Mazda 2 ดันแบรนด์ให้เป็นผู้นำตลาดรถยนต์นั่ง อันดับ 3 ของประเทศ

HOMY_DEMIO

"มาสด้า2"หัวหอกดันแบรนด์..ก้าวขึ้นอันดับ3รถยนต์นั่ง

มาส ด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เชิญสื่อมวลชน 3 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมงาน Mazda Brand Forum 2009 ณ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของโลก เพื่อนำเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีการออกแบบรถยนต์ "มาสด้า" ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งถ่ายทอดสายพันธุ์สปอร์ตมาสู่ "มาสด้า 2" ด้วยประสบการณ์ zoom zoom เพื่อประกาศความพร้อมบุกตลาดรถยนต์กลุ่มบีคาร์หรือซับคอมแพค อาเซียน ช่วงปลายปี 2552

ประเทศไทยได้ฤกษ์เปิดตัว มาสด้า 2 ไมเนอร์เชนจ์ รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู อย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกของโลก วันที่ 17 พ.ย.2552 เพื่อเตรียมต้อนรับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ในเดือนธ.ค.นี้ และต้นปี 2553 จะเปิดตัว มาสด้า 2 ซีดาน 4 ประตู

มาสด้า2 แม้จะเป็นมาสด้า2 ไมเนอร์เชนจ์ แต่ถือเป็นโฉมใหม่ในไทย (New Model) โดย ผลิตจากโรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ AAT จังหวัดระยอง มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้าน ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสารและพื้นที่การใช้งาน และสมรรถนะพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 103 แรงม้า รูปลักษณ์ภายนอกได้มีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้ายใหม่ ที่แตกต่างจากมาสด้า 2 ที่เปิดตัวครั้งแรกในออสเตรเลียปี 2007 รวมทั้งรุ่นที่ทำตลาดอยู่ในประเทศอื่นๆ

ด้วยบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ มาสด้าทุกรุ่น ที่ให้ความเพลิดเพลินและสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งถูกถ่ายทอดมาจาก DNA ของมาสด้า อันประกอบด้วย Stylist การดีไซน์ที่โดดเด่น ทั้งภายนอก และภายใน, Insightful การเข้าใจถึงประโยชน์ใช้สอยของห้องโดยสารและพื้นที่การใช้งาน และ Spirited สมรรถนะที่ต้องสนองทุกการขับขี่

จากต้นแบบ มาสด้า RX-8, MX-5 และ มาสด้า 3 ได้ถูกนำมาพัฒนาไว้ใน "มาสด้า 2" สายพันธุ์สปอร์ตในกลุ่มบีคาร์ ที่คว้ารางวัลยอดเยี่ยมแห่งปี 2551 (World Car of The Year 2008) ในฐานะเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์แรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว และอีก 51 รางวัลทั่วโลก ทำให้ มาสด้า 2 มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่แตกต่างจากตลาดบีคาร์อื่นๆ และสมรรถนะสายพันธุ์สปอร์ต ขับขี่สนุก ตรงใจกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของมาสด้า

สุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าการเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ในปลายปีนี้ และ รุ่นซีดาน 4 ประตูในต้นปี 2553 ทั้ง 2 รุ่น คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายจากรุ่น 5 ประตู ราว 40% และ 4 ประตู ประมาณ 60% โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีราคาเท่ากัน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของมาสด้า 2 จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความแตกต่าง เลือกแบรนด์รถยนต์ด้วยตัวเอง ชื่นชอบรถยนต์สไตล์สปอร์ต ในสายพันธุ์ Zoom Zoom ของมาสด้า

การเปิดตัวมาสด้า 2 ในปลายปีนี้ นับเป็นแผนปฏิบัติต่อเนื่องใน "อาเซียน โปรเจค" ของมาสด้า ในการบุกตลาดรถยนต์นั่งในอาเซียนและประเทศไทย หลังจากไทยสร้างความตื่นเต้นและประสบความสำเร็จมาแล้วในโมเดลมาสด้า 3 ในปี 2547

ที่สำคัญมาสด้า 2 จะเป็นหัวหอกขับเคลื่อนภาพลักษณ์ของมาสด้า ให้ก้าวสู่แบรนด์ Passenger Car อันดับ 3 ของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ จากเดิมน้ำหนักของแบรนด์มาสด้า จะโดดเด่นในรถปิกอัพ บีที 50

การโหมตลาดรถยนต์กลุ่มบีคาร์ ด้วยการส่ง มาสด้า 2 ลงทำตลาดในปลายปีนี้ สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้มีอำนาจซื้อลดลง กลุ่มบีคาร์จึงเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น และเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูง ในไทยเติบโตถึง 13% ปีนี้

ภาพตลาดรถยนต์ในไทยกำลังจะเปลี่ยนจากรถปิกอัพ และคอมแพค คาร์ เป็น รถปิกอัพ และซับคอมแพค คาร์ หรือ บีคาร์ ที่ครองสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์สูงสุด ซึ่ง มาสด้า 2 เรียกว่าเข้ามาถูกจังหวะพอดี และด้วยดีไซน์แตกต่าง สมรรถนะสายพันธุ์สปอร์ตขับสนุก การคาดหวังมาร์เก็ตแชร์ 10% ของมาสด้า 2 ในตลาดบีคาร์ ปีแรก จึงเป็นเป้าหมายที่ "ทำได้" แน่นอน ของ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)

"เรามั่นในตัวโปรดักส์ มาสด้า 2 ว่าจะสร้างความสนใจในตลาดบีคาร์ ได้ไม่ต่างจากการเปิดตัว มาสด้า 3 และเชื่อว่าจะตอบสนองรูปแบบการขับขี่รถยนต์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ที่ตัดสินใจเลือกแบรนด์รถยนต์ที่มีความท้าทาย และนำเสนอดีไซน์แตกต่าง เราเชื่อว่าลูกค้าที่รักการขับรถ จะรักและเลือกมาสด้า” ยูจิ นากามิเน่ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการขายต่างประเทศ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวตอกย้ำความมั่นใจในการบุกตลาดอาเซียนของมาสด้า 2 ปลายปีนี้

โชอิจิ ยูกิ รองผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการขายต่างประเทศ และผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า โรงงาน AAT ในประเทศไทย มีกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 5 หมื่นคันต่อปี คาดว่าจะเป็นการผลิต มาสด้า 2 จำนวน 2.5 หมื่นคันต่อปี เพื่อรองรับการบุกตลาดในอาเซียน

ล่าสุด มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวรายละเอียด มาสด้า 2 กับดีลเลอร์ทั่วประเทศไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าราคาของมาสด้า 2 รุ่นแฮทช์แบ็ค เกียร์ธรรมดา จะเริ่มต้นที่ 5.3 แสนบาท และรุ่นสูงสุด ราคาต่ำกว่า 7 แสนบาท

เริ่มนับถอยหลังเพื่อยลโฉมอีกสายพันธุ์สปอร์ต zoom zoom ของมาสด้า 2 ได้ในวันที่ 17 พ.ย.นี้

http://www.bangkokbiznews.com/2009/09/14/news_29461183.php?news_id=29461183



J!MMY

นั่นคือแผนที่ดีของเขา

(ในวันที่ นิสสัน ยังไม่ชัวร์ ว่าจะมี มาร์ช....อิอิ)

เอาเข้าจริงแล้ว ผมเชื่อว่า จะได้เป็นแบรนด์ อันดับ 4 ในตลาดรถนั่งบ้านเราได้
คือ ขึ้นแทนเชฟโรเลตได้แน่ๆ ถ้ายัง Keep Momentum อย่างนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ

และ ต้องมี 3 ใหม่ เข้ามาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่เช่นนั้น เหนื่อยแน่



HOMY_DEMIO

เรามาดูยอดขายรถเก๋งเดือนสิงหาคมกัน

1.Toyota 8,502 คัน
2.Honda 6,366 คัน
3.Nissan 838 คัน
4.Chevrolet 344 คัน
5.Mazda 332 คัน

มาสด้าใช้หัวหอกรุ่น 2 เปิดตัววันที่ 17 พฤศจิกายนนี้เฉพาะรุ่น 5 ประตู
ส่วนรุ่นซีดานจะเปิดตัวในงาน motorshow ปี 2010 ตั้งราคาเท่ากับ 5 ประตู


มาดูฝั่ง Nissan ที่ Mazda หมายจะเด็ดหัวกันบ้าง มีนาคมปีหน้าจะส่ง Ecocar เป็นรถญี่ปุ่นที่ถูกที่สุดในท้องตลาด มาแบบไร้คู่แข่ง มีขนาดเท่ากับ Mazda 2
ตั้งเป้าขาย 1,600 คัน/เดือน หาก Nissan ทำยอดขายได้ตามเป้าจริง ก็จะทำให้ขยับยอดขายเก๋งราว 2,600 คัน หากกระแสดีมาก ราคาน้ำมันพุ่งจี๊ดอีกครั้ง และผลิตทัน น่าจะทำยอดเก๋งรวมเกิน 3,000 คัน/เดือน

หากต้องการแซง Nissan ณ เวลานี้ล่ะก็ต้องทำยอดขายมากกว่า 500 คัน/เดือน
แต่สำหรับปีหน้าต้องเพิ่มความยากขึ้นเพราะ Nissan มี Ecocar

Mazda ตั้งเป้าทั้ง 2 ตัวถังรวม 1,000 คัน/เดือน
ผมดูวี่แววแล้ว Mazda 2 ทั้งสองบอดี้ต้องขายเกิน 1,000  คันแน่ ๆ ล่ะ แต่สัดส่วน 5 ประตูจะขายได้มากกว่า 4 ประตูแน่นอน แม้เจ๊สุรีย์ทิพย์จะตั้งสัดส่วนตัวซีดานไว้เยอะกว่าก็ตาม อิอิ

หากรวมยอดขายมาสด้าเก๋งทั้งหมด รถคอมแพคท์รุ่น 3 ที่ทำยอด 332 คัน + มาสด้า 2 ทำยอด 1,000 กว่าคัน ยอดรวมต้องได้มากกว่า 1,332 คันแน่นอน หากมาสด้า 2 ได้รับความนิยมมาก ผลิตทันตามความตอ้งการก็น่าจะทำได้ 1,800 - 2,300 คันต่อเดือน

ดังนั้น สิ่งที่ Mazda ทำได้ต้องเร่งสปีดยอดขาย Mazda 2 Hatchback เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่คาดว่าน่าจะได้เดือนละ 600-700 คัน ให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาถัวเฉลี่ยยอดขายรายปีก็น่าจะพอเก็บสแปร์ได้

แต่ที่แน่ ๆ Mazda แซง Mitsubishi และ Chevrolet ได้แน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 14, 2009, 11:50:24 โดย HOMY_DEMIO »



DENTE

ครับ  แน่นอนอีกไม่นาน

ขึ้นอันดับ 4  ครับ......(น่าจะแค่นี้นะ)



P_Wut

ถ้าใครได้เห็นรูปโฉม 2 4Dr คันจริงแล้วล่ะก็

คงแทบจะสรุปได้ทันทีเลยว่า ไม่มีทางแซง Vios และ City ได้

แต่ 2 5Dr จะแซง Yaris ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ตามหลัง Jazz ได้แน่ๆ ครับ



J!MMY

นี่ นังคุณน้อง  HOMY

หล่อนกล้าเรียก พี่ซู ว่า "เจ๊" เลยเรอะ

ฉานยังไม่กล้าเรียกเล้ยยยยยยย

แหะๆๆๆๆๆๆๆ (คือ อยากหัวเราะ พรวดๆ เต็มๆ หนะนะ แต่แบบว่า เกรงใจฮะ แหะๆๆๆๆๆ)



wasit

 เห็นด้วยกับคุณHOMY วิเคราะห์ได้เก่งจริงๆ ยังไงถ้ามีข่าว เจ้าnissan march อย่าลืมรายงานด้วยนะครับ รอใจจดใจจ่อ น้องสาวผมอยากจะใช้ซักคัน..อิอิ :D