http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEF5TURjMU5RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1pMHdOeTB3TWc9PQ==วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 7886 ข่าวสดรายวัน
จัด"ขบวนเสด็จ"ใหม่ ในหลวง ทรงห่วง-ผู้ใช้รถ
รับสั่งจัดระเบียบ ปิดถนนน้อยที่สุด ให้วิ่งสวนเลนได้ ราชเลขาฯถกตร. จัดพิมพ์คู่มือแจก
ปีติ"ในหลวง"ทรงห่วงใยพสกนิกรได้รับความเดือดร้อนรถติด จากการปิดถนนช่วงมีขบวนเสด็จ รับสั่งราชเลขาธิการประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติหาวิธีดำเนินการหลีกเลี่ยง เผยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชองครักษ์ และสำนักราชเลขาธิการประชุมหารือร่วมกันจนได้ข้อสรุป เตรียมจัดพิมพ์เป็นคู่มือปฏิบัติแจกจ่าย 2.5 หมื่นเล่ม พร้อมเตรียมอบรมทุกภาคส่วนเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผบ.ตร.อัดสปอตแจงผ่านสถานีวิทยุเครือข่ายตำรวจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ด้านโฆษกตำรวจระบุจะมีการผ่อนปรนมากขึ้นกรณีเสด็จฯเป็นการส่วนพระองค์ ไม่ต้องปิดถนนทั้งหมด ให้วิ่งสวนกันได้ รถเข็นก็ไม่ต้องถอยไปในซอย แต่ให้เฝ้าฯรับเสด็จข้างทางได้
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้กองสารนิเทศ ตร. จัดพิมพ์หนังสือคู่มือการปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจร ในการเสด็จพระราช ดำเนิน(เป็นการส่วนพระองค์) แจกจ่ายข้าราช การตำรวจที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภารกิจดังกล่าวจำนวน 25,000 เล่ม เพื่อให้ตำรวจทั่วประเทศมีแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตรงกัน ตามที่ทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง
สำหรับหนังสือคู่มือดังกล่าวสืบเนื่องจากหนังสือสำนักราชเลขาธิการ ที่ รส.0001.6/1175 ลงวันที่ 20 มกราคม 2553 ลงนามโดยนายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ แจ้งเรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน (เป็น การส่วนพระองค์) ถึง ผบ.ตร. มีใจความว่า "ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชปรารภกับราชเลขาธิการเมื่อปี พ.ศ.2544 เรื่องปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่มีขบวนเสด็จ หากต้องปิดการจราจรเป็นเวลานาน จะทำให้ประชา ชนได้รับความเดือดร้อนมาก จึงมีพระราชกระแสให้ราชเลขาธิการพิจารณาร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข ซึ่งได้ดำเนินการจัดทำแนวทางและคู่มือปฏิบัติไว้แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทางภาคสนามเกรงว่าจะถูกตำหนิและถูกลงโทษ
บัดนี้ ราชเลขาธิการให้น้อมเกล้าฯ รับพระราชกระแสมาอีกครั้ง จึงได้จัดให้มีการพิจารณาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมราชองครักษ์ และลงมติเห็นชอบจัดตั้งคณะกรรม การอำนวยการจราจรในการเสด็จพระราช ดำเนิน โดยมีราชเลขาธิการเป็นประธาน และคณะกรรมการติดตามและประสานงานการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งมี พล.อ. วิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์เป็นประธาน
คณะกรรมการอำนวยการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน ได้จัดการประชุมหลายครั้ง และเห็นชอบให้วางนโยบายและแนวทางปฏิบัติ โดยคำนึงถึงการถวายความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ให้มีผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนน้อยที่สุด รวมถึงการดูแลเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและเครื่องมือเครื่องใช้ที่จะให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำไปพิจารณาจัดทำเป็นคู่มือต่อไป
ในการนี้ ขอเรียนให้ทราบว่า ราชเลขาธิการได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่องนโยบายและแนวทางปฏิบัติทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ตลอดทั้งราชเลขานุการในพระองค์ได้นำความกราบบังคมทูล และกราบทูลพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทราบฝ่าละอองพระบาท และทราบฝ่าพระบาทแล้ว ซึ่งทุกพระองค์ทรงให้ความสำคัญในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน และมีพระราชประสงค์ที่จะให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติดำเนินตามข้อเสนอข้างต้น อย่างเคร่ง ครัดและมีประสิทธิภาพต่อไป
"ดังนั้น คณะกรรมการอำนวยการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนินจึงพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ข้างต้น เป็นขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานถวายเป็นเรื่องสำคัญ จึงได้เห็นชอบที่จะวางหลักเกณฑ์ในการดูแล ช่วยเหลือ รับผิดชอบให้ผู้ปฏิบัติมีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ และในกรณีที่การปฏิบัติหน้าที่เป็นผลน่าพอใจ จะมีรางวัลเป็นการตอบแทน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจอีกด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และพิจารณาดำเนินการสนองพระราชกระแสในเรื่องดังกล่าวโดยด่วนต่อไป" หนังสือสำนักราชเลขาธิการระบุ
ด้าน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้บันทึกเทปกล่าวผ่านรายการวิทยุในเครือข่ายของศูนย์ผลิตรายการและข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับข้าราชการตำรวจและประชาชนว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนน ซึ่งได้รับผลจากการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่ นั่งเป็นการส่วนพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถวายความสะดวก และไม่ต้องปิดถนนเป็นเวลานานเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้รถได้ตามปกติ นับเป็นพระมหา กรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ข้า ราชการตำรวจทุกนาย ขอน้อมเกล้าฯนำไปปฏิบัติตามพระราชประสงค์ต่อไป
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.กองสาร นิเทศ ในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยว่าหนังสือคู่มือดังกล่าวอยู่ระหว่างจัดพิมพ์จำนวน 25,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ร่วมด้วย อาทิ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเอกชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับรู้ร่วมกัน ที่ผ่านมา คณะกรรมการอำนวยการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการในกรณีนี้มาเป็นระยะๆ กำหนดทุกประเด็นอย่างละเอียด หลังประชุมกันมาหลายครั้งตั้งแต่มีพระราชกระแส และออกแนวทางปฏิบัติไปแล้ว แต่ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติอาจยังไม่มีความเข้าใจ และยังไม่มีความมั่นใจว่าการปฏิบัตินั้นมีขอบเขตที่เหมาะสมเพียงใด ผบ.ตร.จึงสั่งการให้จัดทำคู่มือ ซึ่งมีภาพประ กอบ ทั้งภาพถ่าย และภาพกราฟิกที่อธิบายการปฏิบัติแต่ละกรณี ให้ผู้อ่าน หรือผู้ปฏิบัติเข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจน ละเอียด จากนั้นจะเดินสายอบรมทำความเข้าใจให้ตรงกันอีกครั้ง
"ในหนังสือคู่มือจะเขียนแนวทางปฏิบัติด้านการถวายความปลอดภัยอย่างละเอียด วางหลักการเป็นกรอบๆ ไป ในกรณีมีขบวนเสด็จส่วนพระองค์ ซึ่งไม่ได้รวมถึงกรณีมีหมายพระราชกรณียกิจ ที่ยังคงต้องถวายความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจรอย่างเคร่งครัด สำหรับกรณีเสด็จฯ ส่วนพระองค์ให้ปฏิบัติตามคู่มือฉบับนี้ เน้นว่าต้องเป็นไปตามพระราชกระแสและสมพระเกียรติ เช่น ขบวนเสด็จส่วนพระองค์ ผ่านเส้นทางคู่ขนานเดิมตำรวจจะปิดถนนทั้งเส้น แต่แนวทางใหม่เปิดให้รถวิ่งทางคู่ขนานปกติ หรืออย่างขบวนเสด็จผ่านถนนที่ไม่มีเกาะกลาง แนวทางนี้ก็เปิดให้รถสวนได้ แต่ตำรวจต้องดูด้านความปลอดภัย อย่าให้มีการกลับรถหรือเลี้ยวรถ กรณีขบวนเสด็จผ่านสะพานลอยก็เปิดให้คนข้ามปกติไปก่อน แต่ตอนเสด็จฯก็อย่าข้ามอยู่ตรงสะพานเท่านั้น กรณีสะพานกลับรถเกือกม้าก็ให้กลับรถได้ปกติ กรณีเสด็จฯบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้าก็ให้สวนได้ หรือกรณีเห็นว่ามีปริมาณรถสะสมมากในเส้นทางเสด็จ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งระบายรถที่ติดสะสมทันที เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
"กรณีมีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าขบวนเสด็จในระยะใกล้ให้หยุดรถชิดช่องทางด้านซ้ายและเมื่อขบวนเสด็จผ่านไปแล้วให้อนุญาตให้รถเดินทางต่อไปได้โดยเร็ว แต่อย่างไรก็ตามตำรวจก็ต้องดูเป็นสถานการณ์ไป ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับรู้ร่วมกัน กองสารนิเทศได้จัดทำสปอตวิทยุประชาสัมพันธ์ออกมา 10 ชุด เป็นบทการสนทนาสั้นๆ เผยแพร่ต่อประชาชนผ่านทางสถานีวิทยุในเครือข่าย ตร.เพื่อให้ประชาชนทั่วไปรับรู้และเข้าใจตรงกัน เช่น ตำ รวจที่มาดูการจราจรถวายความปลอดภัยบอกกับป้าขายของรถเข็นว่าเดี๋ยวนี้มีขบวนเสด็จก็ไม่ต้องเข็นรถหลบเข้าซอยแล้ว สามารถเข็นรถขายได้ตามปกติและยังสามารถเฝ้าฯ รับเสด็จข้างทางได้ด้วย เป็นต้น" โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ รองราชเลขาธิการจะพาคณะตำรวจออกเดินสายทำความเข้าใจและชี้แจงแนวทางปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ รวมทั้งในห้วงเวลาเดียวกันสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะจัดอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศถึงแนวทางปฏิบัติต่างๆ ในการรับเสด็จและถวายความสะดวกด้วย
"นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งไปยังนายอาสา สารสิน ราชเลขา ธิการ เป็นประธานตั้งคณะกรรมการในการหาหนทางแก้ไขดังกล่าวตั้งแต่เมื่อปี 2553 โดยมี พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส อดีตรองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงานตั้งแต่เริ่มแรก ปัจจุบันเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) คุณหญิงจันทนี ธนรักษ์ รองราชเลขาธิการ และพล.ต.ท. ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหน.นรป. (สบ 9) เป็นคณะทำงาน หนังสือแนวทางการถวายอำนวยความสะดวกดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เพียงแจกให้แก่เจ้าหน้าตำรวจที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการจราจรเท่านั้น แต่จะแจกจ่ายไปยังหน่วยงานราชการส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย? โฆษกตร. กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ส่วนหนังสืออยู่ระหว่างปรับแก้และพิมพ์ออกมาแจกจ่ายก่อน 25,000 เล่ม โดยจะแจกจ่ายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำเพื่อแจกจ่ายไปยังห้างสรรพสินค้าที่พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯไป เพื่อให้ทราบระเบียบปฏิบัติในการรับเสด็จ คาดว่าหนังสือน่าจะเสร็จสิ้นประมาณวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนัดประชุมเพื่ออบรมทำความเข้าใจเกี่ยวกับคู่มือการถวายการอำนวยความสะดวกและคู่มือในการรับเสด็จในวันที่ 27 ก.ค. อีกครั้ง
ด้านพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ10) เปิดเผยว่า เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นการทำความเข้าใจระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในการรับเสด็จ ยกตัวอย่างจากเดิมที่ไม่เคยให้รถวิ่งสวนทางกับขบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว หรือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ จะต้องหยุดหรือจอดจนกว่าขบวนจะผ่านไป ก็จะสามารถวิ่งสวนทางได้โดยไม่ต้องจอด กรณีที่ต้องปิดการจราจรก็จะปิดให้ช้าและเปิดให้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ทั้งนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งภาครัฐและเอกชนมาอบรมและทำความเข้าใจร่วมกันในการถวายการอำนวยความสะดวกและรับเสด็จ สนองพระราชประสงค์ที่ทรงไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไป
หน้า 1