« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 20:44:59 »
ต่อไประบบคัดเลือกแบบนี้จะมีตัวเลือก และรับจำนวนน้อยลงมากครับ
ที่คณะผมเปิดรับส่วนใหญ่เป็นวิธีรับตรงแบบออกข้อสอบ เป็นสัดส่วนค่อนข้างเยอะมาก
เพราะเราจะกำหนด spec นิสิต ได้ค่อนข้างดีกว่า Admission
ระบบปัจจุบันเชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เราเจอนิสิตแพทย์ที่คะแนนสูงๆ แต่พอเข้ามาแล้วก็ต้องช่วยกันเข็นไห้ได้ C เพื่อให้สามารถสอบ ML ได้ก็หลายคน
จึงทำให้หลายคณะ และหลายมหาวิทยาลัยเลือกที่จะรับตรงเองมากกว่า
แต่มันก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือมีเด็กท่ตะเวนสอบตรงเยอะมาก บางคนเก่งก็สอบมันติดแทบจะทุกที่ ได้ที่เรียนจนกระอัก
แต่อีกหลายคนก็เหมือนเสี่ยงดวงไปเรื่อยๆ พอสุดท้ายแล้วหากได้จำนวนนิสิตไม่เป็นไปตามแผนก็ต้องมารับตรงกันรอบสุดท้าย
เพื่อไม่ให้คณะฯขาดทุน เพราะตอนนี้ออกนอกระบบกันแทบจะหมดแล้ว
จริงๆครับ อย่างสถาบันของผมเทคโนลาดกระบังวิศวะปีนี้รับนักเรียนเข้าจากระบบนี้น้อยมากแค่ภาควิชาละประมาน 10-40 คนมากหน่อยก็กลุ่มไฟฟ้า100กว่าคน
แต่ไปเพิ่มในส่วนของโควต้าและสอบรับตรง ที่รับมาทีก็จะเต็มคณะอยู่แล้ว ^^
จากที่คุยๆกับ อ. หลายๆท่าน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าระบบมันไม่แน่นอนเอาซะเลย ข้อสอบก็ยังไม่สามารถวัดผลอะไรได้ ไม่เหมือนการเอ็นเข้ามหาลัยในสมัยก่อน
จึงหันมารับจากข้อสอบที่ทางสถาบันออกเองหรือโควต้าที่สถาบันกำหนด
ผมคิดว่าระบบมันไม่นิ่งเอาซธเลย ใครขึ้นมาก็เปลี่ยนระบบ ใช้แต่ละอย่างไม่เกิน1-2ปี ทดลองดูว่าวิธีอย่างนี้ดีรึเปล่าไม่ดีก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทำอย่างกับนักเรียนเป็นหนูทดลอง แทนที่ระบบจะมั่นคงและทำให้เด็กเตรียมตัวสอบให้พร้อม กลับกลายเป็นว่าเด็กต้องมานั่งปวดหัวว่าระบบปีนหน้าจะเปลี่ยนมั้ย
จะต้องมีอะไรใหม่ๆอีกรึเปล่า ผมว่าการเปลี่ยนให้ดีขึ้นไม่ใช่ไม่ดี แต่มันไม่มีการแจ้งแบบจริงๆจังๆ บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเลย
ยังไงน้องๆที่ติดก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เข้าใจอารมณ์ตอนลุ้นมหาลัยเลยครับ
แต่ชีวิตจริงมันอยู่ตอนที่มาเรียนนี่แหละครับ ไม่เคยเจอ F ก็เจอมาแล้ว >__< (อย่าเอาแบบอย่างนะ ไม่ดีๆ) ตั้งใจเรียนนะครับ
ส่วนคนที่ไม่ได้มันยังมีทางเดินอีกหลายทางให้เราเลือกเดิน ไม่ยังไม่จบ แค่เราไม่ติดแอดกลาง สู้ๆต่อไปครับ