ปธ Nissan ก็เริ่มออกข่าวอีโคคาร์ด้วยตนเองก็ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงควรลดภาษีอีโคคาร์อีก (ก็แน่ล่ะตัวเองออกขายก่อนนิ แหม)
ซึ่งเป็นนโยบายสอดคล้องกับ คลัง-กระทรวงอุตสาหกรรม จะพิจารณาลดภาษีอีโคคาร์และรถพลังงานอื่นด้วย รอสรุปสิ้นกันยายนว่ารัฐจะเอายังไง
ส่วนรถ EV อ่านข่าวจากหลายแหล่งสงวนท่าทีไว้ว่ายังไม่คิด แต่ในข่าวก็รู้เจตนาว่าอยากให้รัฐลดภาษี EV ให้ต่ำกว่า 10% โดยให้เหตุผลว่าเป็นรถเทคโนโลยีต้นทุนสูง แต่ไม่มีมลภาวะ ทำให้บอกกันอ้อม ๆ ว่าคิดจะเอา Leaf มาขายล่ะนะ แต่อยากได้ภาษีต่ำกว่านี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------
'นิสสัน'อ้อนคลังเคาะภาษีอีโคคาร์ต่ำกว่า17%
นิ สสันยันเดินหน้าอีโคคาร์ 100% รอคลังประกาศภาษีใหม่ 1 ตุลาคมนี้ ประกาศความพร้อมบุกตลาด อ้อนรัฐเคาะต่ำกว่า 17% หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มการจ้างงานดึงเงินตราเข้าประเทศ ไม่หวั่นเงื่อนไขผลิตแสนคันในปีที่ 5 เปรยในอนาคต นิสสันอาจพัฒนารถยนต์ไฮบริด เข้าสู่ตลาดรถยนต์ก็เป็นได้
นายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์นิสสันในประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่นิสสันยังคงเดินหน้าโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์เต็มที่ 100% โดยมั่นใจว่าโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีโคคาร์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก จำหน่ายทั่วโลก
โดยรถประเภทนี้จะมีความโดดเด่นในด้านประหยัดพลังงาน มีราคาถูกเนื่องจากผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการคลัง จะประกาศลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ ในอัตรา 17% ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 ซึ่งนิสสันจะประกาศความพร้อมในการผลิตอีโคคาร์ในเร็วๆนี้ โดยรถรุ่นใหม่นี้จะมีราคาที่คุ้มค่าสมเหตุสมผลอย่างแน่นอน
ปัจจุบันแม้ว่า ภาครัฐจะมีนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างแบบ ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์ รถยนต์ไฮบริด รถยนต์อี 20 ที่ได้รับการส่งเสริมด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิต แต่นิสสัน ก็ยังเชื่อมั่นว่า อีโคคาร์ยังจะเป็นประเภทรถที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐให้การสนับสนุนผลิตรถอี 20 โดยลดภาษีจาก 30%เหลือ 25% ทำให้มีช่องว่างเพียง 8% เมื่อเทียบกับรถอีโคคาร์ ที่เสียภาษี ในอัตรา 17%
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้การสนับสนุนรถไฮบริด ด้วยการลดภาษีเหลือแค่ 10% พร้อมลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบภายในประเทศ โดยที่บริษัทรถยนต์บางรายใช้เงินลงทุนน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทรถยนต์อีกจำนวนหนึ่งที่ร่วมโครงการพัฒนาอีโคคาร์ ใช้งบลงทุนหลายพันล้านบาท
นายฮาเซกาวา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรมุ่งเป้าส่งเสริมโครงการอีโคคาร์ให้เต็มที่ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีผลต่อเนื่องถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากโครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการผลิตรถประหยัดพลังงานเพื่อส่ง ออกไปจำหน่ายทั่วโลกดึงเงินตราเข้าประเทศ ดังนั้น หากมีการส่งเสริมด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ 17% ให้ต่ำลงไปอีกก็จะเป็นเรื่องดี
ส่วนกรณีที่ผู้ร่วมโครงการอีโคคาร์หลายรายกำลังเจรจากับบีโอไอเพื่อขอปรับ เงื่อนไขการผลิตครบ 100,000 คัน/ปี ภายในปีที่ 5 ของการผลิต เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวอยู่นั้น ทางนิสสันไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่า จะสามารถผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกได้ตามกำหนดการเดิม เพียงแต่นิสสันไม่ค่อยสบายใจที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่รายอื่นกำลังต่อรองกับบีโอไอ เพื่อขอสิทธิพิเศษมากกว่ารายอื่น ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของรัฐบาล
"แม้ว่าค่ายรถยนต์รายใหญ่อย่างโตโยต้า จะประกอบรถยนต์ คัมรี่ ไฮบริดออกมาโดยได้รับอัตราภาษี 10% และส่วนลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนหลายรายการ แต่ยอดขายของนิสสัน เทียน่าใหม่ ก็ยังเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยปัจจุบัน ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ขณะที่รถยนต์นั่งทิด้า ก็ยังสามารถทำยอดขายต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทำให้คาดว่า เมื่อถึงสิ้นปี นิสสันจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% จากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาดแค่ 5% โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากรถยนต์นั่งเทียน่า และรถปิกอัพนาวารา คาลิเบอร์" นายฮาเซกาวา กล่าวและว่า
ในอนาคต นิสสันอาจพัฒนารถยนต์ไฮบริด เข้าสู่ตลาดรถยนต์ก็เป็นได้ แต่ในที่สุด เชื่อมั่นว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นตำตอบที่ดีที่สุดแบบหนึ่งสำหรับรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปล่อยมลพิษ 0%
http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=T012460n&issue=2460