคตรเดิมๆครับ
Exterior คันนี้ถ้าจะเอาจริงๆแล้วบอดี้แบบนี้ลากขายกันมายาววนานนนนนน มากๆแล้วก็นำมาแต่งหน้าทาปากใหม่ให้มันพอดูสดใสขึ้นก็เท่านั้น แต่โดยรวมเคร่าโคร่งยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนครับ ยังคงเอกลักษณ์ของมันอยู่ และผมคิดว่าการออกแบบรถแบบนี้ ทำให้ดูแล้วไม่มีวันล้าสมัยครับ ออกแนวเหลี่ยมๆ เส้นสายกำลังดี ถือว่าออกแบบมาได้ดีพอสมควรเลยครับ สัดส่วนตัวรถของเจ้านี้ ยาว4,010มม. กว้าง1,460มม. ความสูงของตัวรถระบุไว้ที่ 1,910มม. ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ทองรถ 22.5ซม. ครับ นี้ก็ข้อมูลสัดส่วน ของตัวรถนะครับ (เครดิต:คู่มือรถ)
ด้านหน้า ออกแบบ ดูเด่นด้วยกระจังหน้า ที่ใช้แบบ4ช่อง ที่ทำให้รถดูแล้วบึกบึนไม่ติ่ม เหมือนรุ่นเก่าๆ แต่ยังคงซึ่งเอกลักษณ์ได้ดีอยู่ รวมถึงมีตรา Suzuki เห็นเด่นชัด ชุบโครเมียม ลักษณะของไฟแบ่งกันเลย ระหว่างไฟใหญ่ ไฟหรี่รวมถึงไฟเลี้ยว รถคันที่ตามมาเห็นง่ายดีครับ ความสว่างของไฟจัดได้ว่าพอใช้ครับ ใครทุนเยอะไปอัพกันเอาเองก็แล้วกันเนอะ ถ้าสังเกตตรงข้างๆป้ายทะเบียนจะเห็น เหมือนหลุม2หลุม นั้นเอาไว้ให้สำหรับแต่ไฟSport light เสริมครับ แต่งแล้วเรียกได้ว่าดูดีขึ้นอีกเป็นกองครับ ก็ไว้สำหรับผู้ทือยากแต่งมันเพิ่มเติม ไม่ต้องเจาะรถให้เสียของครับ
ด้านข้าง แถบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ นอกจากเส้นสายที่ลากทำให้ดูมีอะไรหน่อย ไม่ให้โล่งไปมากกว่านี้ รวมถึงทำให้ดูแล้วเป็นสัน เป็นเหลี่ยมแบบบึกบึนดีครับ แต่ก็ยังดีที่มีไฟเลี้ยงข้างให้มาด้วยไม่ใช้โล่งเตียนไม่มีอะไรให้มาเลย ล้อแม็กของรถคันนี้ เป็นแบบ 8รู ใช้ยางขนาด 215/75/R15 ครับ โดยรวมด้านข้างก็ไม่ค่อยมีอะไรมากครับ เรียบๆไม่รุงรัง
ด้านหลัง ไม่รู้จะบรรยาย ยังไงเพราะว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย มีแค่ตราSuzuki กับยางอะไหล่ ก็เท่านั้นครับ ไฟหลังให้อารมณ์รถ10ล้อได้ดี เลยครับ จะโฉมเก่าโฉมใหม่ ไฟก็แบบนี้เสมอครับก็เห็นชัดดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด การเปิดประตูบีบที่สีดำๆเอาครับ เปิดแบบแนวขวาง ด้านท้ายยังมีตรา5Speed เพื่อบอกให้รู้ว่า มันมี5 สปีดนะก็แค่นั้นเอง และอีกผลที่ผมคิดว่าเขาติดมาก็คงเพราะว่า ให้มีไม่ดูโล่งจนน่าเกลียดก็เท่านั้นครับ
กระบะท้าย ตามลายละเอียดของรถ กระบะท้ายมีขนาด (0.8ม.X1.45ม.x1.23ม.) (กxยxส) แต่สำหรับคันนี้ ก็ได้อุทิศพื้นที่ส่วนนึงไว้กับให้กับถังแก๊สผลก็คือ ขนของได้น้อยลงแต่ก็ยังพอขนได้อยู่ แต่ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีที่คุณตาผมได้ดัดแปลงเอาไม่มาต่อเป็นชั้นวางบนถังแก๊สทำให้ บางครั้งวางของจุกจิก กล่องอะไรที่ไม่ใหญ่มากก็ได้อย่างสบายๆเลยครับ
ภายนอกไม่มีอะไรบรรยายมาก มาดูภายในดีกว่า แต่ก็ไม่มีอะไรบรรยายมากเพราะไม่รู้ว่าจะบรรยายอะไรมันไม่มีอะไรเลย ก่อนอื่นจะเข้าข้างในได้ ก็ต้องปลดล็อกประตูก่อน หลายๆคนคงรู้แล้วหละว่ามันคงใช้กุญแจธรรมดา คำตอบคือใช่ครับ อิมโมอย่าได้คิด ครับ ระบบปลดล็อกและล็อกประตูยังเป็นแบบบานเดียว(ไม่มีเซนทรัล ล็อกนั้นแหละครับ)เอารูปร่างของกุญแจมาให้ดูครับ (กุญแจบ้านยังสวยกว่าอีก)
การเข้าออกรถ เป็นไปอย่างสะดวก ถ้าหากว่าจะระหวังหัวสักนิดนึงครับ บางครั้งแอบมีโขกเหมือนกัน แต่ส่วนมากถ้าไม่ขึ้นสูงเกินไปก็จะไม่มีครับ คันนี้มีบันไดให้เป็นชุดแต่งอยู่แล้วครับ ขึ้นง่ายไม่ยากเลย แต่ตอนลงระหวังขากางเกงไปโดน จบกันครับเละ!
การเข้าออกทางด้านคนขับ แค่เหยียบบันไดจับพวงมาลัยก็โหนเป็นลิงปล่อยก้นลงสู่เบาะได้ตามรูปแบบของรถสูงอยู่แล้วครับเบาะปรับอัตโนมือ สองข้างครับ
ส่วนการเข้าเอาด้านซ้าย ก็ขั้นตอนทำเหมือนด้านขวา แต่สะดวกกว่าตรงมีที่โหนติดมาให้เลย คล้ายๆของPajero shogun ครับ แต่เวลาลุยหรือตกหลุมแรงๆตัวจับได้ใช้ประโยชน์จริงๆครับ
เรื่องการเข้าออกก็จบแล้ว มาดูภายในกันต่อเลยดีกว่าครับ
Interior มาถึงภายในกันสักที่ครับ ก็อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่ามันไม่ค่อยมีอะไรจะบรรยายสักเท่าไรเพราะภายในมันไม่มีของเล่นอะไรเลยยยยยยย จริงๆ วิทยุยังไม่มีให้เลยครับ และในคันๆนี้ก็ยังไม่ได้ติดด้วย เรียกว่าเดิมๆ อนุรักษ์เลยครับ
แดชบอร์ดชุดนี้ เป็นแบบรูแอร์3ช่องไว้ที่ตรงกลางรวมกันเลย เพราะฉนั่นผู้โดยสารข้างๆ จะไม่มีรูช่องแอร์ให้เหมือนรุ่นเก่าๆตั้งแต่ถ้าผมจำไม่ผิดนะ เปลี่ยนโฉม1999 เนี่ยแหละรูแอร์จะมาอยู่ตรงกลางแล้วครับ ลงมาหน่อยก็แผงควบคุมระบบปรับอากาศ ก็มีแค่ปรับอุณหภมู กับปรับพัดลมแอร์ให้ ปรับทิศทาง จะ2ทิศหรือกี่ทิศก็ไม่มีครับ (ลดต้นทุนกว่าEcocarอีก555) ความเย็นถือว่าใช้ได้ครับ รถไม่ได้ติดฟิลม์เปิดแรงสุดแปปเดี๋ยวก็เย็นครับ แต่ว่าสิ่งนึงที่สังเกตได้ชัดกว่ารถปกติคือเปิดแอร์ปึป ทั้งเสียงทั้งความรู้สึกว่ารถมันFull loadมากมีมาให้รู้สึกเลยครับเรื่องเสียงนี้โคตรน่ารำคาญเลย ข้างๆแผงปรับแอร์ก็ ที่วางเหรียญหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ชีวิตของคนๆนั้นจะประยุกต์ใช้เอาเองก็แล้วกันครับ ลงมาหน่อยที่เก็บพวกกระดาษเป็นแผ่นๆก็ได้และกี่จุดบุหรี่ครับ ล่างสุดและสุดท้ายของแดชบอร์ดก็ ช้องสำหรับเจาะติดตั้งวิทยุครับ (คันนี้ไม่มีเช่นกัน) เวลาเช็ดระวังกันด้วยนะครับ มันอาจะหลุดออกมาเลยก็ได้ มันบางมากครับ ถ้าผมจะแต่งนะไม่มีอะไรเลยก็จริงขอจัดFrontดีๆสักตัว หาที่เจาะลำโพงหน่อย เอาให้มีความสุขภายกับภายในคันนี้หน่อย ส่วนตรงกลางก็เป็นเกียร์ กับเกียร์สโลว์ ถัดมาก็เบรกมือครับ (ไม่มีที่วางแขนตรงกลางกับกล่องเก็บของนะครับ) ตรงกลางขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ครับ
มาดูกล่องเก็บของดีกว่าครับ ถึงจะไม่มีมาให้ตรงกลางแต่ก็มีที่นั่งฝั่งซ้ายมาให้ครับ เก็บของได้ดีพอสมควรเลยครับ ถ้าใครต้องการจะเปิดกระโปรงหน้าแล้วหาไม่เจอ อย่าพยายามหาเลยครับ เพราะมันมันซ้อนได้พิลึกมาก คือเอาไว้ที่ๆเก็บของฝั่งซ้าย (ชั้นบนด้านขวา) อันนี้บอกไว้ก่อนเลย หลายๆคนแป้กกันเยอะครับ
มาต่อกันด้วยมาตรวัดกันครับ เป็นแบบ3วง ซ้ายสุดเป็นรอบเครื่อง กลางคือความเร็ว ซ้ายสุดอุณหภูมิหล่อเย็น แล้วก็บอกระดับน้ำมันครับ ส่วนไฟเตือนต่างๆ เป็นแถบแยกอยู่ข้างล่างเลยครับ อ่านง่ายและชัดเจนที่สุด เป็นรถที่มาตรวัดดูง่ายมากๆเลยคันนึงครับ แบ่งสัดส่วนชัดเจน ไม่รก ไม่มั่ว ใครมองไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัด แนะนำตัดแว่นด่วนครับ (รูปนี้เสียดายถ่ายไม่ค่อยสวยเท่าไรครับ) ส่วนไอที่ยื่นๆก็คือ ปุ่มกดๆไฟฉุกเฉินนั้นเองครับ
พื้นที่ด้านหลังคนนั่ง เรียกได้ว่าถ้าคิดจะนั่ง กัน2คนในระยะเกิน50กม. แนะนำว่านั่งกระบะหลังยังดีกว่าครับ ขาชันอย่างแรงครับ +เบาะหาเอาเองครับ แต่ถ้าได้ที่รองนั่งสูงๆก็อาจช่วยได้บางครับ แต่ที่วางขาก็ยังน้อยอยู่ดีครับส่วนไฟภายในรถมีเพียงดวงเดียวครับ ตอนกลางคืนมืดได้ใจมากส่วนแดชบอร์ดข้างๆ ขอบประตูไม่มีอะไรเลยครับมีแต่เอานั่งสังเคราะห์มาแปะ แค่นั้นและ กระจกมือหมุนเอาครับ โดยรวมเรื่องงานประกอบทำได้ดีครับ ถึงภายในจะของเล่นน้อยแต่งานประกอบ ฟิตดีครับไม่มีรอบหรือว่าขอบพลาสติกที่ทำไม่เรียบร้อย ไม่เหมือนรถเจ้าตลาดบางยี่ห้อ และบางค่ายของบางรุ่นที่ทำงานประกอบภายในออกมาได้สุดจะทน เรื่องการเก็บเสียงอย่าคาดหวังมากครับ ตั้งแต่ออกตัวก็เก็บกันไม่อยู่แล้วครับ (พูดจริงๆไม่ใช่มุข) ส่วนเรื่องความปลอดภัย Non-Airbag , Non-ABS แต่มีเข็มขัดนิรภัยนะครับ
Performance มาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆคนอาจมองว่ารถมันไม่เห็นมีอะไรเลยแล้วอะไรคือหัวใจของมัน นั้นคือเครื่องของมันครับ คันนี้ใช้เครื่องที่ปรับโฉมในปี96 คือเครื่องระบบหัวฉีดแบบSingle point คือว่าง่ายๆคือถ้ารถปกติสมัยใหม่ หัวฉีดจะฉีดจ่ายเข้าแบบหลายตำแหน่งหรือMulti point คือจะฉีดจ่ายหน้าลิ้นไอดีนั้นเอง ทำให้น้ำมันๆเป็นฝอยได้มากกว่าการเผาไหม้ก็หมดจดกว่า จนถึงสมัยนี้รถยุโรปสมัยใหม่เป็นแบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้น้ำมันเป็นฝอยได้มากที่สุด ก็อย่างเช่นพวกระบบCGI ของเบนซ์เป็นต้น ส่วนไอเจ้านี้เป็นแบบSingle pointคือฉีดตำแหน่งเดียวหน้าลิ้นปีกผีเสื้อ หน้าตามันจะคล้ายๆCarbulator นั้นแหละครับ ข้อเสียคือเผาไหม้ได้ไม่หมดจดครับ การฉีดเป็นฝอยละออกทำได้ไม่ละเอียดครับ และอีกอย่างคือ ติดแก๊สหัวฉีดไม่ได้เพราะฉะนั้น Mixer เท่านั้นครับ เอาหน้าตามันมาให้ดูครับ(เรื่องเทคนิคเครื่องยนต์ผมไม่ค่อยปึก ถ้ายังไงผิดพลาดตรงไหน แย้งขึ้นมาได้เลยนะครับ)
เข้าเรื่องของเราต่อครับ เครื่องยนต์คันนี้หลังจากได้พูดถึงเรื่องการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแล้ว มาดูกันว่ามีลายละเอียดยังไง คันนี้ใช้เครื่องรหัส G13B เท่าที่รู้Bคือ เครื่องระบบหัวฉีดแล้วครับ ลายละเอียด ความจุรวม 1,298 ซีซี แบบOHC 4สูบเรียงครับ ความกว้างXช่วงชัก 74X75mm อัตราส่วนกำลังอัด 9.5:1 ครับ ให้พละกำลังสูงสุด 69แรงม้าที่ 6พัน/นาที แรงบิต 10.5กก.-ม. ที่ 3.5พัน/นาทีครับ ดูจากสเป็กแล้ว เครื่องมันวิ่งใช้งานได้พอสมควรและทนถึกมากๆ เดียวสมรรถนะจะพูดในบรรทัดล่างๆครับผม
เครื่องตัวนี้ออกแบบมาไว้ลุยจริงๆครับ สังเกตจากจานจ่ายที่วางไว้สูงที่สุดในห้องเครื่องเลยครับ หนีน้ำได้ดีจริงๆครับ พิจารณาเอาไปลุยใน กทม.ก็ได้นะครับ
มาดูกันที่ระบบ ส่งกำลังต่อ คันนี้เป็นแบบเกียร์ธรรมดา 5สปีด คลัสต์แห้งแผ่นเดียวมีเกียร์สโลว์มาให้ ขับ4แบบPart time ครับ เอาอัตราทดมาให้ดูกันครับ
เกียร์เดินหน้า
เกียร์1: 3.650
เกียร์ 2:1.946
เกียร์3 :1.422
เกียร์4: 1.00
เกียร์5: 0.793
อัตราทดเฟืองท้าย 3.909
มาดูกันที่เกียร์สโลว์กันบ้างครับ(เกียร์ขับ4นั้นแหละ) คันนี้เป็นแบบPart time เกียร์มี3 รูปแบบคือ 2H(ขับแบบบ้านๆ ขับ2นั้นแหละ) และต่อมาคือ เกียร์4H เอาไว้ใช้ขับ4 เมื่อต้องการกำลังมากกว่าขับ2 คืออย่างเช่น ลุยโคลน ตกหลม ถนนลื่นเอาเป็นว่าใช้วิ่งที่ๆไม่ใช่ถนนแล้วเริ่มมีอุปสรรคแล้วนั้นแหละ ส่วน4L เอาไว้ลุยจัดหนักครับ หรือว่าOff roadนั้นเองครับ เมื่อทางลาดชั่นมากๆแล้วยังขรุขระอีก ใช้4Lเลยก็ได้ครับ การเข้าเกียร์ถ้าเป็น2Hมา4Hพวงมาลัยตรง จับยัดได้เลยครับ ส่วน4Hไป4L ต้องหยุดรถให้นิ่งก่อนแล้วค่อยเข้าครับ ใครติดFree lock ก็ต้องมาปลดให้ มันล็อกถึงจะขับสี่ได้นะครับ เพราะฉนั่นใครใช้Free lockก็ต้องหยุด ลงมาปรับทุกกรณีครับ เอาหละผมจะมาพูดถึงไออุปกรณ์ชุดFree-lock หน่อยเถียงกันจังเลยว่ามันจะประหยัดน้ำมันไม ขอนี้ขอไม่ตอบแต่ที่แน่ๆ มันลดการสึกหรอของชิ้นส่วนขับเคลื่อนไปได้แน่ๆครับ และลดภาระของการทำงานของเครื่องยนต์ตามหลักมันก็ต้องประหยัดลงบางและครับ Free lockคืออะไร? ชื่อมันก็บอกแล้วครับคือ ตัวเลือกระหว่างฟรี/ล็อกนั้นเองครับ ถ้าปกติขับทางเรียบก็จะฟรี ต้องการขับสี่ก็ล็อก ถ้าไม่มีฟรีล็อกถึงจะไม่ได้ใช้เกียร์4H/4L เพลาเฟืองขับด้านหน้าก็ยังหมุนอยู่ดี แล้วจะให้มันหมุนทำไมให้มันเปล่าประโยชน์ รถมันก็หนักขึ้นเพราะฉนั่นเขาจึงใส่ระบบฟรีล็อคให้มันอิสระจากกันครับ แต่ทว่าท่านเป็นคนขับลุยมากกว่าขับถนน ก็ไม่ต้องใส่มันครับ ถ้ารถมันเกิดตกหลุมขึ้นมาต้องมาปลดอีก เละตัวป่าวๆครับ แต่หากเป็นคนขับออนโรดมากกว่าคุ้มแน่นอนครับ ติดไปเถอะ ส่วนอีกแบบคือFreelockแบบไฟฟ้า หรือระบบTouch on the fly ชองPajeroนั้นเองครับ เวลาใส่ขับสี่ก็ใส่ไปได้เลยครับมาดูอัตราทดเกียร์สโลว์กันดีกว่าครับ
เกียร์ต่ำ2.268 เกียร์สูง1.409 ครับผม
มาดูฟิลลิ่งการขับขี่ดีกว่าครับ สำหรับเรื่องอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ผมทำไว้ที่ 20วิครับ รอกันนานมากๆครับเครื่อง1.3ทำได้แค่นี้ก็okแล้วหละครับ ท็อปสปีด จัดไว้ที่ 120 กม./ชม. ครับ ตามสเป็คระบุ 130กม./ชม. แต่ผมวิง120กม./ชม.ผมก็ไม่อยากเหยียบต่อแล้วครับ เพราะกว่าจะขึ้นเหงื่อตกได้แน่ๆครับ 115 กม.ชม ขึ้นไปผมว่าก็ต้องรอนานแล้วครับ เครื่องตัวนี้ถ้ากันจริงๆมันใช้งานชีวิตประจำวันได้ไม คำตอบคือได้ ถ้าคุณขับแบบระมัดระวังเวลาจะเร่งแซงจะไว้หรอ มันก็ไว้ครับถาคุณเพื่อระยะมันเอาไว้รวมถึงรถมีน้ำหนักเปล่า อยู่ที900โลปลายๆเองครับ เพราฉนั่นขับEcocarได้ก็ขับคันนี้ได้โดยส่วนตัวผมถือว่าไม่น่าเกลียดครับ ออกตัวทำได้ไวพอสมควร แต่ถ้าความเร็วสัก60ก็อาจจะขึ้นช้ากันหน่อยครับ ถ้าไม่พอใจในเครื่องเก่าจะวาง เครื่องVitara 1.6 ก็ได้ครับ แปลงหัวหมูเล็กน้อย แท่นเครื่องไม่ต้องแปลงเลยจับยัดเลย แรงกว่า แรงบิตดีกว่า บางคนมีความคิดว่าจะเอา1.3 ยัดโบ ผมเห็นว่าไม่เหมาะสมครับผมว่าเครื่องไส้เละหมด ไปเค้นมันจะเหลือหรอ ส่วนอีกความคิด วางงSR20DET วางได้อะวางได้แต่แปลงแท่นเครื่องกันชิบหาย แรงอะแรงแน่ ช่วงล่างต้องทำใหม่หมด และอย่าลืมว่าCarribianคือรถoffroadจะแรงจ้าไปไหน ถ้าในตัวเลือกคือ1.6Vitaraผมว่าลงตัวดีครับแต่ถามว่าเครื่องตัวนี้ลุยได้ไมคือ ลุยได้ครับ เครื่อง1.3 แรงบิตออกมาที่3.5พันรอบต่อนาที กับตัวรถนน.เบายังไงก็ได้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าต้องลุยจริงๆแบบลุยป่า ข้ามประเทศกันผมดูแล้วยังไงTiger 5L ยังดูมีทุนเดิมมากกว่าครับ และอีกอย่างเกียร์Carribianเหมือนเกียร์รถเมล์เลยครับ เวลาเปลีย่นเกียร์ระยะห่างระหว่างเกียร์เยอะมากครับ และช่วงคลัสต์เหมือนมี2ช่วงคือ หนึบสักพักก็เบาไปเลย เวลาปล่อยคลัสต์ต้องเลี้ยง แล้วก็เลียคันเร่งนิดนึงถึงอออกได้อย่างนิ่มนวลครับ ใครติด กับพวกรถVigoหรือDmax ต้องใจเย็นครับ เวลาออกคลัสต์คันนี้ แต่ถ้าชินแล้วก็คล่องเองครับ .
เรื่องระยะเบรกเบรกเป็นอยู่ครับ ใช้ระบบหน้าดิส หลังดรัม ไม่มีABS ความรู้สึกเวลาเบรกขอติอย่างนึงคือเวลาเหยียบเบรคลงไปรถมันจะหยุดแบบถือๆ และดีงๆ บางคนชอบแต่สำรับผมไม่ชอบครับ ผมชอบแบบเหยียบและดูดติดเท้าไปเลยแล้วหยุด แต่นี่เหยียบปุป หยุดให้ถือๆเลย ส่วนพวงมาลัยมีระบบเพาเวอร์นะครับ แต่เหมือนเป็นระบบเพาเยอร์ยังไงก็ไม่รู้ครับหนักมากครับ วิ่งความเร็วสูงไม่ต้องกลัวพวงมาลัยดิ้นครับ เพราะมันหนัก เวลาเข้าโค้งมันใจดี แต่ว่าพวงมาลัยไร้ซึ่งอารมร์มากๆครับ ประมาณว่าเลี้ยวมันก็เลี้ยว พอจะหักมันก็หัก ระยะฟรีมีพอสมควรแต่ไม่เยอะมากครับ+ความหนักทำให้ความรู้สึกฟรีผมว่าน้อยลงนะ เรื่องอารมณ์การเปลี่ยนเลนถ้ารถมาอ่านเจอที่ผมเขียนมันก็อาจจะพูดว่า ก็มึงให้กูเลี้ยว กูก็เลี้ยวมึงจะเอาอะไรอีก ลืมบอกไปเป็นพวงมาลัยแบบลูกปืนนะครับ มาเข้าถึงรับบช่วงล่างกันบาง ระบบช่วงล่างคันนี้ เป็นแบบแหนบทั้ง4ล้อ พร้อมช็อคอัพแก๊ส (ถ้าอยากให้นุ่มผมว่าโช๊คน้ำมันช่วยได้นะ) แต่โดยพื้นฐานตัวแหนบมันแข็งครับ ทำยังไงก็ช่วยได้นิดหน่อย แต่ถ้าอยากนิ่มคำตอบเดี๋ยวขายแล้วออกรถเก่งไปเหอะ รถคันนี้บอกตรงๆครับผมเลื่อนCefiro A33เพื่อที่จะเอาไอนี้เข้ามาจอดในโรงรถเพื่อล้างรถก่อนทำรีวิว พอขึ้นมาเลื่อนคันนี้เข้าไป มันเหมือนจากโยนผมลงเบาะนุ่มๆมาโยนผมลงแผ่นไม้กระดานเลยครับ ความรู้สึกของช่วงล่าง โคตรกระด่างครับ เคยวิ่งทางขรุขระแล้ว ตับไต้ ม่าย ไส้ พุง กระเพื่อมหมดครับ ทั้งโดดทั้งแข็งครบสูตรครับ แนะนำคนท้องและคนเป็นโรคกระดูกไม่ควรนั่ง อย่างยิ่งครับไม่ใช่มุขนะแต่พูดความจริงครับ เพราะมันแข็งจริงๆ ถามว่าเกาะถนนไม่ ก็บอกได้ว่า เกิน115 กม./ชม. ก็เบาๆลงได้แล้วครับ มันมีไว้ลุยไว้ทนไม่ใช่ ให้ซิ่งครับ ไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ ถ้าเป็นตัวเมืองนอกที่ปรับโฉมสุดท้าย เป็นสปริงทั้ง4ล้อแล้ว เสียดายเมืองไทยไม่มีโอกาสนั้นครับ ...แต่ถ้าถามความทนไอนี้แหละใช่เลยครับ
Consumtion ถ้ามีโอกาสจับเมื่อไรจะมาอัพเดตให้ครับ
สรุป สุดท้ายและท้ายสุด คนเขียนก็ตาเมื่อยแล้ว จากที่พลาดหัวว่า จิ๋วแล้วมีอะไรดี? อยากจะบอกว่าคำนี้ที่พูดเพราะมีแต่คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถถามว่านอกจากตัวเล็กแล้วมันมีอะไรที่มันดีบ้างหละไหนจะบ่นว่าเครื่องเล็ก ช่วงล่างทำแทง หุ่นน่าเกลียด แต่หารู้ไม่ ในความตัวเล็กของมันเครื่อง1.3 ก็เหมาะสำหรับการใช้งานพอสมควรแล้ว ราคาไม่แพง ลุยได้ไม่เสียดาย แถมในราคา3.9แสนกว่าบาทถ้ามือ2ตอนนี้น่าจะหาได้ที่2.5-2.8แสน ผมคิดว่าคุณหารถขับ4 ได้ไม่ในราคานี้คำตอบคือไม่มีครับ แต่เจ้านี้ทำได้ เครื่องการบำรุงไม่ซับซ้อน ไม่เคยพัง ออกแบบมาลุยน้ำได้ จานจ่ายวางสูง ลดพวกข้าวของที่ไม่จำเป็นอาจจะดูเหมือนลดต้นทุน แต่ก็คิดดูว่าถ้าลุยแล้วพวกนี้พังจ่ายกันชิบหาย และระบบขับสี่กับรถราคาเท่านั้นก็คุ้มแล้วครับ จะแต่งลุยๆงบสัก2แสน ก็แจ่มแล้วครับ ลุยพวกโคลนทางขรุขระบาง ขืนเขาลุยโคลนผมพูดได้คำเดียวว่าคันนี้เหมาะครับ แต่ถ้าหากต้องการลุยหนักๆ บุกป่า ไกลๆ ผมว่าดูพวกTiger5L น่าจะเวริค์กว่าครับ ....ฝากสำหรับคนที่อยากจะได้มือ2มาครอง คุณถามตัวเองก่อนว่าต้องการรถขับ4ไม่? ถ้าคำตอบใม่ผมว่ามองหาคันอื่นเถอะครับ มันไม่ได้เหมาะกับออนโรดติดแก๊สครับ แต่ถ้าอาจจะมองเรื่องถึกทนดูแลดีๆ10ปี ไม่พัง ไอนี้ก็ตอบโจทย์ได้ แต่ขอเตือนคุณก่อนครับช่วงล่างแข็งเป็นเกวียนคุณรับได้ไม...ถือว่าเตือนแล้วนะครับ ถ้าได้คือจบ คันนี้ลงตัวเหมาะเลยครับ ...เรื่องการบำรุงรักษายังไม่เคยพังสักอย่างครับ สำหรับคันนี้ ถ้าคิดจะหามือ2 แนะนำหาแบบแตนๆครับอย่าเอาแบบแต่งมาแล้ว เพราะสภาพค่อนข้างเละ ถ้าจะหาแนะนำแตนๆบ้านๆดีสุดครับ....สุดท้ายก็ ต้องขอขอบคุณ คุณผู้อ่านที่อ่านจนจบนะครับ ขอบคุณ คุณตาของผมที่ให้รถมายืมขับ ยืมรีวิว ขอบคุณสังคัมดีๆแบบHLM ที่มีพื้นที่ให้สมาชิกได้ทำรีวิวนะครับ ....ขอบคุณมากครับ
รีวิวที่เคยทำ/./.Review Nissan Cefiro A33 2.0Executiive <หรูหราในแบบที่มันเป็น.>+รีวิวแก๊ส/./.
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,5723.0.html+/+/+Review Pajero โชกุน 3000 V6 รถเหลี่ยมที่ไปได้ทุกที่อย่างไร้กังวล+/+
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,9010.0.html++Review Camry 2.4 V Vsc+Navi Acv 40 ออฟชั่นครบ ของเล่นเยอะแต่การขับขี่เกือบจะดี
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11000.0.html
---------------------------------------------จบ------------------------------------------------------