ผู้เขียน หัวข้อ: "รถเก๋ง" คือรถที่เกาะถนนที่สุด เมื่อเทียบกับรถทรงสูง หรือรถกระบะ ใช่หรือไม่ครับ??  (อ่าน 18178 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ออกตัวล้อฟรีขนาดนี้ ไม่ได้ล่อเป้าหรือตั้งใจเหน็บแนบอะไรนะครับ
ขอให้เป็นลักษณะการแชร์ความคิดเห็นและไขข้อสงสัย(ของผม)ล่ะกันนะครับ

ในพื้นฐานของรถบ้านๆ ที่ไม่ใช่รถสปอร์ตหรือรถซุปเปอร์คาร์
รถเก๋ง คือรถที่มีพื้นฐานเหมาะแก่การขับขี่ที่สุด ซึ่งหมายถึง เกาะถนนที่สุด ทั้งทางตรงและทางโค้ง
ใช่หรือไม่ครับ??
(รถเก๋ง คือรถที่มีพื้นฐานแบบโมโนค๊อค ทั้งซีดานและแฮชแบคนะครับ)

....................
ขอให้ทุกท่าน ช่วยตอบคำถามต่อไปนี้ โดยใช้คำว่า "ใช่" หรือ "ไม่"
(Copy คำถาม แล้ว Paste น่าจะง่ายกว่านะครับ)
พร้อมทั้งขอเหตุผลประกอบความ"ใช่" หรือ "ไม่" ของทุกท่านด้วยนะครับ



- รถกระบะ หรือรถ PPV มีแชทซีเป็นโครง และใช้ตัวถังรถวางบนแชทซี
แชทซี ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถสูง ซึ่งทำให้รถมีอาการโคลงเคลงมากกว่ารถเก๋งที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า?

- จากเรื่องของแชทซี ถ้าไม่นับเรื่องความแข็งแรงและเหมาะกับการบรรทุก
ถ้าทุนพัฒนารถเท่ากัน รถที่มีแชทซีจะเกาะถนนด้อยกว่ารถที่เป็นโมโนค๊อค ใช่หรือไม่??

- รถเก๋ง มีการจัดการเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่า พื้นที่หน้าตัดน้อยกว่า และลู่ลมกว่า
ทำให้การขับที่ความเร็วสูงดีกว่า รวมถึงพละกำลังเครื่องยนต์ที่ฝ่าแรงต้านอากาศน้อยกว่า เลยทำให้ขับดีกว่า
ต่างกับรถกระบะหรือรถทรงสูงๆ ที่ต้านลมกว่า ทำให้เป็นภาระของเครื่องยนต์ และออกอาการมากกว่า

- จากข้อเมื่อกี้ คือเหตุผลที่รถ PPV SUV หรือรถกระบะ
ควรใช้เครื่องดีเซลเพื่อฝ่าแรงต้านอากาศ แรงเสียดทานของยาง รวมถึงน้ำหนักตัวหรือไม่??

- รถเก๋งที่เป็นรถซีดาน เทียบกับรุ่นเดียวกันที่เป็นแฮชแบค
รถซีดานจะทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และวิ่งได้มั่นคงกว่า??

- รถเก๋ง VS รถ SUV & PPV & รถกระบะ ในสนามแข่ง (ในรุ่นและระดับราคาพอๆกัน)
รถ SUV และ PPV จะทำเวลาในสนามมากกว่ารถเก๋ง
เพราะภาระของช่วงล่าง น้ำหนักตัว ยาง และเบรค ใช่หรือไม่??

.....................................................

ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้านะครับ

ที่ถาม เพราะจะปลดระวางรถเก๋งที่บ้าน ไปซื้อ PPV (ฟอร์จูนเนอร์ เกียร 5 สปีด) แล้วครับ
แต่คำถามข้างบนนี้ คือ เหตุผลของคุณพ่อผมที่จะไม่ซื้อแนวๆนี้
ไม่รู้ว่าความคิดของพ่อผมซึ่งเป็นความคิดเดิมๆของคนเล่นรถเมื่อยุคก่อน จะต่างกับปัจจุบันหรือไม่

ปัจจุบันนี้ เท่าที่เห็น รถกระบะอย่างไทรทั่น BT50 ก็เกาะไม่แพ้รถเก๋งแล้ว
อย่าง PJS ผมลองขับแล้วก็ไม่ได้โคลงอะไร(เกาะถนนซะด้วยซ้ำ)
ขอเหตุผลเพื่อทำลายอคติตรงนี้ทีนะครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ spoon580

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 36
    • อีเมล์
"ใช่" ครับ

ที่บ้านใช้BT50 V-Hi  ก่ะ cedia รู้สึกต่างกันมากจริงๆครับ  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ Action

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,667
- รถกระบะ หรือรถ PPV มีแชทซีเป็นโครง และใช้ตัวถังรถวางบนแชทซี
แชทซี ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถสูง ซึ่งทำให้รถมีอาการโคลงเคลงมากกว่ารถเก๋งที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า?
True

- จากเรื่องของแชทซี ถ้าไม่นับเรื่องความแข็งแรงและเหมาะกับการบรรทุก
ถ้าทุนพัฒนารถเท่ากัน รถที่มีแชทซีจะเกาะถนนด้อยกว่ารถที่เป็นโมโนค๊อค ใช่หรือไม่??
not every case

- รถเก๋ง มีการจัดการเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่า พื้นที่หน้าตัดน้อยกว่า และลู่ลมกว่า
ทำให้การขับที่ความเร็วสูงดีกว่า รวมถึงพละกำลังเครื่องยนต์ที่ฝ่าแรงต้านอากาศน้อยกว่า เลยทำให้ขับดีกว่า
ต่างกับรถกระบะหรือรถทรงสูงๆ ที่ต้านลมกว่า ทำให้เป็นภาระของเครื่องยนต์ และออกอาการมากกว่า
True

- จากข้อเมื่อกี้ คือเหตุผลที่รถ PPV SUV หรือรถกระบะ
ควรใช้เครื่องดีเซลเพื่อฝ่าแรงต้านอากาศ แรงเสียดทานของยาง รวมถึงน้ำหนักตัวหรือไม่??
True

- รถเก๋งที่เป็นรถซีดาน เทียบกับรุ่นเดียวกันที่เป็นแฮชแบค
รถซีดานจะทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และวิ่งได้มั่นคงกว่า??
True แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวผม HB มั่นคงกว่า

- รถเก๋ง VS รถ SUV & PPV & รถกระบะ ในสนามแข่ง (ในรุ่นและระดับราคาพอๆกัน)
รถ SUV และ PPV จะทำเวลาในสนามมากกว่ารถเก๋ง
เพราะภาระของช่วงล่าง น้ำหนักตัว ยาง และเบรค ใช่หรือไม่??
True อย่าลืมว่าพวก SUV & PPV & กระบะ มันต้องรอบู๊สก่อนนะ ในกรณีดีเซล
ถึงรถผมจะไม่แรง แต่ก็ยังแซงทุกคันไม่เว้น...
Honda Civic 3dr. '96
Chrysler Neo '98
BMW 320i '01
Honda Civic FD 2.0 '06 > Sold
Mazda BT-50 Pro '12

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
ใช่ครับ กระบะทำไดดีที่สุดแค่ใกล๊เคียงครับ
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ HME

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 719
- จากข้อเมื่อกี้ คือเหตุผลที่รถ PPV SUV หรือรถกระบะ
ควรใช้เครื่องดีเซลเพื่อฝ่าแรงต้านอากาศ แรงเสียดทานของยาง รวมถึงน้ำหนักตัวหรือไม่??

ไม่จำเป็นต้อง Diesel ฮะ Benzene ก็ทำได้
แต่บ้านเรามีเครื่องดีเซลล์ทำตลาดเป็นหลัก เขาก็เอาเครื่องพวกนั้นมาใช้ฮะ

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ข้อ 4 ผมว่าไม่จริงนะ HB น่าจะดีกว่า Sedan ในทุกๆด้าน ยกเว้นประหยัดน้ำมัน
H.

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,632
PPV หรือกะบะ เดิมๆ อาจจะเข้าโค้งไม่ได้เรื่อง แต่ถ้ามีการปรุงแต่งขึ้นมา อย่าว่าแต่รถเก๋งบ้านๆเลยครับ พวกขับ 4 เทพๆ ทั้งหลายถ้าใจไม่ถึง โดนสวนทั้งในโค้งและทางตรงแน่นอน ที่กล้าพูดแบบนี้เพราะ เคยได้ไปคลุกคลีกับ สำนักทำช่วงล่างในวงการ OFF ROAD มาครับ  และบางครั้งก็เห้นมากับตาครับว่าโค้งนี้มันไปเร็วขนาดนั้นได้ไง ทั้งๆที่รถเราก็แทบจะเทกระจาดอยู่แล้ว

Ps. แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ชอบ PPV หรือ SUV ครับ  โอเค มัน แรงจริง แต่ความสุนทรีย์ในการขับขี่ มันไม่มีเอาเสียเลย

ออฟไลน์ neutrino

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
จะเปลี่ยนเป็น PPV รุ่นไหนไม่สำคัญครับ แต่ว่าถ้าเป็น Fortuner ทรงรถก็เกือบ10ปีแล้ว อีกไม่กี่ปีคุณจะมองมันเหมือนตอนนี้คุณมอง สปอร์ตไรเดอร์อ่ะ(คือว่ามันทรงเก่าแก่เลย) ทำไมต้องยึดติดยี่ห้อ ตัวใหม่ๆมีหลายตัวเลย อย่าไปมองว่าใส่เครื่อง,เกียร์,ช่วงล่าง แต่ดูที่ทรงรถดีกว่าเพราะมันเป็นส่วนที่เปลี่ยนและเสริมไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ hutzero

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
ทำไมผมกลับรุ้สึกว่าประเด็นเรื่องการเกาะถนน  อยู่ที่โครงสร้างของช่วงล่างเป็นสำคัญ  ถึง Body จะเป็นกระบะ  แต่ถ้าใส่ช่วงล่างอิสระที่เซ็ตมาดีก็หนึบได้
และประเด็นเรื่องการทำความเร็ว อยู่ที่น้ำหนักรถ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และเกียร์เป็นสำคัญ มากกว่าการลู่ลม
และทราบมาว่า Subaru WRX STi ที่เป็นแฮทช์แบ็ค  ทำความเร็วและเข้าโค้งเกาะถนนได้เท่าๆกับ  WRX STi ตัวซีดาน ห่างกันไม่ถึง 0.003 วินาที

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ใช่ครับรถเก๋งเกาะกว่าจริงๆครับ แต่ผมว่า้้ต้องดูรุ่นด้วยนะครับผม
แต่เท่าที่ขี่กระบะยกสูง ผมขับ triton 4D 4x4 ผมว่าผมเข้าโค้งมั่นใจมากครับ
ที่มั่นใจเพราะรถไม่มีอาการผิดปกติดให้เห็นครับ

มีทั้งสองแบบดูจะเหมาะกว่าครับ เพราะลักษณะการใช้งานต่างกันครับ
 :)

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์

อยากรู้ ต้องไปเข้าโค้ง ที่ความเร็ว 160 ขึ้นไปสิครับ

ออฟไลน์ fluk

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
ถ้าไม่ได้แต่งอะไรก็คงเป็นเก๋งที่เกาะที่สุด

มันมีหลายปัจจัยทั้ง น้ำหนักรถ cg ระยะฐานล้อ ขนาดยาง อีกทั้งชิ้นส่วนช่วงล่างที่ทำให้เก๋งบางรุ่นจิกพื้นหมับเลย

กระบะก็ทำไห้เกาะได้เหมือนกันเเต่อย่าลืมว่าเก๋งทำก็เกาะขึ้นไปอีก

และผมว่ากระบะเสี่ยงแหกโค้งทั้งพลิกคว่ำเเละปัดไปทั้งคัน ในคณะที่เก๋งเสี่ยงพลิกคว่ำคาโค้งน้อยกว่า น่าจะปัดก่อนพลิก

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,328
ที่ว่าเกาะถนน ที่ความเร็วเท่าไรครับ ถ้าหยุดนิ่งบนพื้่นราบ ยังไงก็ต้องเกาะละครับ แล้วมันยังมีหลายปัจจัยเช่น ยาง ช่วงล่างอ่อน-แข็ง รูปแบบของช่วงล่าง ความเร็วที่ใช้ กระแสลม

ถ้าจะบอกว่ารถประเภท suv ไม่เกาะถนน ก็ไม่ใช่ซะทั้งหมด ยังมีพวก bmw x5m x6m และอื่นๆอีกเยอะ

แต่ถ้าอัดกันที่ความเร็วสูงหรือต่ำ ทุกอย่างย่อมมีข้อจำกัดของมัน ทางที่ดีอย่างไป ฝืนแรงโน้มถ่วงของโลกให้มากนักดีกว่าครับ เด๋วแทนที่จะเกาะพื้น จะบินเอาได้นะครับ

ออฟไลน์ Tern vtec

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 281
จากประสบการณ์ผมรถเก๋งเกาะกว่ามั่นใจกว่าทั้งเข้าโค้งแรงๆและวิ่งด้วยความเร็วสูงๆ แต่กระบะรุ่นใหม่ๆหรือppvทั้งหลายก็ขับดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมเยอะแต่ก็ยังไม่เท่าเก๋งน่ะผมว่า

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
 ต่างกรรม ต่างวาระ
 ต่าง เจตนา ในการสร้างอยู่แล้ว

 เคยเห็นใครเอา รถ SUV หรือ PPV ไป ขับสนามแข่ง รายการ ที่เป็นมาตราฐานสากลมั่งครับ

ออฟไลน์ KrisTop

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
  • Ingenious
- รถเก๋ง มีการจัดการเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่า พื้นที่หน้าตัดน้อยกว่า และลู่ลมกว่า
ทำให้การขับที่ความเร็วสูงดีกว่า รวมถึงพละกำลังเครื่องยนต์ที่ฝ่าแรงต้านอากาศน้อยกว่า เลยทำให้ขับดีกว่า
ต่างกับรถกระบะหรือรถทรงสูงๆ ที่ต้านลมกว่า ทำให้เป็นภาระของเครื่องยนต์ และออกอาการมากกว่า

- จากข้อเมื่อกี้ คือเหตุผลที่รถ PPV SUV หรือรถกระบะ
ควรใช้เครื่องดีเซลเพื่อฝ่าแรงต้านอากาศ แรงเสียดทานของยาง รวมถึงน้ำหนักตัวหรือไม่??

- รถเก๋งที่เป็นรถซีดาน เทียบกับรุ่นเดียวกันที่เป็นแฮชแบค
รถซีดานจะทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และวิ่งได้มั่นคงกว่า??
Aerodynamics ของรถเก๋งดีกว่ากระบะครับ นั่นส่งผลให้ Air Friction(Coefficient of Drag, Cd) มีค่าต่ำ
แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชนิดของเครื่องยนต์ครับ ไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซล สิ่งที่ใช้ในการแหวกแรงต้านคือกำลังของเครื่องยนต์(Power มีหน่วยเป็น Watt)
ซึ่งกำลังจะส่งผลโดยตรงกับ Top speed ของรถยนต์(จริงๆ แล้วมันมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่ส่งผลต่อ Top speed)
ไหนๆ ก็พูดถึง Top speed แล้ว ขออธิบายเหตุผลที่ว่าทำไมแรงม้าไม่แปรผันตรงกับ Top speed แบบคงอัตรา
เช่น ม้า 100 Top speed 180, ม้า 200 Top speed 360 เป็นต้น นั่นก็เพราะว่าแรงด้านอากาศ มันจะเพิ่มขึ้นยกกำลังสองตามความเร็ว
(ความเร็วเพิ่ม 2 แรงต้านเพิ่ม 4 ความเร็วเพิ่ม 4 แรงต้านเพิ่ม 16 ตามหลักฟิสิกส์ Air Friction = 0.5 x Air Density x (V^2) x Drag Coefficient (Cd) x Surface Area)

ที่กล่าวมาคือการอธิบายว่า การฝ่าแรงต้านของลมที่ Top speed นั้น ไม่ได้เกี่ยวของโดยตรงกับแรงบิดที่เกิดจาก
การใช้แหล่งพลังงานที่ต่างกันของเครื่องยนต์ แต่เกี่ยวข้องโดยตรง กำลังของเครื่องยนต์ที่มีหน่วยเป็น Watt หรือ แรงม้า

ส่วนการฝ่าแรงด้านของลมที่คำเร็วต่ำๆ นั้น แรงต้านจะน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ Top speed ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ
ที่จะต้องเอาแรงต้านลมไปพิจารณาอัตราเร่งของรถ หรืออัตราการฝ่าแรงต้านอากาศ แต่เราจะพูดถึงปัจจัยอื่น
ซึ่งส่งผลต่ออัตราเร่งของรถแทน เช่น อัตราความต่อเนื่องของแรงบิด การส่งกำลัง และอื่นๆ

ส่วนประเด็นเรื่องรถ Sedan กับ Hatchback, Liftback และ Station Wagon นั้น ก็ไม่ได้มีส่วนโดยตรงกับค่า Cd เช่นกันครับ
สิ่งที่เกี่ยวของโดยตรงตามหลักฟิสิกส์ข้างบนคือพื้นที่ปะทะลม(หน้ารถ) แล้วมันยังไปเกี่ยวพันกับ Flow ของกากาศ ว่ามี Turbulence Flow สูงหรือไม่
ซึ่งตรง Flow ของอากาศนี่คือสิ่งที่ต้อง Model เพราะพื้นที่ปะทะลมของรถมันพอๆ กันอยู่แล้วขึ้นกับขนาดรถ การลด Friction ที่เกิดจาก Air Flow
ไม่ว่าจะใต้ท้องรถ พื้นที่ส่วนปะทะลมโดยตรงหรือด้านหลังรถ ก็มีหลายวิธีแตกต่างกันไป เช่น ไส่สปอยเลอร์ โหลดต่ำ เป็นต้น
Hatchback บางคัน ขนาดเท่ากับกับ Sedan ก็สามารถมีค่า Cd ที่ต่ำกว่ากว่า Sedan ได้ ลองดูข้อมูลตรงนี้ดูครับ

รุ่นรถ, พื้นที่หน้าสัมผัส, ค่า Cd
MB C200D , 0.30 , 2.05
MB W124 , 0.30 , 2.32 (เป็นค่า Cd ที่ต่ำที่สุดในยุคนั้นทีเดียว)
Audi A8 , 0.28 , 2.25
Porsche 911 , 0.33 , 1.86
Volvo 960 , 0.36
Volvo S80 , 0.28
Toyota camry , 0.28
Toyota Prius , 0.26

การมีค่า Cd ต่ำ ช่วยให้แรงปะทะลมน้อย เครื่องยนต์ไม่ต้องออกแรงฝ่าแรงต้านลมมาก แต่ก็ต้องดูด้วยว่าการออกแบบเครื่องยนต์นั้น
ออกแบบมาเพื่อให้ประหยัดในช่วงความเร็วเท่าไหร่ และไม่ได้หมายความว่ารถที่มีกำลังเครื่องยนต์มาก จะประหยัดน้อยกว่ารถที่มีกำลังเครื่องยนต์น้อยเสมอไป
มันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ซึ่งหลักๆ คือ ย่านความเร็วที่ใช้ทดสอบด้วยครับ และนั่นก็หมายโยงไปถึงหลายๆ อย่างที่มีผลเนื่องจากความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ
"แรงต้านอากาศ" ที่เรากำลังพูดถึงกันนี้ด้วยครับ


อ้างอิง tamiya.co.th, http://en.wikipedia.org/wiki/Automobile_drag_coefficient, E-Learning Faculty of Engineering Carnegie Mellon University
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2012, 09:39:06 โดย normalblue »

ออฟไลน์ shoojai

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 115
ผมขอตอบข้อนี้ครับเพราะจากการที่ขับเป็นประจำ

- รถเก๋งที่เป็นรถซีดาน เทียบกับรุ่นเดียวกันที่เป็นแฮชแบค
รถซีดานจะทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และวิ่งได้มั่นคงกว่า??


ขอตอบว่า จากการที่ขับ เฟียสต้า 4 ประตูของเรา และ 5 ประตูของเพื่อนเรา อยู่บ่อยๆ
ช่วงเข้าโค้งที่ความเร็วสูง 4 ประตูท้ายจะโยนกว่า 5 ประตูอย่างมาก และอาการดีดดิ้นจากกันสะเทือนด้านหลัง ที่ความเร็วต่ำ 5 ประตูดีดดิ้นน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันถ้าวิ่งนอกเมือง ยืนยันว่า 4 ประตูประหยัดกว่า 5 ประตู และอัตราเร่งดีกว่า 5 ประตู ที่ความเร็วสูง แต่ไม่เห็นชัดมาก ส่วนเรื่องใครมั่นคงกว่า
ผมไม่แน่ใจเพราะเหมือนจะเป็น 4 ประตูครับ

ออฟไลน์ BottleUp

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 26
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ รู้อะไรเพิ่มอีกเยอะ

ออฟไลน์ kukonba

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 361
  • เที่ยวไปให้ทั่วเมืองไทยเถอะครับ
    • อีเมล์
เข้ามาหาความรู้เพิ่ม ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ ichok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 791
    • อีเมล์
ผมว่าอยู่ที่จุดศูนย์ถ่วงของรถครับ รถเก๋งจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่วนกระบะจุดศูนย์ถ่วงมันสูงออกแบบมาใช้บรรทุกหรือลุย คือยิ่งต่ำมันก็น่าจะยิ่งเกาะถนนและลู่ลม